ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5368
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หน้าที่ของนาคราช นาคาธิบดีแห่งไตรยุค

[คัดลอกลิงก์]
เรื่องราวของพญานาคเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในพระพุทธศาสนา และมีตำนานเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ เช่น
- พญากาฬนาค ผู้รักษาถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ในกัปนี้ได้ทรงลอยอธิษฐาน และกล่าวว่าจะยังคงอยู่ไปถึงอนาคตสมัยพระศรีอริยเมตตรัยทรงลอยถาดทองคำ แสดงว่าพญานาคท่านนี้มีอายุยืนยาวท่านหนึ่ง
- พญามุจลินทร์ ที่แผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้าจากลมและฝน เมื่อครั้งทรงนั่งเสวยวิมุตติอยู่ 7 วัน ต้นแบบพระปางนาคปรก
     ใน สมัยพุทธกาล เหล่าพญานาคได้ทูลขอต่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อร่วมรักษาพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวครบถ้วน 5000 ปี กล่าวคือ พญานาคมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามายาวนานหลายยุคหลายสมัย ที่เป็นสัมมาทิฐิก็มาก แต่ที่เป็นมิจฉาทิฐิก็มี เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งคนดี และ คนไม่ดีปะปนกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสัมมาทิฐิ

พญานาค กับตำนานท้องถิ่น
     เรื่องราวของพญานาคจะมีปรากฏหลากหลายในตำนานท้องถิ่นทั่วไป ซึ่งพอสรุปคร่าวๆ คือ
•การเพาะปลูก : พญานาค เป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน
•การกำเนิดแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เช่น ตำนานการเกิดแม่น้ำโขง
•การล่มสลายของเมืองโบราณต่างๆ
•การก่อกำเนิดเมือง เช่น ตำนานกำเนิดประเทศกัมพูชา ที่พญานาคกลืนน้ำซึ่งท่วมดินแดนนั้นอยู่จนแผ่นดินแห้ง กลายเป็นประเทศขึ้นมา
•กองทหารแห่งพระพุทธศาสนา หน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาในด้านต่างๆ เช่น ปกป้องพระอริยสงฆ์ ปกป้องสถานที่สำคัญทางศาสนา
     กล่าวคือ พญานาค เป็นผู้มีพลังเกี่ยวเนื่องชัดเจน เกี่ยวกับความเป็นไปของแผ่นดินและผืนน้ำ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านแผ่นดินและผืนน้ำ มักจะมีความเกี่ยวเนื่องกับพญานาคเสมอ

พญานาคเจ็ดเศียร

     คนไทยจำนวนมาก นิยมสร้างพญานาค ๗ เศียร เพราะเกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติปางนาคปรก (พญามุจลินท์) เราจึงมีโอกาสพบเห็นนาคตามบันไดวัด หรือหินแกะสลักต่างๆ เป็นนาค ๗ เศียร มีหลากหลายสี
     โดยอีกความเชื่อหนึ่ง คือ คนจำนวนมากเชื่อว่า พญานาคที่ฤทธิ์มาก หรือ นาคสูงศักดิ์ จะต้องมีเศียรจำนวนมาก บางคนก็ว่ากันเป็นพันเศียร แต่ส่วนใหญ่เวลาเวลาสร้างให้ดูสวยงามก็มักจะมาลงที่ ๗ เศียร เช่น
•พญาอนันตนาคราช กล่าวกันว่าท่านมีพันเศียรแต่เวลามาสร้างเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช กลับเป็นหัวเรือนาค ๗ เศียร
•พญา ศรีสัตตนาคราช เป็นนาคราช ๗ เศียร ตามคำบอกเล่าของหลวงปู่คำพันธ์ กล่าวว่าเป็นกษัตริย์นาคที่ยิ่งใหญ่กว่าใครในสองแผ่นดิน ไทย-ลาว
     สรุป คือ โอกาสพบนาค ๗ เศียรในประเทศไทยนั้นสูงมาก และมีการสร้างอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตามวัดต่างๆ จึงไม่ได้เป็นสาเหตุการเกิดภัยธรรมชาติตามความเชื่อของบุคคลบางท่านแต่อย่างใด
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-25 15:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หน้าที่ของนาคราช กับ งานภัยพิบัติธรรมชาติ

ในปัจจุบันเริ่มมีหลายคน เริ่มทราบความเชื่อมโยงของพญานาคกับภัยธรรมชาติ ผ่านทางสมาธิบ้าง เทพบางฝ่ายมาส่งข้อมูลผ่านความฝันบ้าง ถึงแม้ภาพที่ได้รับยังไม่ชัดเจน แต่เป็นเสมือนการเตือนว่า วันเวลาของงานครั้งใหญ่ ได้ใกล้เข้ามามากแล้ว ตามวลีที่กล่าวว่า ความลับไม่มีในโลก เป็นเพียงว่าจะรู้ช้าหรือเร็ว หรือ ถึงเวลาที่พระท่านเห็นสมควรแก่การเปิดเผยให้ทราบ

