ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ร้อยเรียงเรื่องเล่าวันวานยังหวานอยู่

[คัดลอกลิงก์]
เกิดไม่ทัน ภาพหาดูยากจริงๆ
พี่ยังไม่ทันตอนนั้นผมคงเป็นดวงจิตล่องลอยอยู่ในซักที่หนึ่ง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย morntanti เมื่อ 2014-10-12 08:12

ไทยไดมารู ห้างที่มีบันไดเลื่อนแห่งแรกของไทย
ถวิลหาอดีต ตอน...ห้างสรรพสินค้าที่มีบันไดเลื่อนแห่งแรกของไทย

ย้อนไปเมื่อ 48 ปีที่แล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2507
ห้างสรรพสินค้าจากญี่ปุ่นได้เปิดดำเนินกิจการขึ้นบนถนนราชดำริภายใต้ชื่อว่า "ไทยไดมารู"

ไทยไดมารู ในสมัยนั้นเป็นที่ตื่นเต...้นของคนไทยเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของไทยที่มีการติดตั้งบันไดเลื่อน เด็กๆ หรือหนุ่มสาวสมัยนั้นถ้าไม่เคยเดินขึ้นบันไดเลื่อนที่นี่ถือว่าเชยมาก นอกจากมาเดินขึ้นบันไดเลื่อนที่ถือว่าเท่ห์แล้วยิ่งถ้าได้เดินถือถุงไทยไดมารูออกไปสมัยนั้นถือว่าเท่ห์ระเบิดเทิดเถิง ไทยไดมารูจะมีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักคือคนญี่ปุ่นที่มาทำงานที่ประเทศไทย สำหรับอาหารการกินที่ห้างไทยไดมารูที่ดังสุดๆ สมัยนั้นเห็นจะเป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ วิมปี้(Wimpy) , เกี๊ยวซ่า และขนมปลาไส้ถั่วแดง

ห้างไทยไดมารู บนถนนราชดำริในอดีต ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาราชดำริ ซึ่งต่อมาไทยไดมารูได้ย้ายจากราชดำริไปเปิดที่ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ บนถนนศรีนครินทร์ และปิดตัวลงเมื่อวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2543 ปิดฉากตำนานห้างสรรพสินค้าที่มีบันไดเลื่อนแห่งแรกของไทย พร้อมกับสโลแกนที่ว่า "สีสันสดใส แหล่งแฟชั่นใหม่ ไทยไดมารู"...

ถวิลหาอดีตครั้งต่อไปจะพาไปรู้จักกับห้างสรรพสินค้าที่มีลิฟท์แก้ว แห่งแรกของประเทศไทย...ลองทายกันเล่นๆนะค๊ะ ว่าที่ไหน
ใครทายถูกอาจจะไม่เกี่ยวก้บอายุก็ได้... ^-^



ห้าง ไทยไดมารู นี้จำได้สมัยเด็กๆ ถ้ามาเดินห้างนี้คุณพ่อจะต้องซื้อแฮมเบอร์เกอร์เพิ่มชีทให้ทานเสมอน่าจะเป็นห้างแรกๆที่มีแอมเบอร์เกอร์ขาย

ภาพถ่าย บริเวณสี่แยกพาต้า สมัยก่อน ... จากแฟนเพจ คุณ Pitaya Bunnag

สี่แยกพาด้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนียังไม่ได้ก่อสร้าง ห้างฯเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า จะอยู่ซ้ายมือของภาพก็ยังไม่ได้ก่อสร้าง ยังเป็นสวนผลไม้อยู่เลย ถ่ายบนยอดตึกพาต้า ประมาณ 30 ปีเห็นจะได้ครับ พิทยา บุนนาค ผู้ถ่ายภาพ
ถ้าในยานนี้เมื่ออดีตใครไม่รู้จักห้างๆนี้คงเป็นไปไม่ได้ ห้าง พาต้า ปิ่นเกล้าอาเขต เพราะเป้นห้างสรรพสินค้าที่นำสิ่งใหม่ๆมาเป็นจุดขาย อาทิ ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกที่มีลิฟท์แก้ว   มีสวนสัตว์ในห้างที่สำคัญมี คิงคอง ที่ใครๆเรียกว่า คิงคองพาต้า ( ปจัจุบันก็ยังคงถูกขังอยู่ในสวนสัตว์พาต้าแห่งนี้ )

