ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1556
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

คนพูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

[คัดลอกลิงก์]


คนพูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก

ที่จริงโทษที่ได้รับในนรกน่าจะเป็นโทษที่เกิดจากการทำบาปที่หนักหนารุนแรง
ไม่ควรเป็นโทษที่เกิดจากเพียงการพูดไม่จริง
น่าจะมีหลายคนคิดเช่นนี้ แต่ถ้าคิดให้ดี คิดให้ลึก คิดให้รอบ ก็จะได้ความเข้าใจที่ชัดเจนว่า
การพูดไม่จริงมีโทษหนักหนาเพียงไรก็ได้ ถึงตกนรกก็ได้

พระพุทธศาสนสุภาษิตที่กล่าวว่า “คนพูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก” เป็นไปได้แน่นอน
อยู่ที่ว่าความไม่จริงที่เกิดจากผู้พูดจะหนักหนาอันควรแก่การเกิดผลเป็นโทษถึงนรกหรือไม่
ผลย่อมเป็นไปตามเหตุทุกกรณี ไม่มีที่เหตุดีจะให้ผลไม่ดี
และไม่มีเหตุไม่ดีที่จะให้ผลดี การพูดก็เช่นกัน

การพูดเป็นเหตุดีก็ให้ผลดี
ผู้พูดจริงย่อมเข้าถึงสวรรค์ได้
ผู้พูดไม่จริงย่อมเข้าถึงนรกได้

ตามพระพุทธศาสนสุภาษิตที่อัญเชิญมานั่นเอง

ท่านผู้พูดธัมมะอย่างถูกต้อง ก็น่าจะเป็นที่เข้าใจกัน
เชื่อมั่นกันว่า ท่านย่อมเป็นผู้เข้าถึงสวรรค์ และพาผู้ได้ยินได้ฟังด้วยความสนใจ ให้เข้าถึงสวรรค์ได้
หรือแม้เข้าถึงเมืองพระนิพพานก็ย่อมได้ สำคัญที่ธัมมะที่ท่านนำมาพูดให้ได้ยินได้ฟังกัน
เป็นความถูกต้องตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงแสดงไว้เป็นพระพุทธศาสนาเพียงใดหรือไม่
และผู้ได้ยินได้ฟังปฏิบัติตามเพียงใดหรือไม่

ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ธัมมะมีความตรงกันอย่างหนึ่ง
คือธัมมะที่ได้พูดหรือได้ฟังนั้น ผู้พูดก็ตาม ผู้ฟังก็ตาม ต้องเข้าใจถูกต้อง
และต้องปฏิบัติให้ถูกให้จริง จึงจะเกิดผล
คือเข้าถึงสวรรค์ก็ได้ เข้าถึงเมืองพระนิพพานก็ได้

การพูดสำคัญจริงๆ เมื่อนึกถึงที่กล่าวมา ถ้าเป็นการพูดจริงเป็นธัมมะจริง
แม้ผู้พูดจะยังไม่ถึงกับปฏิบัติได้จริงตามคำที่นำไปพูด แต่ถ้าพูดได้ตรงตามความจริง
จะเป็นเพียงท่องจำมา ก็ย่อมยังประโยชน์ให้เกิดได้ ไม่มากก็น้อย

ผู้พูดจึงเป็นผู้มีบุญมีกุศลในระดับความตั้งใจที่เป็นบุญเป็นกุศล
ที่มุ่งเผยแผ่พระพุทธธรรม มุ่งให้ผู้ได้ยินได้ฟังได้มีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธธรรม
ที่นำออกพูดให้ใครๆ ทั้งหลายได้ยินได้ฟังได้รับรู้ด้วย

การพูดธัมมะสอนธัมมะในพระพุทธศาสนามีคุณได้ ก็มีโทษได้
เช่นเดียวกับการพูดเรื่องทั้งหลาย ที่มีได้ทั้งคุณ มีได้ทั้งโทษ

คำพูดหรือวาจาของเราผู้เป็นมนุษย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ควรที่จะให้ความสำคัญแก่วาจาของตนและวาจาของผู้อื่นทั้งหลายด้วย

คืออย่าสักแต่ว่าฟังแล้วก็เชื่อ หรือฟังแล้วก็ไม่เชื่อ
หรือสักแต่ว่าอยากพูดอะไรแล้วก็พูดออกไป จะเกิดผลดีผลร้ายแก่ผู้ใดอย่างไรไม่คำนึงถึง
พูดจริงก็เหมือนพูดไม่จริง คือที่อาจเข้าถึงนรกได้
การพูดมีโทษหนักหนาเพียงไรก็ได้ มีคุณหนักหนาเพียงไรก็ได้
เหตุก็เพราะการพูด สามารถเป็นมือนำคุณหรือโทษไปสู่ผู้ใดผู้หนึ่งได้ไปสู่หมู่คณะใหญ่โตเพียงไรก็ได้

พระพุทธภาษิตสำคัญยิ่งองค์หนึ่ง มีว่า “ริษยาพาโลกให้ฉิบหาย”

ริษยาจะไม่สามารถพาโลกให้ฉิบหาย ได้เลย แม้ไม่มีมือคือคำพูด
คือ  วาจาเข้าไปช่วย ความริษยาที่ไม่มีมือคือวาจา คือ การแสดงออก
ย่อมไม่อาจทำลายโลกได้ ไม่อาจทำโลกให้ฉิบหายได้ อย่างมากอาจทำตนให้เร่าร้อนในจิตใจ
ไร้ความสงบสุขได้เท่านั้น นับว่ายังดี โทษของความริษยายังไม่รุนแรงเต็มที่
คือ  ยังไม่อาจทำโลกให้ฉิบหายได้นั่นเอง

แต่ยากนักที่จะไม่ให้ความริษยาทีเกิดแล้วไม่มีมือส่งออกไปทำความฉิบหายให้แก่โลก
ยากนักจริงๆ จะมีหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ
ว่าความริษยาเกิดในใจผู้ใดแล้วจะมีขอบเขตอยู่ภายในจิตใจผู้นั้นเท่านั้น
จะไม่มีมือนำความริษยาที่เกิดแล้วให้ออกพ้นจากใจ ไปทำความฉิบหายให้เกิดขึ้น
มากน้อยหนักเบาตามกำลังของความริษยาในใจ


: แสงส่องใจ วันคล้ายวันประสูติ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก


.....................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=42927

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้