อภินิหาร หลวงปู่บุญ พญาเสือโคร่ง ในวัดกลางบางแก้ว
มีเรื่องเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ในย่าน อ.นครชัยศรี ต่อๆกันมาว่า หลวงปู่บุญ ท่านสำเร็จวิชา "สำเร็จธาตุ" เป็นวิชาเดียวกันกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท สามารถเสกใบไม้เป็นต่อแตน เสกหัวปีเป็นกระต่าย ให้พิศวงต่อผู้พบเห็นกันมาแล้ว หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว ก็มีคุณวิเศษไม่แพ้กัน เรื่องมีอยู่ว่า ในปีหนึ่งหลังช่วงประมาณออกพรรษาได้มี พระรูปหนึ่ง ชื่อ "อาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์" ได้เดินทางมาหาหลวงปู่บุญโดยอ้างว่าอยากให้หลวงปู่บุญแนะทางในเรื่องวิปัสสนาและสอบอารมณ์ จะมาขอพักที่วัดสักเดือน ผ่านไปสองถึงสามวัน ก็แล้วอาจารย์ฮวด ก็ยังไม่ขึ้นไปหาหลวงปู่บุญตามที่เคยแจ้งถึงวัตถุประสงค์ที่มาวัดกลางบางแก้ว
วันๆก็เอาแต่คุยอวดอุตริถึงความสามารถของตน ในการลงตะกรุดได้ขลังยิงแทงไม่เข้า มีวิชาผ้ายันต์เมตตา เจอสาวๆจะหลงรัก สามารถล่วงรู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ และยังคุยว่าที่มาวัดกลางบางแก้วนี้เพราะหลวงปู่บุญเชื้อเชิญให้มาช่วยเหลืองานปลุกเสก บนกุฏิอาจารย์ฮวดวันๆ พลุกพล่านไปด้วยพระเณรและฆราวาส ที่เชื่อในคำอวดอ้างของอาจารย์ฮวด วัดดอนมโนราห์ เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาหลวงปู่ตลอด วันหนึ่งหลวงปู่บุญได้เรียกเณรคำ ผู้ซึ่งรับหน้าที่อาจารย์ฮวดให้ไปพบที่กุฏิแล้วส่งแผ่นตะกั่วสี่เหลี่ยมให้พร้อมกำชับว่า "เณรช่วยเป็นธุระให้ฉันหน่อยเถอะจ้ะ...ช่วยเอาแผ่นตะกั่วนี้ไปให้คุณฮวดลงตะกรุดให้ฉันสักดอกหนึ่งนะ จะเอาไปกันปืน เณรรีบเอาไปตอนนี้เถอะปลอดคนแล้ว ช้าเดี๋ยวจะแน่นกันใหญ่"
เณรคำรับแผ่นตะกั่วแล้วรีบตรงไปยังกุฏิ อาจารย์ฮวด ระหว่างทางนึกกระหยิ่มยิ้มย่องว่า ตนเป็นผู้ดูแลต้มน้ำร้อน น้ำชา ให้อาจารย์ฮวดมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ แม้แต่หลวงปู่ก็ยังต้องให้อาจารย์ฮวดลงตะกรุดให้ อาจารย์ฮวดเป็นพระใจดีไม่เหมือนหลวงปู่ถึงจะใจดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะเกรงกลัวบารมี เมื่อขึ้นไปบนกุฏิอาจารย์ฮวดนั่งอยู่เพียงองค์เดียว เณรคำได้แจ้งว่า หลวงปู่บูญใช้ให้เอาแผ่นตะกั่วมาให้ลงตะกรุดกั้นปืนไว้ใช้สักหนึ่งดอก อาจารย์ฮวดได้ฟังคำดังนั้นก็นึกกระหยิ่มอยู่ในใจ หันไปหยิบเหล็กจารและยื่นมือออกมารับแผ่นตะกั่วจากเณรคำ พอแผ่นตะกั่วถูกมืออาจารย์ฮวดเท่านั้น เสียงร้องก็ดังขึ้น"โอ๊ย...โอ๊ย...ร้อน..ร้อนเหลือนเกิน"
