ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1684
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อมตธรรม นิรันดรกาล

[คัดลอกลิงก์]
สิ่งที่เป็นอนิจจัง  สิ่งที่เป็นทุกขัง  สิ่งที่เป็นอนัตตา

และ สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง   สิ่งที่ ไม่เป็นทุกขัง   สิ่งที่ไม่เป็นอนัตตา  มีจริงหรือไม่



๑)   สิ่งที่เป็นอนิจจัง (ความไม่เที่ยง)  หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วในโลกนี้

ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  เช่น มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย  มีการเกิด  แก่  เจ็บและตายไปในที่สุด  เหมือนกันทุกชีวิต  บางชีวิตยังไม่แก่แต่ก็ต้องตายก่อนแก่ก็มี หรือต้นไม้ซึ่งเป็นพืช  เป็นสิ่งที่มีชีวิตแต่ไม่มีวิญญาณเหมือนมนุษย์และสัตว์ ทั้งหลาย  ก็ยังต้องมีการเกิด  แก่ และก็ตายไปในที่สุด  จะเป็นต้นไม้เล็กหรือต้นไม้ใหญ่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน เพราะเป็นอนิจจังคือความไม่เที่ยง  ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สามารถพิสูจน์ได้  แม้แต่สิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีชีวิต  ก็เป็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยงต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา  เช่น ภูเขา  แม่น้ำ  ลำคลอง สิ่งปลูกสร้าง  ตึก บ้านเรือน  ยานพาหนะต่าง ๆ  เป็นต้น ก็มีการเกิดขึ้น หรือสร้างขึ้น แล้วผุพังไปตามอายุของวัตถุ สิ่งของนั้น ๆ  เพราะเป็นอนิจจัง คือความไม่เที่ยง  ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งเป็นธรรมชาติ ที่สามารถพิสูจน์ได้  นี้คือ  สิ่งที่เป็นอนิจจัง (ความไม่เที่ยง)

๒)  สิ่งที่เป็นทุกขัง ( ความทุกข์กาย  ทุกข์ใจ )  หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้ว

ในโลกนี้  เราหลงเข้าใจผิดคิดว่า จะทำให้เรามีความสุข  จึงไปยึดมั่นถือมั่น ลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งนั้น  

ความทุกข์กาย  หมายถึงความไม่สบายกาย ที่เกิดจากเรามีร่างกาย มีธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ต้องเลี้ยงด้วยปัจจัย  ๔ คืออาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค  ที่อยู่อาศัย  ถ้าไม่มีปัจจัย ๔ ก็เป็นทุกข์  หรือถ้ามีมากก็เป็นทุกข์อีก  หิวก็ทุกข์  อิ่มก็ทุกข์  ทุกข์ขับถ่าย ทุกข์หนาว ทุกข์ร้อน กระทบอ่อน กระทบแข็ง ก็เป็นทุกข์  เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ก็เป็นทุกข์  นั่ง  นอน  ยืน เดิน  เกิด แก่ เจ็บ ตาย  ล้วนเป็นทุกข์ทั้งสิ้น    นี้คือ  ความทุกข์กาย

            ความทุกข์ใจ  หมายถึงความไม่สบายใจ  ที่เกิดจาก ความอยากรวย  อยากสวย  อยากเป็นใหญ่มียศสูง  มีบริวารมาก  อยากมีชื่อเสียง  อยากมีคู่ครอง อยากมีลูก  เป็นต้น เมื่อไม่ได้ตามความต้องการก็เป็นทุกข์อีก  หรือถ้าหากได้มาตามความปรารถนา ก็กลัวสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาแล้ว  จะสูญหายไปจากตน  กลัวจะพลัดพรากจากของรักใคร่พอใจทั้งหลายทั้งปวง  ก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้น  นี้คือ  ความทุกข์ใจ

นี้เป็นเพียงตัวอย่างสาเหตุของการเกิดทุกข์ และยังมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่เป็นเหตุของการเกิดทุกข์  นี้คือ  สิ่งที่เป็นทุกขัง

๓)   สิ่งที่เป็นอนัตตา  ( ความสูญสลาย ไม่มีตัวไม่มีตน)  หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่