     นับย้อนหลังประมาณ 3 ปีก่อน ผมได้รับคำสั่งด่วนที่สุด ให้ช่วยสร้างบล๊อคพระนาคปรกสามเศียร เพื่อสร้างพระแจกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในการเตรียมงานฯ โดยจำกัดคนละหนึ่งองค์ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา เป็นงานที่ทำบล๊อคเสร็จภายใน ๗ วันเหมือนเนรมิต มาทราบภายหลังว่าเป็นข้อตกลงกับกลุ่มนาคราชผู้ดูแลด้านภัยพิบัติธรรมชาติ ใช้เป็นจุดในการสังเกต เพื่อความรวดเร็วของการเข้าช่วยเหลือขณะเกิดภัยพิบัติ

     เมื่อค่อยๆได้รับข้อมูลมากขึ้นทราบว่า กองทัพนาคราช มีรายชื่อของบุคคลที่จะได้รับการคุ้มครอง และเริ่มส่งบริวารไปดูตามบ้านของบุคคลตามบัญชีรายชื่อ เพื่อให้การคุ้มครองป้องกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในทุกสายการปฏิบัติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกสาย ตรงนี้ทำให้ทราบว่า งานด้านภัยพิบัติของกองทัพนาคราชมีระบบ มีขั้นตอนในการทำงาน รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือคนดีให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ตามกรรม ตามวาระ

     ถ้าเปรียบเทียบก็คล้ายกับ การส่งกองกำลังทหารเข้าเคลียพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ... ทหารไม่ได้มีหน้าที่ทำร้ายคนดี แต่การทำหน้าที่ก็อาจมีผลกระทบกระเทือนบ้าง ตลอดจนทหารมีหน้าที่เข้ากู้ภัยช่วยเหลือประชาชนในกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม และอื่นๆด้วย กองทัพนาคราชก็มีหน้าที่คล้ายกองกำลังทหาร

     ภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายๆอย่าง ก็ล้วนมาจากฝีมือมนุษย์ที่ทำให้โลกขาดความสมดุล และมนุษย์ทำลายล้างกันเอง จนฝ่ายโลกทิพย์ ตลอดจนฝ่ายต่างดาว ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
หน้าที่กองทัพนาคราช เกี่ยวกับภัยพิบัติ โดยย่อ

•ปกป้องพระศาสนา จากฝ่ายมาร
•ป้องกันพุทธสถาน ขณะเกิดภัยพิบัติ
•ช่วยเหลือคนดี ขณะเกิดภัยพิบัติ

นาคาธิบดีแห่งไตรยุค ผู้อยู่เหนือภัยธรรมชาติ

กล่าวว่า กลุ่มนาคราช หมายถึง ไม่ใช่มีเพียงนาคราชท่านเดียว แต่เป็นการรวมตัวของ นาคราชสามพี่น้องผู้รับหน้าที่หลักดูแลยุคทั้งสาม ในการดูแลปกป้องพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ สมัยพระพุทธเจ้าพระองค์แรก (สมเด็จองค์ปฐม) เรื่อยมาจนถึงยุคพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ รวมถึงนาคราชผู้รับหน้าที่จะดูแลในอนาคตกาล สมัยที่พระอริยเมตตรัยมาตรัสรู้ธรรม เรียกรวมว่า ไตรยุค คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมเป็นหนึ่ง มาช่วยกันดำเนินงาน ... แต่ละท่านมีจำนวนเศียร ขนาด สีแตกต่างกัน แต่ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เมื่อรวมจำนวนบริวารของแต่ละท่านก็มากมายประดุจกองทัพ ... บ่งบอกว่างานครั้งนี้เป็นงานที่สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สมควร จารึกไว้

     ในการกำหนดสัญลักษณ์ แทนนาคาธิบดีแห่งไตรยุค เนื่องจากแต่ละท่านมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อความสะดวก ทุกท่านตกลงให้ใช้เป็นรูปนาคราชสามเศียร เรียกนามรวมว่า สีติกะนาคราช ( สีติกะนาคาธิบดี ) และให้มีรูปของพระพุทธเจ้า หรือ เครื่องหมายของพระรัตนตรัย ควบคู่กันไปเสมอ ด้วยพวกท่านมีหน้าที่ผู้ดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาในสามยุค มิใช่มาสร้างลัทธิใดๆ ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น พญานาค เป็นผู้มีพลังพิเศษเกี่ยวกับความเป็นไปของแผ่นดินและผืนน้ำ งานในส่วนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านแผ่นดินและผืนน้ำของโลกครั้งนี้ ทั้งสามภพจึงมีมติให้เป็นหน้าที่ของสีติกะนาคาธิบดีแห่งไตรยุคเป็นกองหน้าใน การดำเนินงาน
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-25 15:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นาคาธิบดีแห่งไตรยุค กับ กองกำลังอภิญญา
     งานของกลุ่มนาคาธิบดีแห่งไตรยุค ทำงานเป็นระบบเชื่อมโยงกับงานของกลุ่มพระอริยะสงฆ์ที่บุคคลทางโลกเรียกว่า คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร เปรียบเหมือนหน่วยงานในบริษัทเดียวกัน แต่ต่างแผนก ต่างหน้าที่ โดยทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