ย้อนเวลาสู่อดีต เที่ยวสวนสัตว์พาต้าPosted: 15/08/2012 in Review, Uncategorized       
ป้ายกำกับ:#สวนสัตว์ #สวนสัตว์พาต้า #คิงคอง #กอลิร่า

[size=1.17em][size=1.17em]0

[size=1.2em]
ย้อนเวลาสู่อดีต เที่ยวสวนสัตว์พาต้า
ถ้าพูดถึง ‘สวนสัตว์’ ใครๆ ก็จะพากันนึกถึง ‘เขาดิน’
แต่รู้กันมั้ยว่า นอกจากเขาดินแล้ว สวนสัตว์อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสร้างกระแสฮือฮาได้อย่างมาก เมื่อประมาณสามสิบปีที่แล้ว คือ ‘สวนสัตว์พาต้าปิ่นเกล้า’
‘คิงคอง’ หรือ ‘กอริล่า’ คือพระเอกที่ชักชวนให้ใครๆ ต่อใครมุ่งหน้าไปที่สวนสัตว์พาต้า และนอกจากคิงคองที่นี่ยังมีนกเพนกวิน งูเผือกยักษ์ สัตว์แปลกๆ อีกมายมายจากประเทศต่างๆ ที่เราไม่คุ้นเคยในสวนสัตว์เขาดินสมัยนั้น
สามสิบปีได้ที่ความตื่นเต้นในวันนั้นยังคงครุกรุ่นในความรู้สึกยามที่ขับรถผ่านห้างพาต้าปิ่นเกล้า แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดจะแวะเวียนเข้าไปทักทายความทรงจำในวัยเด็ก
จนกระทั่งวันนี้ วันแม่ปี 2555 อยู่ๆ แม่บ่นอยากไปพาต้าปิ่นเกล้า อยากไปย้อนอดีตทักทายเจ้าคิงคองว่ายังสบายดีอยู่มั้ย แล้วเจ้านกเพนกวินยังอยู่สุขสบายหรือป่าว
วันนี้ได้ฤกษ์ย้อนอดีตขับรถพาแม่ไปสวนสัตว์พาต้า แว่บแรกที่แม่พูดถึงสวนสัตว์พาต้า ใจนึกแว่บขึ้นมาแบบไม่ทันให้สมองได้คิด “ไม่มีแล้ว”, “สวนสัตว์พาต้าเจ๋งไปนานแล้ว” แต่ด้วยความที่แม่เชื่อว่ามันยังอยู่ ศาสตราจารย์กูเกิ้ลจึงเป็นที่พึ่งที่น่าจะช่วยได้ในยามนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือ…มันยังอยู่ เมื่อมีคนเขียนรีวิวถึงมันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากถนนแจ้งวัฒนะก็เดินทางถึงพาต้าปิ่นเกล้า แต่ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ขับรถเข้าที่นี่ และห้างนี้ก็ไม่ได้มีทางเข้าออกลานจอดรถเหมือนห้างสมัยใหม่ที่เห็นกันอยู่มากมาย กว่าจะวนรถขึ้นไปจอดบนลานจอดรถเก่าๆ ที่ชั้น4ได้ก็มึนๆ แบบตื่นเต้นนิดๆ
จอดรถที่ชั้น 4 เสร็จต้องลงลิฟท์จอดรถมาที่ชั้น 2 ถึงจะเข้าไปในตัวห้างได้ แผนกแรกที่เห็นคือแผนกพระและสิ่งศักดิ์ ก่อนจะทะลุมาเจอแผนกเสื้อผ้า ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเก่า กลิ่นเก่าๆ ที่ลอยในอากาศ พนักงานห้างที่เป็นรุ่นใหญ่ๆ