เกิดขึ้นมาแล้วในโลกนี้  เช่น มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ  ต้องสูญสลายไปตามกาลเวลาและอายุของสิ่งนั้น ๆ  เช่น มนุษย์ มีอายุแตกต่างกันไป  บางคนมีอายุสั้นบ้าง ยืนยาวบ้าง  สัตว์ทุกชนิดก็เช่นเดียวกัน  ต้นไม้ก็มีอายุแตกต่างกันไป บางชนิดอายุน้อย บางชนิดอายุมากเป็น ร้อยปีก็มี  ทั้งนี้ไม่ว่ามนุษย์ สัตว์ และต้นไม้  หรือสิ่งต่าง ๆ ก็ต้องสูญสลายไปตามกาลเวลาของสิ่งนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้วนี้  ต้องสูญสลายหมดสิ้นไปตามกาลเวลา  ไม่มีตัวไม่มีตน   นี้คือ  สิ่งที่เป็นอนัตตา

            ๔)  สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง   สิ่งที่ไม่เป็นทุกขัง   สิ่งที่ไม่เป็นอนัตตา     หมายถึง  

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ทั้ง  ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์  ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง  ที่เที่ยงแท้แน่นอน  ไม่มีการเปลี่ยนแปลง  แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม  พระธรรมคำสอนของพระองค์ท่าน  ยังคงเป็นสัจธรรม คือความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ตลอดมา   

            สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง ( มีความเที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ) หมายถึงคำสอนของศาสนาพุทธ  ซึ่งมีพระพุทธเจ้าหลายพระองค์  ที่ผ่านมาจนถึงองค์ปัจจุบัน  ก็มี

คำสอนเช่นเดียวกัน  เช่น บทสอนที่ว่า  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  มนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายเกิดมา เพราะกฎแห่งกรรม  มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นต้น  ซึ่งเป็นคำสอนที่เป็นสัจธรรม  คือความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ และคำสอนอื่น ๆ อีกมากมายล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย  นี้คือ สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

            สิ่งที่ไม่เป็นทุกขัง   ( ไม่ทุกข์ใจ )  หมายถึง  คำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้ง  ๘๔,๐๐๐  พระธรรมขันธ์  ถ้าผู้ใดศึกษาแล้วนำมาประพฤติปฏิบัติตาม  ไม่มีความทุกข์ใจ  มีแต่ความสุข  ความสบายใจ  เช่น พระองค์ท่านสอนให้มีสติ สัมปชัญญะ คือให้ระลึกได้และรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา  สอนให้มีหิริ  โอตตัปปะ  คือความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป  สอนให้มีขันติ  โสรัจจะ  คือความอดทน และสงบเสงี่ยม ,  สอนให้มีพรหมวิหาร ๔  เมตตา   กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  คือมีความรัก ความสงสาร พลอยยินดี  มีใจเป็นกลาง  เป็นต้น  นี้คือ คำสอนที่ไม่เป็นทุกข์  ผู้ใดประพฤติ ปฏิบัติตามจนมีคุณธรรมประจำกาย วาจา ใจ แล้วจะมีแต่ความสุข   นี้คือ สิ่งที่ไม่เป็นทุกขัง

สิ่งที่ไม่เป็นอนัตตา  ( ไม่สูญสลาย )  หมายถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า  ทั้ง  

๘๔,๐๐๐  พระธรรมขันธ์   ซึ่งคำสอนของพระองค์ท่าน ยังคงเป็นสัจธรรม  คือความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้   ถึงแม้กาลเวลา  จะผ่านไปนานสักเพียงใด    คำสอนเหล่านั้น  ไม่มีวันที่จะสูญสลาย  นี้คือ  สิ่งที่ไม่เป็นอนัตตา  

            สิ่งที่เป็นอนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  คือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ               

            สิ่งที่ไม่เป็นอนิจจัง  ไม่เป็นทุกขัง  ไม่เป็นอนัตตา  คือความจริงที่เกิดขึ้นมานานแสนนาน   เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า  ทุก ๆ พระองค์  ทรงสอนอย่างเดียวกัน  
เป็นอมตธรรม  นิรันดรกาล




สาธุธรรมครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้