     หากงานของแผนกหนึ่งมีการเลื่อนกำหนดงาน หรือปรับปรุงแผนงาน แผนกอื่นก็ต้องเลื่อนหรือปรับตามกัน เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนกัน "สิ่งนี้จึงเป็นลักษณะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งตายตัว เกินกว่าที่มนุษย์จะเปิดตำราหรือทำนายได้แม่นยำ จึงกล่าวได้ว่า มนุษย์ทำนาย ฤาจะสู้ฟ้าลิขิต"

     หน้าที่ของคณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ดูแลเตรียมงานการรองรับภัยพิบัติทั้งหมด เช่น

•การเตรียม กองกำลังผู้มีอภิญญาพลังจิต เพื่อดำเนินงานต่างๆ
•การคัดกรองรายชื่อของบุคคลผู้ปฏิบัติดีและมีจิตใจดีงาม จากบุคคลทุกสายการปฏิบัติธรรม
•การเตรียมสถานที่หลบภัย เสบียงอาหาร การเคลื่อนย้ายบุคคลเข้าสู่สถานที่หลบภัย
•การรักษา เอกสารสำคัญ ตลอดจนองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ จากภัยพิบัติ
•ฝ่ายสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ ประสานงานกับ กลุ่มบุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
•การประสานงานกับฝ่ายดำเนินการภพภูมิต่างๆ

     ตัวอย่าง การประสานงาน : ก่อนเกิดสึนามิในไทย คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรกำหนดจุดตรึงแผ่นดินในบางส่วนของประเทศไทย ไม่ให้เคลื่อนตัวรุนแรงตามแผ่นดินไหว โดยแต่ละจุดที่ถูกกำหนด ทางนาคาธิบดีแห่งไตรยุคได้ส่งบริวารนาคไปทำการอารักขาและตรึงแผ่นดินไม่ให้ เคลื่อนจนกว่าจะถึงวาระ เช่น บริเวณเขื่อน จ.กาญจนบุรี

จิตใจที่ดีงาม คือ ความรอด
     เรื่องของภัยพิบัติ เป็นเรื่องที่รู้เพื่อ เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมการณ์ให้พร้อม โดยยังดำเนินชีวิต ทำกิจกรรม ทำงานตามปกติ ไม่ตื่นตระหนกหรือกังวลเกินขอบเขต

     การเตรียมใจ คือ การฝึกจิต ยึดมั่นในความดี ในทางพุทธคือ การรักษาศีล5 ฝึกสมาธิ และแผ่เมตตาให้มากๆ

     ด้วยจิตใจที่ดีงาม และมีการเตรียมกาย เตรียมใจที่ดี จะส่งผลให้รอดพ้นจากภัยพิบัติในรูปแบบแตกต่างกัน เช่น

•รอดด้วยผลแห่งกรรมดีของตน
•ได้รับคำเตือนจากกัลยาณมิตร และนำพาให้รอดพ้นด้วยกัน
•ได้รับคำเตือนจากพระสุปฏิปันโน และนำพาให้รอดพ้น
•ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพนาคราชให้ผ่านพ้นวิกฤตเฉพาะหน้าขณะเกิดภัยพิบัติ
•สำหรับบุคคลพิเศษ ได้รับการช่วยเหลือโดยตรงจากกองกำลังอภิญญาของหลวงปู่ใหญ่ พาไปยังสถานที่ปลอดภัย
•อื่นๆ เช่น การช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างมิติ มนุษย์ต่างดาว

     ปัจจุบันทั้งทางวิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์ ได้เชื่อมโยงแนวโน้มแห่งภัยพิบัติธรรมชาติ ไปในแนวทางเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรตระหนักและเตรียมการณ์ด้วยความไม่ประมาท

***************************************************************
     แล้วพวกคุณแต่ละคนล่ะ เลือกทางเดินให้ชีวิตของตัวเองกันหรือยัง การทำในสิ่งดีงาม หรือ การปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่ก็ตาม ความดีงามเหล่านั้นก็ไม่ได้สูญหายไปไหน สิ่งเหล่านี้ก็จะอยู่กับตัวท่านเอง ไปตราบจนนานเท่านาน นานเกินกว่าที่ทุกท่านจะรู้ได้ ท่านเคยรู้สึกบ้างมั้ยว่าทำไมเวลาท่านทำความดีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำไมเรากลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ......

หมายเหตุ : เรื่องนี้โปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการไตร่ตรอง ว่าท่านจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ

ที่มา
http://www.yantip.com/board/view ... page%3D1&page=1
http://www.watthamfad.com

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้