ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2144
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เถรส่องบาตร

[คัดลอกลิงก์]
เถรส่องบาตร (พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)

ทีนี้มาพูดกันถึงเรื่องการไหว้ศพ หลวงพ่อปานท่านทำอย่างนั้นเป็นประเพณี ความจริงท่านทำเป็นสัจธรรม ไอ้อย่างฉันมันไม่รู้นี่ ฉันก็เลยว่าเป็นประเพณี ทีนี้ท่านให้ไหว้ทีไร พวกเราก็ต้องตามไปไหว้ ไหว้มาหลายศพ ๑๐ กว่าศพแล้ว ฉันนึกอยู่เสมอว่า ไอ้ศพนี่มันเป็นศพฆราวาส ผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้าง ถ้าเป็นคนแก่กว่าท่านก็น่าไหว้ ไอ้นี่คนเหล่านั้น.. บางทีก็ไอ้พวกเด็กๆ ท่านก็ไหว้

มาอีคราวหนึ่งฉันจำได้ว่ายายฟูแกตาย ชื่อยายฟู คนเหนือวัด นี่เขาก็เอามาตั้งที่วัด พอมาตั้งแล้วหลวงพ่อปานท่านก็ถือดอกไม้ธูปเทียน ท่านไม่บอกใครหรอก ต้องคอยดูกัน คอยจับตาดู ถ้าศพมาแล้วเตรียมพร้อม พระเก่าๆ น่ะเขาเห็นแห่ศพมาเขาจัดแจงครองจีวรพาดสังฆาฏิกันแล้ว เขารู้ว่าเดี๋ยวหลวงพ่อจะไป แล้วเขาก็นั่งจ้อง นั่งมองตามหน้ากุฏิ

พอหลวงพ่อเดินลงมาจากกุฏิท่าน เขาก็พร้อมเลยทีเดียว คอยท่าน เดินตามหลังไปเป็นระเบียบเงียบสงัด สำรวจทุกอิริยาบถน่าเลื่อมใส เมื่อเวลาไปกราบศพยายฟูเสร็จ ไอ้ฉันมันเป็นคนขี้สงสัย แล้วเป็นคนที่ออกจะพูดมากสักนิดหนึ่ง ชาวบ้านน่ะถ้าใครเขาไม่พูดฉันก็พูด แต่ทว่าจะมีใครเขาสงสัยเหมือนฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้

พอกราบเสร็จประเดี๋ยวท่านก็นั่งนิ่ง ประเดี๋ยวฉันก็นิ่งบ้าง นิ่งยังไงก็ไม่รู้ หลับตาปี๋ หลับมันส่ง หลับแล้วก็นึกสงสัยว่าหลวงพ่อมาไหว้ยายฟูทำไม ยายฟูคนนี้อายุแกประมาณ ๓๐ หลวงพ่อปาเข้าไปตั้ง ๖๐ กว่าแล้ว สมัยยายฟูแกอยู่หลวงพ่อท่านเรียก อีฟูๆ แต่เอ๊ะเวลาตายมาไหว้ยายฟู

พอท่านลืมตามาท่านก็กราบ ฉันก็กราบบ้าง พระท่านก็กราบ คอยดูหลวงพ่อ ดูจังหวะ ไอ้ทำแบบนี้สมัยโบราณเขาเรียกว่าทำแบบเถรส่องบาตร อย่างพวกฉันนะ ไม่ใช่หลวงพ่อ ไอ้ฉันน่ะทำแบบเถรส่องบาตรนิทานเรื่องเถรส่องบาตรมันมี นิทานในพระพุทธศาสนา จะเล่าให้ฟังสักนิดหนึ่ง

เรื่องเถรส่องบาตรนี่ท่านเป็นเถรผู้ใหญ่ พอดีบาตรท่านแตกอยู่นิดหนึ่ง ตามธรรมดาในวินัย ถ้าแตกพอนิ้วรอดได้ต้องเปลี่ยนบาตรใหม่ บาตรอันนั้นจะใช้ทรงไม่ได้ พระพุทธเจ้าปรับเป็นอาบัติ เพราะข้าวรั่ว ทีนี้เถรผู้ใหญ่ คือเถระผู้ใหญ่บาตรท่านแตก เวลาท่านเช็ดบาตรเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ส่องดูๆ ว่ารอยร้าวมันจะแตกมากหรือไม่มาก

ถ้ามันยังไม่มากก็ใช้ต่อไป ทีนี้ลูกน้องท่านซิ ไม่รู้ว่าท่านส่องทำไม เห็นท่านส่องก็ส่องบ้าง ส่องส่งเดช ไอ้บาตรของตัวน่ะไม่แตก เห็นอาจารย์ส่องก็ส่อง แล้วไม่ถามด้วยว่าท่านส่องทำไม ส่องตามท่าน เขาเรียกว่าส่องแบบโง่ๆ ข้อนี้ฉันใด ฉันในเวลานั้นก็เหมือนกัน ไม่ใช่เถรส่องบาตร เขาเรียกกราบตามเถร แต่ไม่รู้ว่าท่านกราบเพื่ออะไร ฉันสงสัย

