บางคัมภีร์ระบุว่าพระศิวะมีลูกสาวองค์เดียวคือพระนางมาริษาหรือมนสาเทวีอิตถีเทพผู้เป็นที่กล่าวขวัญกันว่างดงามเป็นยิ่งนักแต่ทว่าในคัมภีร์ก็ กล่าวว่าพระธิดาองค์นี้จะประสูติจากพระมเหสีองค์ใดของพระศิวะก็มิอาจทราบได้เพราะมิได้ปรากฏหลักฐานอันใดจึงมีการสันนิษฐานกันว่าอาจจุติมาจากการที่พระศิวะทรงนิรมิตเสกสรรขึ้นมาเองก็เป็นได้และไม่มีทางที่พระนางมาริษาจะเป็นธิดาของพระศิวะที่ประสูติจากพระนางปาราวตี หรือพระแม่อุมาเพราะมีเรื่องร่ำลือกันว่าพระนางมาริษาไม่ค่อยถูกชะตากับพระอัครมเหสีของผู้เป็นพระบิดาเท่าใดนักพระนางมาริษากับพระนางปาราวตีมีเรื่องขัดแย้งกันบ่อยๆจนฝ่ายอ่อนเยาว์กว่าได้ตัดสินใจเสด็จลงมาประทับบนโลกและสถิตย์อยู่ในฐานะเทพนารีที่ประทานพรต่อมนุษย์จึงมีผู้คนนิยมสักการะบูชากันไม่น้อยในเวลาต่อมาในบางคัมภีร์ก็ยังระบุว่า พระศิวะมีลูกสาวอีกองค์หนึ่งคือพระนางเนตาเทวีและก็มิได้บ่งบอกไว้เช่นกันว่าพระมารดาของพระนางเนตาเทวีคือใครกันแน่แต่ถึงอย่างไรเรื่องราวของพระนางเนตาเทวีก็มิค่อยปรากฏบทบาทใด ๆ มากนักในแวดวงเทพเทวะ...
ตามประวัติเดิมนั้น นางมนสาเทวี ไม่เป็นที่โปรดปราณของพระนางปราวตีนักด้วยเหตุนี้เธอจึงเสด็จสู่พื้นล่างบนโลกมนุษย์กับลูกสาวพระศิวะ อีกพระองค์หนึ่งคือนาง เนตา เมื่อลงมาสู่โลกมนุษย์พระนางมีความใฝ่ฝัน ว่าอยากจะให้โลกได้บูชาพระนางเหมือนกัน
เรื่องเล่าสืบกันมาว่า จานนท์ ซึ่งเป็นนายพานิชน์แห่งจำปาก เป็นผู้ซึ่งนับถือพระศิวะและพระนางปราวตีเป็นที่สุด พระนางมนสาเทวี พยายามทุกวิถีทางที่จะเปลื่ยนความตั้งใจของจานนท์ แต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยความร่ำรวยของจานนท์ได้สร้างสวนดอกไม้ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อน นางมนสาเทวีได้สั่งให้งู บริวารทั้งหลายเข้าไปทำลายสวนดอกไม้นั้นเสีย ด้วยผลบุญที่จานนท์ มั่นคงในพระศิวะเทพจนเป็นที่โปรดปราณพระเป็นเจ้าจึงได้ประทาน มนตราลึกลับให้บทหนึ่งเพื่อใช้ในการชุบสิ่งที่ตายแล้วให้ฟื้นได้และด้วยมนตร์บทนี้เองที่ทำให้ดอกไม้ทั้งหลายเบ่งบานในสวนอีกครั้ง
นางมนสาเทวีไม่สิ้นความตั้งใจ ใช้มายาและมนตราแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยเพื่อให้จานนท์หลงรัก จนในที่สุดนางก็ล้วงเอาความลับแห่งมนตราในการชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นได้สำเร็จและคืนร่างเดมบอกกับจานนท์ว่า ให้กลับใจมาบูชานางเสีย แล้วจะประสบความสำเร็จและได้จากจานนท์ไปในที่สุด เมื่อมนตราลึกลับได้หลุดจากปากจานนท์ไปแล้วย่อมใช้กับจานนท์ไม่ได้ผลอีกต่อไป
