ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2010
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระมหาเถราจารย์ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค

[คัดลอกลิงก์]
สรีระสังขารธาตุขันธ์ที่เหลือไว้ให้ลูกหลานได้กราบไว้
พระมหาเถราจารย์ หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค อายุ ๑๒๘ ปี ท่านเป็นสหธรรมิกของหลวงปู่มั่น ท่านมีอายุผ่านถึง ๗ รัชกาล นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ ถึงรัชกลที่ ๙ ฯ ท่านเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานที่นักปฎิบัติต่างยอมรับกันว่า ทรงฌาณอภิญญาแก่กล้า ฯ กราบ สาธุ
>>>>>เตเต้ ทีม">
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-11 09:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า ผู้ถูกขนานนามว่า "ตู้พระไตรปิฎกแตก"
หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า ผู้ถูกขนานนามว่า "ตู้พระไตรปิฎกแตก" ศิษย์น้องหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

“ฉันได้ถวายชีวิตแก่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าแล้ว เมื่อจะเป็นอันตรายอย่างไร คุณพระท่านก็คงช่วยเหลือไม่ให้ได้รับอันตราย...”
หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า

นี่เป็นคำพูดที่ท่านพูดในเหตุการณ์เกิดไฟป่าใกล้กระท่อมของท่าน
หลวงพ่อสังข์เป็นพระที่เคร่งมากขนาด

หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ชมว่า “ต่อไปคุณสังข์จะเป็นพระที่มั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนาอีกรูปหนึ่ง” ท่านประทับใจหลวงพ่อสังข์ตอนมาเป็นพระกรรมวาจารย์ให้ เมื่อตอนหลวงพ่อสังข์บวช

และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล (อาจารย์ของหลวงพ่อจง) ยังชมว่า

“เจ้าเณรสังข์องค์นี้ ต่อไปจะเป็นเสมือนช้างเผือกประจำกรุงศรีอยุธยา...”

(สมัยนั้นบวชเป็นเณรกับหลวงพ่อปั้น) ซึ่งหลวงพ่อปั้น มีความรักและเมตตากับสามเณรสังข์มาก

ท่านเคร่งขนาดไม่ยอมสร้างพระ(หลังๆมา สร้างแต่น้อยมาก) เพราะกลัวคนจะมาขอแต่พระ ของดี จนไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม (ท่านชอบปฏิบัติธรรมในป่าช้า) ท่านเคร่งทุกกระเบียดนิ้ว ขนาดคนถวายของ ต้องถูกต้องตามพระวินัย ห่างกันเท่าไหร่ ต้องยกประมาณไหน เลยที่เดียว แต่จริงๆแล้วท่านก็ทำเพื่อ ชาวบ้านเพราะตามหลักการถวายผิดวิธี ทำให้พระอาบัติ สุดท้ายบาป ก็มากตกอยู่ที่ชาวบ้านได้

มีอยู่ครั้งนึง เจ้าอาวาสวัดขวิดเอาน้ำล้างจานข้าวที่ฉันแล้วเทราดลงบนศรีษะของสามเณรสังข์ ซึ่งขณะนั้นสามเณรสังข์ท่านกำลังนั่งฉันอาหารอยู่บนศาลาที่กำลังมีญาติโยมร่วมทำบุญเพราะเป็นวันพระ แต่สามเณรสังข์ท่านก็ยังนั่งฉันไปตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองอะไรเลย...

ซึ่งพระครูปุ้ย ท่านมาเฉลยภายหลังว่าสาเหตุที่ท่านเทน้ำล้างจานข้าวลงบนศรีษะสามเณรสังข์นั้น

"เพื่อจะลองใจสามเณรน้อยดูว่าสามารถปฏิบัติกัมมัฏฐานจนสามารถเอาชนะความโกรธ อำนาจแห่งกิเลสได้หรือยัง"

เล่าลือกันว่าจากเหตุการณ์นั้นทำให้ ความศรัทธาจากชาวบ้านต่างเทลงที่สามเณรน้อย เลยทีเดียว

หลวงพ่อสังข์ท่านเจนจบในพระปาฏิโมกข์ และพระไตรปิฏก ได้ตั้งแต่ยังเป็นเณร

ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องของความสามารถสวดพระปาฏิโมกข์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ทำให้พระเณรในยุคนั้นต่างให้ความเคารพยำเกรงต่อสามเณรสังข์ ก็จะไม่ให้ยำเกรงได้อย่างไร