เณรคำอยู่ในอาการตกตลึงในเหตุการณ์เบื้องหน้า พร้อมกับงงแผ่นตะกั่วที่ถือมากับมือก็ไม่เห็นเป็นเช่นที่อาจารย์ฮวดกำลังร้องเสียงหลงอยู่ จึงรีบเข้าไปหมายจะไปดึงแผ่นตะกั่วออกจากมืออาจารย์ฮวดแต่เดชะบุญ ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดกับเหมือนยิ่งติดแน่นเข้าไปอีก อาจารย์ฮวดร้องครวญครางต่อไปอีกจากความรู้สึกตนที่คิดว่าความร้อนมาจากแผ่นตะกั่ว "ร้อน ร้อนจริงๆ ....ไอ้เณรเอาอะไรมาให้กู มือกูพองหมดแล้ว" สักครู่เสียงร้องก็เริ่มเบาลง คะเนว่าความร้อนในแผ่นตะกั่วคงเบาบางลง แต่เหตุใดเล่าแผ่นตะกั่วก็หาได้หลุดจากมืออาจารย์ฮวดไม่ ดังนั้นทั้งสองจึงชักชวนกันไปหาหลวงปู่บุญรีบเร่งตรงไปที่กุฏิหลวงปู่บุญ ก้าวขึ้นบันไดกุฏิพ้นบันไดก็จะเป็นห้องโถง ที่หลวงปู่บุญใช้สำหรับรับแขก เป็นประจำ ทันใดนั้นเอง...! ทั้งอาจารย์ฮวดและเณรคำ ต่างตกใจสุดขีด เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือ พญาเสือโคร่งตัวใหญ่มหึมา นั่งจ้องเขม็งดวงตาเปล่งประกายมายังทั้งสอง พร้อมทั้งไม่ได้จ้องอย่างเดียวแต่ลุกกระโจนมายังทั้งสอง ทั้งสองร้องลั่นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต กระโดดลงกุฏิจนจีวรปลิวโดยไม่ได้กลัวขาแข้งหัก ปากก็ร้องลั่นว่า"โอีย! ไม่เอาแล้ว เสือ...เสือ"
จนพระ เณร ศิาย์วัดกลางบางแก้วพากันงงไปหมดว่าสองคนนั่นเล่นอะไรกัน ศิษย์ผู้รับใช้หลวงปู่ได้รีบเข้าไปดูที่กุฏิหลวงปู่บุญ ก็ไม่พบเสือตัวไหน อย่างที่สองคนนั่นร้องเสียงหลง เห็นแต่หลวงปู่บุญนั่งอยู่องค์เดียวพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เสียอีกทั้งยังสั่งว่า "ไปดูคุณฮวดหน่อยซิ เขาว่าจะให้ฉันสอบอารมณ์หลายวันแล้วไม่เห็นขึ้นมา" รับคำเสร็จศิษย์ผู้นั้นก็ตรงไปยังกุฏิอาจารย์ฮวด เห็นทั้งอาจารย์ฮวดและเณรคำ นั่งตัวสั่นงันงก ฝ่ายอาจารย์ฮวดไม่สั่นอย่างเดียวมือก็รีบเก็บข้าวขิงใส่ย่ามหยิบผิดหยิบถูกอย่างรีบเร่ง ไม่สนใจคำเชื้อเชิญของหลวงปู่ผ่านศิษย์ให้ไปสอบอารมณ์ เมื่อจัดข้าวของเสร็จฏ็รีบออกจากวัดไปทันที ทิ้งให้เณรคำยื่นถือแผ่นตะกั่วมองตามหลังไปจนลับตา..