ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 23053
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ต้นโยนีปีศาจ

[คัดลอกลิงก์]


- ชิ้น                   


- ชิ้น                   


-
ต้นโยนีปีศาจต้นหีผี  และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Schrebera swietenioides Roxb. เป็นพืชม้ประเภทยืนต้น ลักษณะไม้เปลือกแข็ง ลำต้นสูงใหญ่  ประเภทใบเลี้ยงคู่ออกดอกเป็นช่อๆ สีขาวแกมเหลืองเล็กน้อยคล้ายๆ ดอกพวงพยอม  แต่ไม่มีกลิ่นหอม จะเริ่มออกดอกในระยะต้นของเดือนพฤษภาคม ลักษณะของผลคล้ายๆ  ลูกมะกอก ขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร เมื่อลูกสุกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม  จะหล่นลงมาและแตกออกเป็นสองซีก เมื่อนำไปกดกับดินทรายดูจะปรากฏรอยคล้ายอวัยวะเพศหญิง  มีเฉพาะประเทศไทย พบตามซากภูเขาไฟเก่า   ซึ่งเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว   การขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ดและปักชำทำได้ยาก






    ลั  ดเลาะจากบริเวณตัวปราสาทหินเขาพนมรุ้ง เมื่อสัปดาห์ก่อน เป้าหมายต่อไปของผม คือเขตอุทยานแห่งชาติเขากระโดง  บนเนื้อที่กว่าพันไร่ ความเป็นเขากระโดงนั้น มีความวิเศษอยู่ที่พระสุภัทรบพิตรสีทองอร่าม ที่ประดิษฐานท่ามกลางแมกไม้ป่าเต็งรัง ทอดสายเนตรมายังตัวเมืองบุรีรัมย์ที่อยู่เบื้องล่าง ปากปล่องภูเขาไฟแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ปะทุลาวาขึ้นมาก่อรูปเป็นเนินเขาราวแสนปีมาแล้ว ที่สำคัญคือต้นไม้ประจำถิ่นอันเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเขากระโดง เธอคือหีผี หรือกระนุยขม็อจ ที่ยืนต้นท้าทายสายตาผู้คนมานานนับสิบปี