การดื้อรั้นของจานนท์ เป็นเหตุให้ลูกชายทั้ง 6 ถูกงูกัดตาย และทุกครั้งก่อนลูกแต่ละคนจะตาย จานนท์ได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูว่า ให้กลับใจมานับถือนางเสีย แต่เขาก็ยังดื้อรั้น ครั้งหนึ่งจานนท์ได้อาศัยเรือสินค้าเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางนั้น นางมนสาเทวีได้บัดาลให้เกิดมรสุมใหญ่ เรือแตกอับปางจานนท์ได้สวดมนตร์ถึงพระนางปราวตี พระเทวีได้เสด็จมาช่วยเหลือจานนท์ นางมนสาเทวีได้ตัดพ้อกับพระศิวะเทพผู้เป็นบิดาว่าการที่พระมหาเทวีมาช่วยเหลือนั้นไม่ยุติธรรมต่อนาง และขอให้พระศิวะนำพระนางปราวตีกลับวิมานเสีย อย่าได้มาเกี่ยวข้องกับนางเลย พระศิวะเลยต้องทำตามคำขอร้องของพระธิดาอันที่จริงนางมนสาเทวีไม่มีเจตนาจะฆ่าจานนท์ จึงเนรมิตปัทมอาสน์บัลลังก์ดอกบัวรับเอาจานนท์ไว้แต่จานนท์รู้ว่าเป็นของนางมนสาเทวีจึงไม่ยอมรับไว้ แต่นางก็บันดาลให้จานนท์ถึงฝั่งโดยปลอดภัย จานนท์สูญเสียทรัพย์สินทุกอย่างจากเหตุเรือล่มครั้งนั้นได้เดินทางไปอาศัยอยู่กับเพื่อน แต่พอรู้ว่าเพื่อนบูชานางมนสาเทวีก็ออกจากบ้านของเพื่อนไปโดยไม่ได้ร่ำลา ชีวิตพเนจรของจานนท์ลำบากมาก อดอยากจนถึงต้องกินกาบ
กล้วยเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆหนึ่งแม้ว่านางมนสาเทวีจะเสด็จมาสู่ภาคพื้นดิน แต่ก็ยังมีฤทธิ์สามารถขึ้นสวรรค์เหมือนเดิมทุกประการ วันหนึ่งนางไปเยี่ยมเพื่อนที่เป็นชาวสวรรค์ด้วยกัน เพื่อนทั้ง 2 ของนางมนสาเทวีบอกว่าจะลงไปจุติเพื่อช่วยให้การกิจของนางได้สำเร็จ คนหนึ่งจะไปถือกำเนิดเป็นบุตรชายของจานนท์ชื่อ ลักษมินทร อีกคนหนึ่งจะไปเกิดเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อค้าของจานนท์ชื่อว่า นาง เพลุหา และเมื่อทั้ง 2 เติบโตจะได้แต่งงานกันโหรทำนายไว้ว่า วันแต่งงาน ลักษมินทรจะถูกงูกัดตาย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทจานนท์ได้สั่งให้ช่างสร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่งซึ่งไม่มีรูในบ้านเลยแต่ช่างถูกนางมนสาเทวีข่มขู่ จึงได้สร้างบ้านเปิดรูเท่าเส้นผมไว้และเอาผงถ่านอุดไว้ พร้อมกันนั้นได้กำชับเวรยามตรวจตราเหนียวแน่นและโรยผงพิษหมายเด็ดชีพงูไว้รอบๆบริเวณบ้าน และด้วยรูนี้เองทำให้งูบริวารของนางมนสาเทวีแทรกเข้ามาในบ้านหลังดังกล่าว ขณะที่ ลักษมินทรหลับอยู่ นางเพลุหา เห็นงูเข้ามาในห้องก็ทำทีเป็นป้อนนมและอาหารให้กับงู เมื่องูเผลอก็เลื่อนบ่วงกระตุกงูขึ้นแขวนกับขื่อคา 2-3ตัวแต่นางโดนพิษงูเข้าไปเลยทำให้นัยน์ตามัวเลยหลับไปในที่สุด ดังนั้นลักษมินทรก็เลยถูกงูเด็ดชีพตามที่โหรทำนายไว้ทุกอย่าง