เป้าหมายของเราในวันนี้คือ ‘สวนสัตว์พาต้า’ ลิฟท์มีป้ายบอกนำทาง อ่านในรีวิวบอกไว้ให้ขึ้นไปชั้น 7 จำได้ตอนเป็นเด็ก พาต้ามีลิฟท์แก้วที่มองเห็นวิวด้านนอกเวลาขึ้นลง ตอนเด็กตื่นเต้นมาก แต่วันนี้รู้สึกว่าลิฟท์เล็กมาก ลิฟท์เก่ามาก เพราะเราคุ้นชินกับลิฟท์หรูหราในห้างใหม่ๆ ที่ผลุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ในวินาทีเดียวกันนั้น ก็ได้เห็นเด็กน้อยคนนึงเกาะกระจกลิฟท์ชี้ชวนให้แม่มองออกไปนอกกระจกยามที่ลิฟท์กำลังขึ้น เธอคงรู้สึกเหมือนเราในวันนั้น
ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น 7 เจอพนักงานขายบัตรเข้าชมสวนสัตว์ ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท และอธิบายให้ฟังว่าสวนสัตว์เปิดให้บริการทุกวัน มีทั้งหมดสองชั้น ชั้น 7 สัตว์ที่ดึงดูดผู้ชมส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 7 ส่วนชั้น 6 จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมถึงเวทีแสดงมายากลและละครสัตว์ ซึ่งจะโชว์แค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น
แผนของเราในวันนี้คือเดินชมแค่ชั้น 7 เนื่องจากชั้น 6 จะต้องลงบันไดประมาณ 20 ขั้น และที่สำคัญกว่านั้น ชั้น 6 ไม่มีทางออก ลงไปดูสัตว์ที่ชั้น 6 แล้วต้องย้งนขึ้นบันไดมาออกชั้น 7 อยู่ดี และเนื่องจากแม่เดินไม่สะดวก แม้จะอยากลงไปดูโชว์ แต่แลกกับการเดินขึ้นลงบันไดร่วม 40 ขั้น งานนี้ขอยกธงขาวย้อมแพ้ ขอแค่ชั้น 7 พอ
ที่ชั้น 7 นี่มีนกนานาชนิด ทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น ม้าแคร์ แกะ เสือโคร่ง เสือดาว ตัวเม่น หมี เก้ง ลิงนานาชนิด และแล้วก่อนจะเจอพระเอกของวันนี้ เราได้แวะทักกับลิงอุรังอุตัง ที่กรงนี้เราเจอลิงอยู่สองตัว ซึ่งมันดูฉลาดและมีความคิดมากๆ เรายืนดูผู้หญิงคนหนึ่งเอาขนมปังกรอบแบบเป็นตัวหนังสือเอบีซีมาให้มัน เขาบอกให้มันแบบมือ ตัวแรกยื่นมือออกมานอกกรงแบบมือรับขนมปังเสร็จก็ดึงมือกลับแล้วกำมือไว้ ตัวที่สองยื่นมือออกมาแบบ้าง แต่แบทีเดียวทั้งสองมือ ได้ไปอย่างเยอะอะ พอมันดูในมือว่าเยอะแล้ว ก็กำมือแล้ววิ่งไปนอนแผ่หรากลางกรง เทขนมปังในมือลงพื้น แล้วค่อยๆ เขี่ยเข้าปากกินทีละอัน