      หีผี มะกอกโคก หรือที่สมเด็จพระเทพฯ พระราชทานนามให้ว่า โยนีปีศาจ อันแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านอักษรศาสตร์ของพระองค์ เป็นไม้ยืนต้นเปลือกแข็ง ต้นสูงใหญ่ ดอกเป็นช่อสีขาวแกมเหลือง คล้ายดอกพะยอมแต่ไม่มีกลิ่นหอม ผลเหมือนลูกมะกอก เมื่อผลสุกเต็มที่จะร่วงลงมาและแตกออกเป็น ๒ ซีก หากนำไปกดกับทรายจะปรากฏเป็นรอยลักษณะเช่นเดียวกับอวัยวะเพศหญิ
      ตำนานท้องถิ่น จากประวัติศาสตร์บอกเล่า เล่าขานกันมาว่า สมัยหนึ่ง พระโพธิสัตว์เจ้าจุติจากเทวโลก ลงมากำเนิดเป็นโอรสของท้าวมหาธรรมราชากับนางสุวรรณเทวี แห่งเมืองพรหมพันธ์ นามปาจิตต์กุมาร ครั้นพระชนม์ได้ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาก็ทรงคิดจะอภิเษกให้ขึ้นครองราชย์ และได้หาพระธิดาของกษัตริย์ของเมืองขึ้นร้อยเอ็ดหัวเมืองมาให้เลือก แต่ท้าวปาจิตต์ไม่ต้องพระทัย ปรารถนาจะหาคู่ด้วยพระองค์เอง โหรทำนายว่า เนื้อคู่ของพระองค์ยังอยู่ในครรภ์หญิงม่ายนางหนึ่ง ให้ท้าวปาจิตต์เดินทางไปทางทิศตะวันออกจะได้พานพบหญิงม่ายผู้นั้น โดยสังเกตุแสงตะวันทรงกลดเป็นเงากั้นบนศีรษะ เพราะบุญญาธิการของทาริกาที่อยู่ในครรภ์
      หลังฟังคำทำนายโหร ท้าวปาจิตต์เดินทางหาคู่ จนไปพบนางบัว ชาวบ้านสัมฤทธิ์ซึ่งกำลังตั้งครรภ์และมีลักษณะตรงกับคำทำนาย ท้าวปาจิตต์จึงขอฝากตัวเป็นคนรับใช่้ รอจนนางบัวได้คลอดบุตรเป็นหญิง ลักษณะถูกต้องตรงตามคำทำนาย จากนั้นได้ช่วยนางบัวเลี้ยงดูทารกน้อยที่ชื่อว่า อรพิมพ์ จนเติบใหญ่เป็นสาว ท้าวปาจิตต์ได้ลานางบัวกลับเมืองเพื่อกลับมาสู่ขอ เรียกว่าเลี้ยงต้อยจนใช้การได้แล้ว ต่อมาท้าวปาจิตต์ ก็ยกขบวนขันหมากมาสู่ขอ ระหว่างเดินทางมาถึงบ้านกงรถ ท้าวปาจิตต์ได้ข่าวว่า อรพิมพ์ถูกท้าวพรหมทัตกุมาร โอรสแห่งพาราณศรีฉุดไปเป็นชายา แต่อรพิมพ์ไม่ยินยอม จึงถูกขังไว้ในปราสาทของท้าวพรหมทัต
        ท้าวปาจิตต์ เสียพระทัยมาก รับสั่งให้ทหารในขบวนขันหมากทุกคนกลับเมือง ส่วนพระองค์เดินทางต่อไปคนเดียว จนได้พบอรพิมพ์และช่วยให้ออกมาจากที่คุมขัง  ระหว่างทางท้าวปาจิตต์ถูกนายพรานฆ่าตายและชิงตัวอรพิมพ์ไป แต่อรพิมพ์ก็กลับฆ่านายพรานนั้นเสีย แล้วกลับมารักษาท้าวปาจิตต์ ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ด้วยสมุนไพร แล้วทั้งสองก็เดินทางล่องเรือผ่านแม่น้ำสายหนึ่ง มีสามเณรรูปหนึ่งพายเรือให้ เณรออกอุบายลวงให้ท้าวปาจิตต์ขึ่้นฝั่งก่อน ส่วนเณรก็พาอรพิมพ์พายเรือหนีไป กระทั่งถึงฝั่งอรพิมพ์ได้ออกอุบายให้เณรขึ้นต้นมะเดื่อแล้วเอาหนามตรึงเณรไว้ ก่อนจะพายเรือกลับมาหาท้าวปาจิตต์ แต่ไม่พบ
          นางระเหเร่ร่อนตามหาท้าวปาจิตต์ลำพัง ระหว่างทางนางหวั่นเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงอธิษฐานจิตขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แปลงร่างให้เธอเป็นชาย โดยขอให้บางส่วนที่เป็นหญิงหลุดหายไปจากร่าง จากนั้นอรพิมพ์ก็นำปทุมถันของนางไปฝากไว้ที่ต้นงิ้ว ส่วนโยนี ไปฝากไว้ที่ต้นมะกอกโคก แล้วก็กลายเป็นต้นหีผีมาจนวันนี้
           ตามตำนาน เล่าว่า ในที่สุดอรพิมพ์ก็ได้พานพบคนรักของเธอ โดยที่เธอก็ไม่ได้สูญหายล้มตายอย่างใด เธอกลับมาเป็นหญิงและมาเอาโยนีที่เธอฝากไว้กลับไปแปะไว้ที่เดิม
            ในขณะที่ผมกำลังเดินทางลงจากเขากระโดงนั้น มีบางคำถามผุดขึ้นในใจ ว่าอรพิมพ์ก็ไม่ได้ตาย อีกทั้งเธอยังนำสมบัติคู่กายของเธอกลับไปให้ท้าวปาจิตต์เชยชมสมใจได้
             ไฉน วันนี้ ต้นไม้สูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าผม ยังคงมีชื่อว่า ต้นหีผี และหีผี ก็ยังติดดอกออกผลเป็นต้นหีผีไม่หลุดหายไปกับอรพิมพ์




