คณะศิษยานุศิษย์ ในร่มเงาแห่งแก่นธรรมแท้ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ นั้นมีมากมายเกินจะกล่าวได้หมด บ้างก็ลือชื่อ บ้างก็เงียบสนิท บางองค์ซุกซ่อนเร้นกายอยู่ตามเงี้อมผา ป่า ถ้ำ ไม่ปรารถนาพบใคร มุ่งแต่ทำความเพียรเผากิเลส
ณ กาลปัจจุบันคณะศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ในชั้นลูกคงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด อาทิ พระธรรมวิสุทธิมงคล (บัว ญาณสัมปันโน), พระสุธรรมคณาจารย์ (เหรียญ วรลาโภ) (ปัจจุบัน มรณภาพแล้ว) เป็นต้น แต่คณะศิษย์ ในชั้นหลานยังคงมีมากมายเป็นที่อบอุ่นใจแก่ศรัทธาผู้ปรารถนาพระ ภิกษุที่เป็นพระสุปฏิปันโนแท้จริง
ประมาทชั้น หลาน ก็ไม่ได้เจียวหนา
เพราะมหาเถระประเภท ลูกศิษย์ ของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ผู้ได้รับคำ ยกย่อง ในภูมิจิต ภูมิธรรมถึงขั้นพ้นโลกจากพระอาจารย์ใหญ่ ยังออกปากรับรอง หลานศิษย์ ของท่านพระอาจารย์มั่นแบบเน้นย้ำก็มากองค์
หลวงปู่จันทา บวชเมื่อปี พ.ศ. 2490 แล้วได้ถวายองค์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ขาว อนาลโย แห่งวัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี (อ.เมือง จ.หนองบัวลำภูปัจจุบัน) การประกอบพากเพียรของหลวงปู่จันทาเป็นไปอย่างเอาจริง เอาจังในทุกแง่มุม การเที่ยววิเวกเดินธุดงค์ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาท่าน ผิดกับเราผู้มองป่าดิบดงทึบเป็นแดนอันตรายที่บรรจุความน่าพรั่นพรึงไว้ทุกก้าวย่าง
จิตที่สงบเย็นและวาสนาบารมีเก่า ซึ่งบำเพ็ญมาอย่างพร้อมพรัก ทำให้หลวงปู่มองเห็นและติดต่อผู้อยู่ต่างภพทั้งในเบื้องสูงและเบื้องต่ำได้เกือบตลอดเวลา ท่านประจักษ์ใจชัดแจ้งกับการพิสูจน์ผลของการบำเพ็ญคุณความดี และผลบาปที่กดถ่วงจิตใจผู้ก่ออย่างน่าสังเวช เหล่าเทพซึ่งมาเฝ้าแหนหลวงปู่จันทาในทุกครั้งที่ท่าน บำเพ็ญสมณธรรม ได้เล่าถึงบุพกรรมฝ่ายกุศล ซึ่งตนได้อุตส่าห์สั่งสมไว้ยามเป็นมนุษย์กระทั่งตายจึงส่งผลให้เกิดดีถึงสุข
ด้วยคราวหนึ่งหลวงปู่ไปภาวนาอยู่ที่ถ้ำเป็ด ภูผาเหล็ก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ณ ที่แห่งนี้ได้รับการศิโรราบกราบยอมจากพระ-เณร ที่เคยไปอยู่ตลอดจนถึงนายพราน และชาวบ้านป่าทั้งปวง หามีใครหาญกล้าไปพัก ไปหลบแดดฝนใดๆ
ทุกผู้คนต่างโบกมือส่ายหน้าให้กับอาถรรพณ์และความเฮี้ยนทั้งในและนอกถ้ำ ขนาดกลางวันแสกๆยังไม่มีใครยอมเฉียดเข้าไปแม้อยู่ในระยะlสายตาจะพอมองเห็นถ้ำไกลๆ
ยังไม่เงยหน้ามอง...