ในเมื่อสามเณรสังข์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงภูมิความรู้ทั้ง “ข้ออนุญาตและข้อห้าม” ในพระวินัยเป็นอย่างดี นี่คือต้นเหตุความเคร่งของท่าน เก่งตั้งแต่เป็นเณร

“ฉันก็เป็นศิษย์หลวงพ่อปั้น หลวงพ่อจง

แต่ที่ฉันไม่อยากเปิดเผยอะไรกับใครเพราะเมื่อเขารู้แล้วจะพากันมาขอนั้นขอนี่ ทำให้เราไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมกัมมัฏฐานภาวนา”

“ของดีๆ แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจก็คือธรรมะ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นำไปใช้เถอะได้ผลแน่

ขอแต่ให้ปฏิบัติอย่างจริงใจเท่านั้นแหละ ย่อมได้ผลคือความสุขกาย สบายใจได้ดีกว่าไปอาศัยเครื่องรางของขลังเหล่านั้น....”

โอวาทธรรมหลวงพ่อสังข์ ปุญญสิริ

ที่มา:พระเกจิอยุธยา

>>>>>ตา ต้น">
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-11 09:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ลำแสงที่ออกจากฝ่ามือ

หลวงปู่ญาท่านสวน ได้ชื่อว่าเป็นพระผู้มีจิตที่ละเอียด สมาธิจิตของท่านถือว่าเยี่ยมมาก ไม่ว่าใครจะอยู่ไกลแค่ไหน หรืออธิษฐานอะไรในใจ ท่านสามารถกำหนดจิตล่วงรู้ได้หมด อาจจะเรียกได้ว่าบรรดาผุ้ที่เคารพเลื่อมใสในตัวท่านและเข้ามากราบไหว้ เกือบจะครึ่งหนึ่งทีเดียวที่มีนิมิตเห็นท่านมาปรากฏให้เห็น

ว่ากันว่า “จิตใสก็เป็นบุญ จิตขุ่นก็เป็นบาป ผู้ใดตามดูจิต โดยความเป็นธรรม ผู้นั้นพ้น ห้วงของมาร...”

พระอาจารย์ชิง ธัมมทินโน เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า..

ท่านได้นำพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ รุ่นปฐวีธาตุ ไปให้หลวงปู่ญาท่านสวนปลุกเสกให้ หลังจากพูดคุยกันสักพักพระอาจารย์ชิง จึงได้นำพระทั้งหมดมาจัดวางไว้ตรงหน้าหลวงปู่ญาท่านสวน พร้อมโยงด้ายสายสิญจน์มาให้หลวงปู่ญาท่านสวน

เมื่อหลวงปู่ฯได้รับสายสิญจน์แล้วท่านจึงมองมาที่วัตถุมงคลทั้งหมดแล้วค่อยๆเข้าสู่สมาธิ พระอาจารย์ชิงเล่าว่า หลวงปู่ญาท่านสวนท่านนั่งนิ่งมาก นิ่งจนขนาดที่ทำให้พระอาจารย์ชิงอยากรู้ว่าหลวงปู่ท่านปลุกเสกอย่างไร

พระอาจารย์ชิงท่านจึงได้เข้าสมาธิเอาจิตตามเข้าไปดูว่าท่านปลุกเสกอย่างไร แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็โดนรัศมีของหลวงปู่ญาท่านสวนเหวี่ยงกระเด็นออกมา ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอขมาและขออนุญาตเข้าไปดูใหม่ ก็สามารถดูได้



“อาตมาได้เห็นลำแสงพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของท่าน แล้ววิ่งไปตามเส้นด้ายสายสิญจน์ สว่างเหมือนลำแสงของหลอดไฟนีออนและวิ่งไปสปาร์คที่กองพระกริ่งพระชัยวัฒน์ เกิดเป็นแสงสว่างไสวมากและคุมอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง...”

หลังเสร็จสิ้นการอธิษฐานจิต หลวงปู่ญาท่านสวนได้มองเล็งมายังท่านพร้อมกับอมยิ้มแล้วพูดกับท่านว่า

“เป็นพระหนุ่มนี่ ใจร้อนเน๊อะ...”

พระอาจารย์ชิง ท่านได้แต่ยิ้มรับและยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้พูดกระแทกตรงใจท่านอีกว่า

“ถ้าอยากทำเป็น ก็หมั่นฝึกเอาทำเอา ไม่นานเดี๋ยวก็เป็นเอง..”



ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้ง อวดตน

คนเก่ง ย่อมทะนง อยู่อย่างเงียบ

คนดีย่อม ไม่ยกตน ข่มท่าน

คนโง่ อวดรู้ดี มีทั่วภพ....

หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้