2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-30 16:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณครับ
เพลงโคราชจะมีประวัตินางอรพิมด้วยครับ ในเนื้อเพลงที่เคยได้ยินแถวบ้านผมเรียกว่าต้นสำโรงครับ
พี่ปลูกไว้กี่ต้นครับ
เธอคือหีผี หรือ กระนุยขม็อจ


เห็นอยู่นะต้นนี้ เวลาไปเขากระโดง
โยนีปีศาจ : ปาจิตตกุมารชาดก

นางอรพิมพ์จึง ควักนมทั้งสองข้างออกมา ปาเข้าป่า กลายเป็นต้น "นมนาง" จากนั้นนางจิกแก้มอวบอิ่มจิ้มลิ้มเป็นพวง เหวี่ยงทิ้งไปกลายเป็นต้น "แก้มอ้น" และควักโยนีขึ้นปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "โยนีปีศาจ"

ในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พ.ศ.2025-2034) ได้กล่าวถึงนิทานเรื่องท้าวปาจิตไว้ใน "โคลงทวาทศมาส" ความว่า


ประจิตเจียนเหน้าหน่อ ................อรพินท์
พระพิราไลยปลง.........................ชีพแล้ว
คืนสมสุดาจินต์...........................รสร่วม กันนา
กรรมแบ่งกรรมแก้วแก้ว.............ช่วยกรรม
นิทานเรื่องท้าวปาจิตนางอรพิมพ์/อรพินทุ์ เป็นตำนานเมืองพิมาย (นิทานปัญญาสชาดก เรื่อง "ปาจิตตกุมารชาดก")  ต่อมาใน สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี  กวีได้ร้อยกรองไว้ในรูปกลอนสุภาพ กลอนตำนานท้าวปาจิตนางอรพิมพ์  เป็นเอกสารสมุดไทย ค้นพบที่ วังหลัง ลีลากลอนสุภาพของสุนทรภู่นั้นมีแม่แบบมาจาก กลอนตำนานท้าวปาจิตนางอรพิมพ์ ซึ่งชำระพิมพ์โดยกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓อนึ่ง ต้นเรื่องนิทานคำกลอนจันทโครพ ก็มีความคล้ายคลึงกับนิทานเรื่องท้าวปาจิตนางอรพิมพ์ รวมถึง ฉากลาวัด ในกลอน รำพันพิลาปของสุนทรภู่ ตรงกับฉาก ภายในวัดเทพธิดาราม ผู้ชำระนิทานเรื่องนี้คือทิพวัน บุญวีระ ข้าราชการบำนาญ กรมศิลปากร

นิทานเรื่องท้าวปาจิตนางอรพิมพ์มีเรื่องย่อดังนี้
กาลครั้งหนึ่ง ณ ประเทศเขมร มีเมืองหลวงชื่อ "นครธม" มีกษัตริย์พระนาม "พระเจ้าอุทุมราช" มีพระโอรสพระนามว่า "ปาจิต"
พระราชโอรส ปาจิต ไม่ทรงปลงใจกับสาวงามคนใด พระราชบิดาจึงให้โหรหลวงได้ทำนายดวงพระชะตา ฝ่ายโหรหลวงได้ทำนายดวงพระชะตาว่า เนื้อคู่พระปาจิตกำลังอยู่ในท้องแม่ ขอให้มุ่งหน้าไปตามทิศพายัพสู่เมืองพิมาย จะเจอหญิงท้องแก่ผู้ยากไร้ หญิงผู้นี้ เวลาเดินกลางแดดจะมีกลดวิเศษกั้นแดดให้เสมอ
พระปาจิตได้ฟังดังนั้น จึงออกเดินทาง จนเข้าเขตเมืองพิมาย ที่บ้านสัมฤทธิ์ เจอหญิงท้องแก่ดำนากลางแดด มีกลดวิเศษบังแดดไว้ จึงเข้าไป ถามไถ่ ได้ความว่าแกชื่อ "ยายบัว" พระปาจิตเลยขออาศัยอยู่ด้วย กระทั่งยายบัวคลอดลูก ทาริกานั้นได้นามว่า อรพิมพ์ พระปาจิตช่วยเลี้ยงมาจนโต