คนที่ถูกงูกัดตายนั้นไม่นิยมเผา แต่นิยมเอาใส่แพลอยน้ำไป และด้วยความที่นางรักลักษมินทรมาก นางตัดสินใจที่จะนั่งอยู่ในแพกับสามีด้วย ไม่ว่าญาติผู้ใหญ่ เพื่่อนฝูง พี่น้องจะทัดทานเท่าไรก็ไม่เป็นผล ก่อนที่แพจะออกจากฝั่ง นางได้สั่งให้แม่จุดตะเกียงขึ้นห้องพักและปิดประตูห้องให้มิดชิด ตราปใดที่ตะเกียงยังสว่างอยู่ย่อมมีความหวังว่า ลักษมินทรจะฟื้นขึ้นมาแพศพของลักษมินทรล่องลอยไป
ตามลำน้ำนานถึง 6 เดือน โดยที่สภาพศพไม่เน่าเปื่อย วันหนึ่งแพได้มาจอดที่ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง หล่อนเห็นสาวคนหนึ่งกำลังซักผ้า แต่ลูกชายร้องไห้งอแงห้ามปรามเท่าไรก็ไม่ยอมหยุด นางก็เลยเค้นคอลูกชายจนแน่นิ่งและหมดสติไป นางไม่ได้แสดงอาการสะทกสะท้านใดๆจนกระทั่งงานเสร็จ นางได้เอาน้ำพรมลงบนตัวลูกชายและพร่ำบ่นมนตราไม่กี่คำ ลูกของนางก็ฟื้นได้ดังเดิมนางที่นั่งซักผ้าริมตลิ่งผู้นี้ หาใช่ใครอื่นแต่เป็นนางเนตาลูกสาวอีกคนหนึ่งของพระศิวะเจ้าที่ลงสวรรค์มาพร้อมกับนางมนสาเทวีนั่นเอง นางเพลุหาเห็นเช่นนั้นก็อ้อนวอนขอให้นางช่วยชุบวิตสามี นางเนตามีข้อแม้ว่านางเพลุหาต้องขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับตนและรำถวายให้กับทวยเทพชมก่อนจนทวยเทพประทานพรให้นางถึงจะชุบชีวิตสามีให้นางได้ ด้วยความที่อดีตชาติของนางเพลุหาเป็นนางอัปสรมาก่อนจึงรำได้อย่างงดงามเป็นที่จับจิตจับใจของทวยเทพ ฝ่ายทวยเทพได้ประทานพรให้ แต่นางมนสาทวีไม่ยอมบอกว่านางเพลุหาต้องไปเปลี่ยนความคิดให้จานนท์มานับถือนางเสียก่อน ดังนั้นนางเพลุหาจึงต้องกลับจำปากนครเพื่อไปบอกกับพ่อสามีตน ในที่สุดจานนท์ก็ยอมบูชานางมนสาเทวีอย่างเสียมิได้ด้วยตำนานนี้ทำให้เกิดความเชื่ออย่างหนึ่งที่ติดมาจนถึงทุกวันนี้คือ การใช้มือซ้ายในการถวายบูชานางมนสาเทวี เพราะมือขวาของจานนท์นั้นใช้ถวายและบูชาพระศิวะและพระนางปราวตีเท่านั้นขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายโยนดอกไม้ถวายของบูชากับนางมนสาเทวีอย่างเสียมิได้โดยที่สายตาก็ยังไม่ยอมเหลือบมองแม้แต่เทวรูปของนางมนสาเทวีเลยแม้แต่น้อย...
ที่มา buddhakun.com
|