พอท่านกราบครั้งสองเสร็จ พอท่านจะลุกกลับฉันก็หันไปถาม ยกมือพนมบอกว่า
“...หลวงพ่อขอรับ ยายฟูแกเป็นเด็กกว่าหลวงพ่อ เวลาแกอยู่หลวงพ่อก็เรียกอีฟู แล้วเวลาแกตายแล้วหลวงพ่อก็มากราบ แล้วศพนี่ก็เป็นศพผู้หญิงนะครับ หลวงพ่อมากราบทำไม...”
ท่านหันมายิ้ม ท่านบอก “...เจ้าลิงดำนี่ยังไม่หมดโง่อีกหรือนี่...”
“...ขอรับ ผมไม่หมดโง่ โง่แน่ขอรับ นี่ผมโง่มา ๑๐ กว่าศพแล้ว...”

ท่านก็หัวเราะชอบใจ บอก “...เออ ไอ้ลิงดำมันโง่มันก็ยังดี มันยังถาม ไอ้คนโง่ไม่รู้แล้วถามมันก็เกิดความฉลาดได้ แต่ไอ้คนโง่แล้วไม่ถามนี่ มันโง่ดักดาน...” โง่แบบเถรส่องบาตรตามที่เล่ามา ท่านก็เลยบอกว่า “...นี่ฉันไม่ได้กราบอีฟูนะ...
“...อ้าวแล้วกัน หลวงพ่อไม่ได้กราบยายฟู แล้วหลวงพ่อกราบใครล่ะครับ แล้วศพนี่ก็ศพยายฟู...”

“...บอกนั่นแหละศพมันก็ศพอีฟู แต่ข้าไม่ได้กราบอีฟู ข้ากราบสัจธรรมของพระพุทธเจ้า...”
“...คำว่าสัจธรรมหมายความว่าอะไรขอรับ หมายความว่ายังไง...”

ท่านก็บอกว่า “...สัจจะ แปลว่า ความจริง ธรรมะวาจาที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ การกล่าววาจาของพระพุทธเจ้าตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ฉะนั้นที่ฉันมากราบนี่ฉันกราบธรรมะคือสัจจะความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสว่ามันเป็นความจริงทุกครั้งถ้าพบศพ...”

เอ๊ะงงอีตอนนี้ชักสงสัยก็เลยบอกว่า “..ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายขอรับ..” พระเก่าๆ ท่านมองแล้วท่านก็ยิ้ม แต่พระใหม่ๆ น่ะไม่ยิ้มหรอก น่ากลัวจะเหมือนฉันน่ะหลายองค์ กราบส่งเดช
ท่านก็เลยบอกว่า ที่ว่ากราบสัจธรรมน่ะมันเป็นยังงี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า สัตว์ก็ดี คนก็ดี หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วมีความเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างกลาง ที่สุดมันก็แตกทำลายหมด

ถ้าเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ตายในที่สุด ถ้าเป็นวัตถุธาตุก็แตกทำลายในที่สุด ไอ้บ้านเรือนโรงภูเขาลำเนาป่า อะไรมันก็เหมือนกัน ภูเขามันเป็นหินแข็งแต่ว่านานๆ เข้าก็เป็นหินผุกลายเป็นดินไป ทีนี้ไอ้คนหรือสัตว์ก็เหมือนกัน มันเกิดขึ้นมาในตอนต้น มันตัวเล็กๆ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนสภาพเข้ามาทุกทีๆ ถึงความเป็นคน เป็นบุคคลใหญ่ เป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็แก่ นี่เป็นอาการเปลี่ยนแปลง จัดเป็นอนิจจัง

พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนั้น นี่คนเราทุกคนมันก็มีสภาพอย่างนั้น เหมือนเธอเมื่อก่อนก็เป็นเด็ก แล้วก็มาเป็นหนุ่ม นี่มันเป็นตัวอนิจจัง แล้วในที่สุดอีฟูนี่ มันเด็กกว่าฉันมันก็ตาย พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นอนัตตา คือไม่มีใครจะห้ามความตาย ไม่มีใครจะห้ามความเสื่อมสูญความสลายตัวได้ อีฟูก็เป็นอย่างนี้ ตัวพวกเราเองก็จะเป็นอย่างนี้ นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ไม่ผิด นี่ฉันกราบสัจธรรมแบบนี้ แล้วเธอกราบแบบไหน

“...ผมก็กราบยายฟูเข้าให้...”
ท่านก็หันไปหัวเราะกักๆๆ บอก “...เออนี่..น่ากลัวจะล่อเข้าหลายศพแล้วซี...”
“...ขอรับ หลายศพแล้ว ทุกศพละขอรับ จนกระทั่งยายฟูนี่เป็นศพสุดท้าย ผมกราบศพเข้าให้แล้วขอรับ...
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้