อะไรจะขนาดนั้น!
แต่กับหลวงปู่จันทาแล้ว ที่นี่คือสนามสอบซึ่งมีองค์ท่านเองเป็นกรรมการคุมสอบ จะได้ประกาศนียบัตรหรือไม่ก็อยู่ที่ท่านทุกขั้นตอน เหตุใดหลวงปู่จึงไม่หวาดกลัวภัยมืดที่อาจคุกคาม มีคำตอบเดียวคือ ศีล ความมั่นใจต่อการรักษาศีลของหลวงปู่ว่าตั้งใจดีแล้วโดยแท้ ศีลบริสุทธิ์แท้ ทำให้จิตเกิดความกล้าหาญไม่หวาดระแวงตัวของตัวว่ามีข้อบกพร่อง
คืนหนึ่ง ขณะที่ท่านเดินจงกรมอยู่เดียวดายใต้โคมเทียนอันริบหร ี่พลันบังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวประดุจแผ่นดินถล่มทลาย คลื่นเสียงอันกึกก้องสะเทือนสะท้านไปทั้งหุบเขาราวกับภูผาเหล็กทั้งภูกำลังถล่มยุบพังลงมา หลวงปู่กำหนดฟังอยู่ครู่หนึ่งจนเสียงน่าพรั่นพรึงค่อยจางไป จึงเงยหน้าขึ้นดู
ทุกสิ่งปกติ
ภูผาเหล็กยังคงตระหง่านดำทะมึนในท่ามกลางความมืด แลเห็นเป็นแนวยาวดำสนิทยิ่งกว่าความมืด ซึ่งโรยอยู่รอบตัว ท่านเหลียวมองทางไหนก็ไม่ปรากฏต้นเหตุของเสียงเลย ถ้าไม่เพราะมีสติมั่นคงแล้ว คงเตลิดวิ่งออกไปเป็นแน่
ครั้นไม่พบสิ่งผิดปรกติหลวงปู่จึงทำความเพียรต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งหลังเที่ยงคืนไปแล้วท่านได้เข้าที่นั่งภาวนา เมื่อจิตรวมสู่อุปจารธรรม ก็บังเกิดนิมิตเห็นหมู่เทพยดาเหาะลอยลงมาจากยอดภูเขา ใหญ่ เหล่าเทพนั้นเรืองรองด้วยรัศมีแห่งบุญอยู่กลางหาว ดูงดงามไม่ต่างอะไรกับจันทร์ในวันเพ็ญ พอลอยเลื่อนลงถึงแผ่นดินเทวะหลายร้อยองค์นั้นก็พร้อม เพรียงกันกราบหลวงปู่อย่างนอบน้อม
ผู้เป็นหัวหน้าได้กล่าววาจาขอรับพระไตรสรณคมน์ และรับศีล 5 หลวงปู่จึงถามดูว่า จะรับไปทำไม เขาตอบทันทีว่า
โอ... เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นะท่าน พวกข้าพเจ้ามีไตรสรณคมน์ ศีล 5 ศีล 8 และกุศลกรรมบถ 10 ประจำชีวิตนั่นแหละ อบายจึงไม่ได้ไป ไฟนรกจึงไม่ได้ไหม้ มีแต่สุคติโลกสวรรค์ เป็นที่ไปล้วนๆ ดังนั้นเมื่อเห็นท่านมาเจริญสมณธรรม จึงพากันมาขอรับพระไตรสรณคมน์และศีล 5 เพื่อไม่ให้ของเก่านั้นเศร้าหมอง
เมื่อเทวบุตรชี้แจงอย่างฉลาดจบลง หลวงปู่ก็เมตตาให้ไตรสรณคมน์และศีล 5 พวกเขาก็ขอฟังธรรมอีก หลวงปู่จึงเทศน์ให้ฟัง ครั้นเทศน์จบท่านก็ฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อยามดึกจึงเอ่ยถามว่า
|