[size=1.2em]ย้อนเวลาสู่อดีต เที่ยวสวนสัตว์พาต้า
ถ้าพูดถึง ‘สวนสัตว์’ ใครๆ ก็จะพากันนึกถึง ‘เขาดิน’
แต่รู้กันมั้ยว่า นอกจากเขาดินแล้ว สวนสัตว์อีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมและสร้างกระแสฮือฮาได้อย่างมาก เมื่อประมาณสามสิบปีที่แล้ว คือ ‘สวนสัตว์พาต้าปิ่นเกล้า’
‘คิงคอง’ หรือ ‘กอริล่า’ คือพระเอกที่ชักชวนให้ใครๆ ต่อใครมุ่งหน้าไปที่สวนสัตว์พาต้า และนอกจากคิงคองที่นี่ยังมีนกเพนกวิน งูเผือกยักษ์ สัตว์แปลกๆ อีกมายมายจากประเทศต่างๆ ที่เราไม่คุ้นเคยในสวนสัตว์เขาดินสมัยนั้น
สามสิบปีได้ที่ความตื่นเต้นในวันนั้นยังคงครุกรุ่นในความรู้สึกยามที่ขับรถผ่านห้างพาต้าปิ่นเกล้า แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดจะแวะเวียนเข้าไปทักทายความทรงจำในวัยเด็ก
จนกระทั่งวันนี้ วันแม่ปี 2555 อยู่ๆ แม่บ่นอยากไปพาต้าปิ่นเกล้า อยากไปย้อนอดีตทักทายเจ้าคิงคองว่ายังสบายดีอยู่มั้ย แล้วเจ้านกเพนกวินยังอยู่สุขสบายหรือป่าว
วันนี้ได้ฤกษ์ย้อนอดีตขับรถพาแม่ไปสวนสัตว์พาต้า แว่บแรกที่แม่พูดถึงสวนสัตว์พาต้า ใจนึกแว่บขึ้นมาแบบไม่ทันให้สมองได้คิด “ไม่มีแล้ว”, “สวนสัตว์พาต้าเจ๋งไปนานแล้ว” แต่ด้วยความที่แม่เชื่อว่ามันยังอยู่ ศาสตราจารย์กูเกิ้ลจึงเป็นที่พึ่งที่น่าจะช่วยได้ในยามนี้ และคำตอบที่ได้ก็คือ…มันยังอยู่ เมื่อมีคนเขียนรีวิวถึงมันในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง
ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากถนนแจ้งวัฒนะก็เดินทางถึงพาต้าปิ่นเกล้า แต่ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ขับรถเข้าที่นี่ และห้างนี้ก็ไม่ได้มีทางเข้าออกลานจอดรถเหมือนห้างสมัยใหม่ที่เห็นกันอยู่มากมาย กว่าจะวนรถขึ้นไปจอดบนลานจอดรถเก่าๆ ที่ชั้น4ได้ก็มึนๆ แบบตื่นเต้นนิดๆ
จอดรถที่ชั้น 4 เสร็จต้องลงลิฟท์จอดรถมาที่ชั้น 2 ถึงจะเข้าไปในตัวห้างได้ แผนกแรกที่เห็นคือแผนกพระและสิ่งศักดิ์ ก่อนจะทะลุมาเจอแผนกเสื้อผ้า ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความเก่า กลิ่นเก่าๆ ที่ลอยในอากาศ พนักงานห้างที่เป็นรุ่นใหญ่ๆ
