|
ก่อนที่จะศึกษาเล่าเรียนวิชา หลวงพ่อทองศุข ได้ฤกษ์ยามก่อนแล้วนักกำหนดวันให้หลวงพ่ออุ้นเดินทางไปทำพิธีขึ้นครู หรือการยกครูมีขันธ์ ๕ ดอกไม้ ธูปเทียน บายศรี ทำพิธีขึ้นครู กล่าวได้ว่า หลวงพ่ออุ้น เป็นศิษย์ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อทองศุข โดยตรงอีกรูปหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงการกล่าวอ้างครูบาอาจารย์อย่างเลื่อนลอย
การเรียนวิชาอาคมของหลวงพ่ออุ้น ต้องเดินทางจากวัดตาลกง ไปเรียนที่วัดโตนดหลวง ครั้งหนึ่งพักอยู่ถึง ๑๕ วัน ไปกลับอย่างนี้เป็นประจำ ทั้งยังออกปริวาสกรรมร่วมกับหลวงพ่อทองศุข ขึ้นเขาไปบำเพ็ญเพียรในป่าช้าก็บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งได้พบกับ หลวงพ่อจัน วัดมฤคทายวัน ซึ่งเป็นญาติกับหลวงพ่อทองศุข หลวงพ่อจันเก่งวิชาสะกดชาตรี คือวิชาสะกดให้สัตว์ร้ายอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เรียนมาจากพระภิกษุธุดงค์ชาวเขมร
หลวงพ่อจัน ได้ถ่ายทอดวิชาสะกดชาตรีให้หลวงพ่ออุ้นเช่นกัน สำหรับวิชาที่โดดเด่นมากของหลวงพ่อทองศุข ยากที่ศิษย์ผู้ใดจะได้รับการถ่ายทอด คือ วิชาทำผลพระจันทร์ครึ่งซีก,วิชาทำผงพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นอย่างไร,ผงพระจันทร์ครึ่งซีก เป็นผงเมตตามหานิยม มีพุทธคุณอมตะล้ำลึกแต่ท่านยังไม่เคยนำเอาวิชามาทำผงเลย เพราะสัจจะกฎสำคัญมาก นอกจากนั้นยังได้รับการถ่ายทอดการทำผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช และผงหน้าพระภักษ์ อันเป็นตำรับสุดยอดของพระผงวัดนก จังหวัดอ่างทอง สำหรับตำราผงพระภักษ์ รู้ว่าปัจจุบันได้สูญหายไปจากวงการไสยศาสตร์นานแล้ว หากมีอยู่หรือเป็นมรดกแก่ผู้ใดบ้างก็คงน้อยเต็มทีที่จะรู้ได้
อีกวิชาหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงพ่อทองศุข คือ การสักยันต์คงกระพันชาตรี หลวงพ่ออุ้น เคยสักยันต์ให้ลูกศิษย์ไปหลายคน ล้วนแล้วแต่อยู่ยงคงกระพันชาตรี ภายหลังลูกศิษย์ของท่าน (บางคน) มีนิสัยเกเรสร้างความเดือดร้อนใจให้ผู้อื่น ท่านมาพิจารณาดูแล้วเห็นเป็นการส่งเสริมให้คนประกอบมิจฉาชีพผิดคดีโลก คดีธรรม ตั้งแต่นั้นท่านเลิกสักยันต์โดยเด็ดขาด ส่วนใครที่อยากได้รับประสิทธิ์ประสาทอักขระเลขยันต์จากท่าน ก็เมตตาทำให้เพียงเป่ากระหม่อมหรือเจิมหน้าผากด้วยผงพุทธคุณเพื่อความเป็นสิริมงคล
|
|