พระปาจิตเดินทางกลับบ้านเมืองตนเพื่อเตรียมยกขันหมาก ฝ่ายพระเจ้าพรหมทัต ผู้ครองเมืองพิมาย ทราบกิตติศัพท์ความงามของนางอรพิมพ์ จึงยกพลชิงนางมาเป็นมเหสี แต่นางอรพิมพ์ไม่ยอมและตั้งสัจจาธิษฐานว่า หากมิไม่ใช่พระปาจิตแล้ว ขอชายอื่นไม่สามารถแตะต้องตัวนางได้
พระปาจิตแห่ขบวนขันหมากกลับมา พบว่านางอรพิมพ์ถูกพระเจ้าพรหมทัตชิงตัวไป จึงรีบเดินทางขอเข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต โดยใช้กโบบายลวงว่าเป็นพี่ชายนางอรพิมพ์ พระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อพาพระปาจิตไปเข้าพบกับนางอรพิมพ์ในยามราตรีมีงานเลี้ยง นางอรพิมพ์จึงมอมเหล้าพระเจ้าพรหมทัตจนสลบ พระปาจิตจัดแจงชักดาบสังหารพระเจ้าพรหมทัตจากนั้นทั้งสองก็ รอนแรมหลบหนีเข้าป่ากว้าง พบกับนายพราน นายพราน มีจิตปฏิพัทธ์ต่อ นางอรพิมพ์ จึงยิงศรสังหารพระปาจิต จากนั้นนายพราน ก็พานางอรพิมพ์จากไป อรพิมพ์แสร้งบอกนายพรานว่าเดินไม่ไหว ให้นายพรานหาควายมาใช้เป็นพาหนะพานางอรพิมพ์ซ้อนท้าย เมื่อได้ควายและเดินทางไปได้ไม่ไกลนัก นางอรพิมพ์จึงฉวยดาบสังหารนายพรานจนตายแล้วกลับมายังที่ศพพระปาจิตนางอรพิมพ์ครวญคร่ำรำพันโศกาดูร เทวษ ทุมนา นัก เดือดร้อนถึงพระอินทร์และพระวิศสุกรรม ต้องแปลงร่างมาเป็นงูเห่ากับพังพอนต่อสู้กัน เมื่อฝ่ายหนึ่งพลาดท่าถูกกัดตาย อีกฝ่ายจะไปกัดแทะเปลือกไม้สมุนไพร มาพ่นใส่ให้ฟื้น ผลัดกันฟื้นผลัดกันตายอยู่อย่างนี้ นางอรพิมพ์จึง นำสมุนไพร นั้นใช้รักษาพระปาจิต จนฟื้นทั้งคู่เดินทางจนมาถึงแม่น้ำใหญ่ กำลังคิดจะว่ายข้าม ปรากฎว่ามีเรือลำหนึ่งผ่านมา มีคนขับเป็นตาเถร ตาเถรเห็นนางอรพิมพ์ก็มีจิตปฏิพัทธ์ จึงใช้อุบายรับนางอรพิมพ์ข้ามฝากแต่เพียงผู้เดียว นางอรพิมพ์และพระปาจิตหลงเชื่อ ตาเถรแทนที่จะพานางอรพิมพ์ข้ามแม่น้ำ กลับพายเรือกลับบ้าน นางอรพิมพ์ไม่รู้ทำยังไง มองไปข้างลำน้ำเห็นต้นมะเดื่อ จึงแสร้งใช้มารยาบอกตาเถรว่าอยากกินมะเดื่อ ตาเถรหลงเชื่อปีนต้นมะเดื่อขึ้นไป นางจึงรีบเอาหนามมาสะไว้ที่โคนต้นมะเดื่อ จากนั้นนางจึงพายเรือหนี ไป