ส่วนตัวแรกแบมือขออีก พอได้เพิ่มไปก็กำมือ แต่หน้าตายังบอกว่าอยากจะได้อีก เจ้าของขนมปังส่งเสียงบอกว่าแบมือๆ มันใช้เวลาคิดอยู่พักนึงแล้วพยายามยื่นปากล่างออานอกกรงแล้วพยายามแบะปากให้แบๆ เพื่อให้วางขนมปังได้ (555 เห็นท่ามันแล้วจะขำมาก) แต่เจ้าของขนมปังยังคงยืนยังว่าต้องแบมือ มันใช้เวลาคิดอีกพักนึง ก่อนจะเอาขนมปังอีกมือไปรวมไว้กับอีกมือแล้วกำไว้ เมื่อมีมือว่างมันก็ยื่นมือออกมาแบขอขนมปังเพิ่ม ฉลาดจริงๆ อะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่อยู่ของเจ้าคิงคอง มันดูตัวไม่ใหญ่เหมือนเมื่อตอนเราเป็นเด็กแล้วมองมัน ก็ไม่รู้เพราะเราตัวใหญ่ขึ้นเลยมองมันตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่หรือเปล่า เมื่อพี่คิงคองเห็นคนมารุมดู ก็เริ่มโชว์ เดินกลิ้งห่วงยางไปทางซ้ายที ทางขวาที เหมือนประหนึ่งกำลังอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่วิ่งไปยืนเก๊กหล่อให้แฟนๆ ได้ถ่ายรูปฝั่งซ้ายทีฝั่งขวาที วิ่งได้สักสองรอบก็ไปหยุดนั่งนิ่งๆ หันหลังให้คนดูเหมือนจะเหนื่อย แต่สักแปบก็ลุกมาโชว์วิ่งกลิ้งห่วงยางเหมือนเดิม อาจกลัวแฟนๆ จะเบื่อที่รอนาน
ยืนนิ่งๆ ดูสักพัก เริ่มรู้สึกเอ็นดู อุตส่าห์เกิดมาเป็นคิงคอง น่าจะได้อยู่กับพวกพ้องในป่าใหญ่ ดันถูกจำกัดพื้นที่อยู่ที่นี่ หรืออย่างเสือโคร่งตัวใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ชาติที่แล้วทำอะไรมาถึงเกิดเป็นเสือ แต่เมื่อได้เป็นเสือน่าจะได้ใช้ชีวิตยิ่งใหญ่อยู่ในป่า ดันมาถูกจำกัดพื้นที่อยู่ในกรงแคบๆ มีเพียงภาพวาดป่าซีดๆ จางๆ ที่ดูแทบไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้ให้ดู
แล้วความคิดก็ตะเลิดไปไกล รู้สึกสงสารทุกชีวิตในนี้ แม้จะรู้ว่าสัตว์เหล่านี้คงไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในป่าได้ดังเดิม แต่มันก็น่าจะถูกเลี้ยงดูและดูแลมากกว่านี้หน่อย นกเพนกวินเป็นฝูงที่เคยเห็นวันนี้เหลือเพียงตัวเดียวในห้องกระจกกับแอร์เก่าๆ เห็นในหนังนกเพนกวินเล่นหิมะ ที่นี้มีทรายให้เพนกวินเล่นแทนหิมะ แต่เมื่อคิดอีกที ค่าบัตรใบละ 70 บาท และมีคนมาใช้บริการจำนวนไม่มาก เขาจะเอาเงินที่ไหนมาทำนุบำรุงดูแลละเนอะ
ก่อนกลับเจอลิงแสนรู้ ที่ออกมาถ่ายรูปกับคนที่อยากมีภาพที่ระลึกเก็บไว้ 100 บาทที่จ่ายไปจะได้ภาพคุณกับลิงแสนรู้ที่รู้หน้าที่ เมื่อมีคนมาถ่ายรูปก็กอดคอทำสนิทสนมตามหน้าที่ แต่พอคนหมดก็ทำหน้าเบื่อๆ มันจะเบื่อเพราะขี้เกียจทำงาน หรือจริงๆ แล้วมันไม่ได้คิดอะไรหรอก มีแต่เราและเพี้ยนคิดไปเอง
‘สวนสัตว์พาต้า’ อาจไม่ได้สวยหรูแบบที่อื่นๆ แต่ความทรงจำเก่าๆ ยังคงอบอวนอยู่เต็มไปหมด
วันนั้นแม่พาลูกมาเที่ยว
วันนี้ลูกพาแม่มาเที่ยว
“สุขสันต์วันแม่ค่ะ”
“รักแม่ที่สุด”
@iam.mam