เป้าหมายของเราในวันนี้คือ ‘สวนสัตว์พาต้า’ ลิฟท์มีป้ายบอกนำทาง อ่านในรีวิวบอกไว้ให้ขึ้นไปชั้น 7 จำได้ตอนเป็นเด็ก พาต้ามีลิฟท์แก้วที่มองเห็นวิวด้านนอกเวลาขึ้นลง ตอนเด็กตื่นเต้นมาก แต่วันนี้รู้สึกว่าลิฟท์เล็กมาก ลิฟท์เก่ามาก เพราะเราคุ้นชินกับลิฟท์หรูหราในห้างใหม่ๆ ที่ผลุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ในวินาทีเดียวกันนั้น ก็ได้เห็นเด็กน้อยคนนึงเกาะกระจกลิฟท์ชี้ชวนให้แม่มองออกไปนอกกระจกยามที่ลิฟท์กำลังขึ้น เธอคงรู้สึกเหมือนเราในวันนั้น
ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้น 7 เจอพนักงานขายบัตรเข้าชมสวนสัตว์ ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 40 บาท และอธิบายให้ฟังว่าสวนสัตว์เปิดให้บริการทุกวัน มีทั้งหมดสองชั้น ชั้น 7 สัตว์ที่ดึงดูดผู้ชมส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 7 ส่วนชั้น 6 จะเป็นสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ รวมถึงเวทีแสดงมายากลและละครสัตว์ ซึ่งจะโชว์แค่เสาร์อาทิตย์เท่านั้น
แผนของเราในวันนี้คือเดินชมแค่ชั้น 7 เนื่องจากชั้น 6 จะต้องลงบันไดประมาณ 20 ขั้น และที่สำคัญกว่านั้น ชั้น 6 ไม่มีทางออก ลงไปดูสัตว์ที่ชั้น 6 แล้วต้องย้งนขึ้นบันไดมาออกชั้น 7 อยู่ดี และเนื่องจากแม่เดินไม่สะดวก แม้จะอยากลงไปดูโชว์ แต่แลกกับการเดินขึ้นลงบันไดร่วม 40 ขั้น งานนี้ขอยกธงขาวย้อมแพ้ ขอแค่ชั้น 7 พอ
ที่ชั้น 7 นี่มีนกนานาชนิด ทั้งที่เคยเห็นและไม่เคยเห็น ม้าแคร์ แกะ เสือโคร่ง เสือดาว ตัวเม่น หมี เก้ง ลิงนานาชนิด และแล้วก่อนจะเจอพระเอกของวันนี้ เราได้แวะทักกับลิงอุรังอุตัง ที่กรงนี้เราเจอลิงอยู่สองตัว ซึ่งมันดูฉลาดและมีความคิดมากๆ เรายืนดูผู้หญิงคนหนึ่งเอาขนมปังกรอบแบบเป็นตัวหนังสือเอบีซีมาให้มัน เขาบอกให้มันแบบมือ ตัวแรกยื่นมือออกมานอกกรงแบบมือรับขนมปังเสร็จก็ดึงมือกลับแล้วกำมือไว้ ตัวที่สองยื่นมือออกมาแบบ้าง แต่แบทีเดียวทั้งสองมือ ได้ไปอย่างเยอะอะ พอมันดูในมือว่าเยอะแล้ว ก็กำมือแล้ววิ่งไปนอนแผ่หรากลางกรง เทขนมปังในมือลงพื้น แล้วค่อยๆ เขี่ยเข้าปากกินทีละอัน
ส่วนตัวแรกแบมือขออีก พอได้เพิ่มไปก็กำมือ แต่หน้าตายังบอกว่าอยากจะได้อีก เจ้าของขนมปังส่งเสียงบอกว่าแบมือๆ มันใช้เวลาคิดอยู่พักนึงแล้วพยายามยื่นปากล่างออานอกกรงแล้วพยายามแบะปากให้แบๆ เพื่อให้วางขนมปังได้ (555 เห็นท่ามันแล้วจะขำมาก) แต่เจ้าของขนมปังยังคงยืนยังว่าต้องแบมือ มันใช้เวลาคิดอีกพักนึง