นางอรพิมพ์กลับมาหาพระปาจิตไม่พบ ได้แต่เศร้าใจ ตั้งจิตอธิษฐานว่าความงามของตนช่างก่อให้เกิดเคราะห์กรรม ขอเป็นชายดีกว่า พระอินทร์ได้ทราบดังด้วยญาณวิถี จึง ให้พรแก่นาง
นางอรพิมพ์จึง ควักนมทั้งสองข้างออกมา ปาเข้าป่า กลายเป็นต้น "นมนาง" จากนั้นนางจิกแก้มอวบอิ่มจิ้มลิ้มเป็นพวง เหวี่ยงทิ้งไปกลายเป็นต้น "แก้มอ้น" และควักโยนีขึ้นปาเข้าป่ากลายเป็นต้น "โยนีปีศาจ"เมื่อกลายเป็นชาย นางร่อนเร่ไปเรื่อย จนเจอเมืองเมืองหนึ่ง ซึ่งพระราชธิดาแห่งเมืองนี้ เพิ่งสิ้นพระชนม์ นางจึงขอเข้าเฝ้าพระราชา แล้วก็นำสมุนไพรที่เคยใช้กับพระปาจิตชุบชีวิตพระราชธิดา จากนั้นพระราชามีพระราชประสงค์ ให้นางอรพิมพ์ อภิเสกสมรสกับพระราชธิดา แต่นางอรพิมพ์ขอบวชเป็นพราหม์แทน พร้อมทั้งสลักเรื่องของนางกับพระปาจิตไว้ที่ข้างฝากุฎี

ฝ่ายพระปาจิต ตามหานางอรพิมพ์ไปทั่วทิศ ใช้ระยะเวลาร่วม 7 ปี แต่ก็ยังไม่พบ สุดท้ายเดินทางจนมาหมดแรงที่หน้าพระกุฎีพราหม์ เมื่อพระปาจิต เห็นภาพสลักเข้า ก็ทราบว่าเป็นเรื่องราวของตน จึงได้พบกับนางอรพิมพ์
จากนั้นนางอรพินท์เดินกลับไปตามหาอวัยวะ ที่ได้ควักทิ้งไว้ ตามต้นไม้ต่างๆ นำมาประกอบใหม่ กลายเป็นนางอรพิมพ์คนงามเช่นดังเดิม   กลอนตำนานท้าวปาจิตนางอรพิมพ์  บรรยาย ความไว้ว่าทั้งบุญหลังที่อบรมประสมไว้ อย่าได้ช้าจงมาช่วยพระคุณขา
ข้าไหว้ไปจนถึงพระอินทรา จงลงมาเป็นสักขีที่พยาน
โยนีของกระผมที่ฝากไว้ จงกลับลงมาสู่ที่กายเป็นธิษฐาน
ขอคืนกายกลายเป็นหญิงอย่านิ่งนาน เหมือนธิษฐานด้วยว่าสัจจาใจ
สิ้นคำปากถันนางฝากไว้ที่ต้นงิ้ว ก็ลอยลิ่วลงมาสวมสับนิสัย
รูปกายบุรุษก็หลุดไปในทันใด อันรูปกายกลับเป็นหญิงดังก่อนนา
โยนีนางที่วาจาได้ฝังฝาก บรรดาจากปลายสำโรงเร็วหนักหนา
อยู่ตามรูปโยนีเหมือนเดิมนา รูปราชาสังฆราชก็หายไป
รูปจริตมิได้ผิดสนิทแน่ นางอรพิมนั่นแท้อย่าสงสัย
ต้นสำโรงที่นางฝากโยนีปลาย จึงออกหน่วยก็กลายเหมือนโยนี
ต้นงิ้วนั้นที่อกถันนางไปฝาก ครั้นถันนางมาจากคืนอิตถี
ด้วยนิสัยไว้เป็นเดิมยังอยู่ดี จึงปุ่มงิ้วนั้นมามีเหมือนนมคน

อ่านมาถึงย่อหน้าสุดท้าย ผู้อ่าน คงเริ่ม อยากเห็นต้น โยนีปีศาจ กันขึ้นมาบ้างแล้วใช่หรือไม่ ต้นโยนีปีศาจ มี ชื่อพฤกษศาสตร์  shrebera swieteniodes Roxb. จัดอยู่ในวงศ์  Oleaceae ชื่อเรียกภาษาพื้นเมืองมีหลายชื่อได้แก่  โยนีปีศาจ  หีผี  มะกอกดอน(อีสาน)  สำโรง  มะกักป่า(ตะวันตก)  มะกอกเผือก(เหนือ)  มะกอกโคก (กลาง)    คนุยฺคมอจฺ (เขมร)



http://www.gotoknow.org/posts/168235

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้