ใครยังจำได้บาง ....ผมคนหนึ่งหละที่เคยไปรอคิวเพื่อขึ้นลิฟท์แก้วที่นี่เพื่อเข้าไปชม คิงคอง นกเพนกวิน



ถ้ามาถึง พาต้า ปิ่นเกล้า แล้วไม่ได้มาทานสุกี้ร้านนี้ผมว่าถ้าเป็นตอนนี้คงต้องใช้คำของรายการ ครัวคุณต้อย คือ ไม่กินถือว่าผิด ครับ.... ไม่ทราบคุณจ๊อ เคยมานั่งทานสุกี้ ร้านนี้ไหม?

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นยุคสมัยที่ร้านฟาสต์ฟู๊ด ร้านพิซซ่า ยังไม่บูม เซเว่น ยังไม่เข้ามาเปิดสาขาไทย ห้างสรรพสินค้าที่ฮิปที่สุดแห่งยุคนั้นต้องยกให้พาต้าปิ่นเกล้า ที่มีลิฟต์แก้วเอาไว้ชมวิวนอกห้าง และมีสวนสัตว์บนดาดฟ้าห้างด้วย ถ้าเทียบความดังของห้างนี้ในยุคนั้นก็คงพอๆ กับพาราก้อนยุคนี้นั่นแหละครับ ส่วนร้านอาหารชื่อดังแห่งยุคล่ะก็ หนึ่งในนั้นก็ต้องมี “แพนด้าสุกี้” อยู่แน่นอนครับ
                ร้านแพนด้าสุกี้ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2526 เป็นร้านสุกี้ร้านแรกๆ ของประเทศไทย หรือถ้านับจริงๆ ก็คือร้านที่สามครับ (ร้านแรกคือร้าน สุกี้เอี้ยวฮั้ว ย่านสุรวงศ์ครับ แต่บางท่านก็ว่าเป็นโคคาสุกี้ ซึ่งจริงๆ ก็เปิดมานานแล้วเหมือนกัน แต่หันมาทำร้านสุกี้ภายหลัง ส่วน MK นั้นมีมาก่อนหน้านั้นเช่นกันแต่หันมาทำร้านสุกี้ MK ในปี 2529) ซึ่งตอนที่แพนด้าสุกี้เปิดใหม่ๆ นั้นโด่งดังมากๆ ครับ ลูกค้าเต็มทั้งตึกที่มีถึงสี่ชั้นเลยทีเดียว บรรยากาศก็ถือว่าหรูหรามาก(ในยุคนั้น)  แต่ราคากลับไม่แพงมาก เรียกได้ว่าหากมีโอกาสมากรุงเทพฯล่ะก็ต้องลองไปกินที่นี่ให้ได้สักครั้ง (เพราะถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ ผมว่าร้านนี้เคยมีโฆษณาทีวีด้วยนะ)
แต่เมื่อเวลาผ่านไป พาต้าปิ่นเกล้าในวันนี้ไม่ใช่ห้างยอดนิยมเช่นในอดีต แพนด้าสุกี้แม้จะผ่านยุครุ่งเรืองจนปัจจุบันเปิดให้บริการแค่ชั้นล่างชั้นเดียว(เดิมสี่ชั้น) ส่วนภายนอกนั้นแม้จะดูโทรมไปมาก แต่บรรยากาศภายในนั้นยังสะอาดสะอ้านและดูดีครับ  หม้อสุกี้ก็เปลี่ยนใหม่เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแล้ว ลูกค้าก็ยังมีมาใช้บริการอยู่พอสมควรบรรยากาศเลยไม่ดูเงียบเหงานัก
สำหรับสุกี้ที่นี่นั้น ก็เหมือนกับสุกี้ที่เราคุ้นเคยกันดี พอนั่งโต๊ะปุ๊บก็มีผักดองเสิร์พให้ทานกันด้วย ส่วนน้ำจิ้มสุกี้นั้นรสจะออกหวานๆ เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ อาหารอื่นๆ ก็ถือได้ว่าสดใหม่ และราคาไม่แพงนัก (เหมือนจะถูกกว่า MK นิดหน่อย) แต่มีที่แพงบ้างก็ตรงเป็ดย่างที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ซึ่งจะมีน้ำซอสที่เป็นเอกลักษณ์ คือเสิร์พพร้อมกับถั่วต้มพะโล้ ซึ่งน้ำพะโล้ที่ใช้ราดเป็ดนั้นก็มีส่วนผสมของเนยถั่วสกิปปี้ ทำให้มีความหวานมันแตกต่างจากที่อื่น
โดยรวมแล้ว การมาทานที่ร้านนี้ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปสมัยสามสิบปีก่อน ซึ่งบรรยากาศอาจจะไม่ถูกใจวัยรุ่นนัก แต่เหมาะที่จะมาสังสรรค์คุยธุรกิจหรือทานอาหารกับครอบครัวมากกว่า พอทานเสร็จแล้วจะแวะเดินเที่ยวพาต้าปิ่นเกล้ารำลึกความหลังด้วยก็ไม่เลวนะครับ
จุดเด่นร้านบรรยากาศเก่าแก่ แต่สะอาด อาหารรสชาติโอเค มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
จุดด้อยภายนอกดูเก่าไปหน่อยจนไม่น่าเข้า พนักงานพูดเสียงดังไปนิดนึง(ตกใจ)
ราคาเฉลี่ยต่อหัว100 – 400 บาท  (มีพวกอาหารจานเดียวราคาไม่แพงด้วยครับ)
พิกัดอร่อยด้านหลังพาต้าปิ่นเกล้า สามารถใช้ที่จอดรถของห้างได้เลย (ไม่มีค่าจอดรถ)


ร้านสุกรีนี้เราทัน

ไม่ทัน ไม่ทัน
มีอีกป่าว อยากดูๆๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้