ก่อนจะเอาขนมปังอีกมือไปรวมไว้กับอีกมือแล้วกำไว้ เมื่อมีมือว่างมันก็ยื่นมือออกมาแบขอขนมปังเพิ่ม ฉลาดจริงๆ อะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่อยู่ของเจ้าคิงคอง มันดูตัวไม่ใหญ่เหมือนเมื่อตอนเราเป็นเด็กแล้วมองมัน ก็ไม่รู้เพราะเราตัวใหญ่ขึ้นเลยมองมันตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่หรือเปล่า เมื่อพี่คิงคองเห็นคนมารุมดู ก็เริ่มโชว์ เดินกลิ้งห่วงยางไปทางซ้ายที ทางขวาที เหมือนประหนึ่งกำลังอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตที่วิ่งไปยืนเก๊กหล่อให้แฟนๆ ได้ถ่ายรูปฝั่งซ้ายทีฝั่งขวาที วิ่งได้สักสองรอบก็ไปหยุดนั่งนิ่งๆ หันหลังให้คนดูเหมือนจะเหนื่อย แต่สักแปบก็ลุกมาโชว์วิ่งกลิ้งห่วงยางเหมือนเดิม อาจกลัวแฟนๆ จะเบื่อที่รอนาน
ยืนนิ่งๆ ดูสักพัก เริ่มรู้สึกเอ็นดู อุตส่าห์เกิดมาเป็นคิงคอง น่าจะได้อยู่กับพวกพ้องในป่าใหญ่ ดันถูกจำกัดพื้นที่อยู่ที่นี่ หรืออย่างเสือโคร่งตัวใหญ่ยักษ์ ไม่รู้ชาติที่แล้วทำอะไรมาถึงเกิดเป็นเสือ แต่เมื่อได้เป็นเสือน่าจะได้ใช้ชีวิตยิ่งใหญ่อยู่ในป่า ดันมาถูกจำกัดพื้นที่อยู่ในกรงแคบๆ มีเพียงภาพวาดป่าซีดๆ จางๆ ที่ดูแทบไม่รู้ว่าเป็นต้นไม้ให้ดู
แล้วความคิดก็ตะเลิดไปไกล รู้สึกสงสารทุกชีวิตในนี้ แม้จะรู้ว่าสัตว์เหล่านี้คงไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตในป่าได้ดังเดิม แต่มันก็น่าจะถูกเลี้ยงดูและดูแลมากกว่านี้หน่อย นกเพนกวินเป็นฝูงที่เคยเห็นวันนี้เหลือเพียงตัวเดียวในห้องกระจกกับแอร์เก่าๆ เห็นในหนังนกเพนกวินเล่นหิมะ ที่นี้มีทรายให้เพนกวินเล่นแทนหิมะ แต่เมื่อคิดอีกที ค่าบัตรใบละ 70 บาท และมีคนมาใช้บริการจำนวนไม่มาก เขาจะเอาเงินที่ไหนมาทำนุบำรุงดูแลละเนอะ
ก่อนกลับเจอลิงแสนรู้ ที่ออกมาถ่ายรูปกับคนที่อยากมีภาพที่ระลึกเก็บไว้ 100 บาทที่จ่ายไปจะได้ภาพคุณกับลิงแสนรู้ที่รู้หน้าที่ เมื่อมีคนมาถ่ายรูปก็กอดคอทำสนิทสนมตามหน้าที่ แต่พอคนหมดก็ทำหน้าเบื่อๆ มันจะเบื่อเพราะขี้เกียจทำงาน หรือจริงๆ แล้วมันไม่ได้คิดอะไรหรอก มีแต่เราและเพี้ยนคิดไปเอง
‘สวนสัตว์พาต้า’ อาจไม่ได้สวยหรูแบบที่อื่นๆ แต่ความทรงจำเก่าๆ ยังคงอบอวนอยู่เต็มไปหมด
วันนั้นแม่พาลูกมาเที่ยว
วันนี้ลูกพาแม่มาเที่ยว
“สุขสันต์วันแม่ค่ะ”
“รักแม่ที่สุด”
@iam.mam