ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 11209
ตอบกลับ: 10
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พญาอนันตนาคราช

[คัดลอกลิงก์]
พญาอนันตนาคราช



พญาอนันตนาคราช


มหานาคะ มหานาคี เทวีนาคกลัยาณี มหานาคะ เทวา ชะยะ เตตี เตติ

พาหนะคู่บารมีของพระนารายณ์

คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ

มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้แต่เดิมพญานาคราชมีพระนามเดิมว่า

พญาเศษะ นาคราช ทรงเป็นโอรสองค์แรกของพระกัศยปะ และ นางกัทรุ พญาอนันตนาคราช

เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและได้ตามเสด็จพระนารยณ์เสมอ



     นาคเป็นงูใหญ่ บนหัวมีหงอน ที่คางมีเครา ลำตัวมีเกล็ดและปลายหางมีลวดลายงดงาม มีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงตัวได้ และสามารถบันดาลให้เกิดฝนได้ด้วย เรียกว่า นาคให้น้ำ นาคในวรรณคดีไทย นอกจากจะมี ๑ หัวแล้ว ยังปรากฏนาคที่มี ๗ หัว เรียกว่า นาคเจ็ดเศียร พญาอนันตนาคราช มี ๑,๐๐๐ เศียร อนันตนาคราชขดตัวอยู่กลางเกษียรสมุทร เป็นแท่นบรรทมให้พระนารายณ์ หลังจากที่พระนารายณ์ปราบผู้ที่มารบกวนเทวดาและมนุษย์ได้แล้ว อนันตนาคราชสามารถพ่นพิษเป็นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เมื่อถึงเวลาสิ้นอายุของโลก เมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์ อนันตนาคราชก็มาเกิดเป็นพระลักษมณ์ช่วยพระรามทำสงครามกับทศกัณฐ์ด้วย





2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ความเชื่อของพญานาคกับพระพุทธศาสนา

      ตามตำนาน พญานาค มีอยู่ก่อนสมัยพระพุทธเจ้าแล้ว ดังเช่น หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมพิเศษแล้ว ได้เสด็จไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงธรรมเทศนา มีครั้งหนึ่งได้เสด็จออกจากร่มไม้อธุปปาลนิโครธ ไปยังร่มไม้จิกชื่อ มุจลินท์ทรงนั่งเสวยวิมุตติสุข อยู่ 7 วัน คราวเดียวกันนั้นมีฝนตกพรำ ๆ ประกอบไปด้วยลมหนาวตลอด 7 วัน ได้มีพญานาคชื่อ มุจลินท์ เข้ามาวงด้วยขด 7 รอบพร้อมกับแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อจะป้องกันฝนตกและลมมิให้ถูกพระวรกาย หลังจากฝนหายแล้ว คลายขนดออก แปลงเพศเป็นมานพมายืนเฝ้าที่เบื้องพระพักตร์ ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า

ความเชื่อดังกล่าวทำให้ชาวพุทธสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก แต่มักจะสร้างแบบพระนั่งบนตัวพญานาค ซึ่งดูเหมือนว่าเอาพญานาคเป็นบัลลังก์ เพื่อให้เกิดความสง่างาม และทำให้คิดว่า พญานาค คือผู้คุ้มครองพระศาสดา




ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงเรื่องราวของพญานาคมากมายหลายแห่ง

     นับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาส ได้รับรู้ข้อมูลเหล่านี้มากนัก พญานาคหรือนาคราช หมายถึงกายทิพย์ชนิดหนึ่ง จัดเข้าในเดรัจฉาน ภูมิ เป็นสัตว์ที่เป็นทิพย์ เป็นราชาแห่งงู ประดุจราชาแห่งมนุษย์ ในสุทธกสูตร กล่าวถึงพญานาคว่า มีกำเนิด ๔ อย่างคือ ๑.เกิดในฟองไข่ เรียกว่า อัณฑชะ ๒.เกิดในครรภ์ เรียกว่า ชลาพุชะ ๓.เกิดในสิ่งที่ไม่สะอาดหมักหมม ในเหงื่อ ไคลเรียกว่า สังเสทชะ ๔.เกิดแล้วโตทันที เรียกว่า โอปปาติกะ (สุทธกสูตร มก.๒๗/๕๕๖)



เมืองพญานาค หรือเมืองบาดาล

    ในเมื่อมีเมืองมนุษย์ หรือโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ หรือเมืองสวรรค์ ก็ต้องมีเมืองบาดาล (เมืองพญานาค) สองเมืองนอกจากเมืองมนุษย์แล้วหลายคนก็คงต้องอยากไปเป็นแน่ วิสัยของมนุษย์ชอบในสิ่งที่ท้าทาย ยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากพบ อยากเห็นเมืองบาดาลอยู่ใต้เมืองมนุษย์ลงไปในใต้ดิน 16 กิโลเมตร (ตามความเชื่อ) มีคำเล่าลือเกี่ยวกับเมืองบาดาลในเขต อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย (แต่อย่าอุตริขุดไปหาพญานาคก็แล้วกัน)

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


มนตร์บูชาพญาอนันตนาคราช

นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี/

สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช//



มนตร์นี้เป็นภาษาที่พราหมณ์อินเดียใช้ในการบูชา

และวันที่จะบูชาจะตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำเดือนศราวัน(เดือนกรกฏาคม-สิงหาคม)ของทุกปีค่ะ ซึ่งจะเรียกว่า"วัน นาค ปัญจมี "



คาถาอัญเชิญพญานาค

ตั้งนะโม 3 จบ

นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะ

ปิสะโตฯ



พระคาถาถวายการสักการะบูชา

เอหิสังคัง ปิโยนาคะ สุปันนานัง มะยัง

หรือกล่าวเฉพาะ

กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา (ชื่อพระนามอย่างเช่น องค์ วาสุกรีนาคราช,อนันตนาคราช,ภุชงค์นาคราช,นาคาธิบดีศรีสุทโธ,) วิสุทธิเทวาปูเชมิ ถ้าเป็นองค์นางพญานาคี ก็เปลี่ยนเป็น นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ

(เช่น กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา วาสุกรีนาคราช วิสุทธิเทวาปูเชมิ

หรือ

กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดีศรีสุทโธ วิสุทธิเทวาปูเชมิ

หรือ

กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นางพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวีปูเชมิ)



คาถาบูชาอีกบทหนึ่ง

นาคเทวะ ปรี ตา ภวันติหะ คานติมาปโนติ เวน วิภี สัมศานติ โลก มา สาทยะ โมทเต ศาศติช สมาช

หรือกล่าวย่อ คือ

คัด สะ มะ อุ มะ



4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ราชาแห่งนาคทั้งมวลในตำนวนของฮินดู อนันตเศษ (อะ-นัน-ตะ-เส-สะ) หรือ อนันตนาคราช มีขนาดตัวเป็นอนันต์สมชื่อ เพราะเป็นผู้นอนอยู่ในเกษียรสมุทรและให้พระนารายณ์นอนบนหลัง บางตำนานเล่าว่าดาวนพเคราะห์นั้นก็ตั้งอยู่บนพังพานของอนันตนาคราช ส่วนหัวซึ่งมีตั้งแต่ห้าหัวถึงหนึ่งพันนั้นไม่พ่นพิษเหมือนนาคอื่นๆแต่เป็นเปลวไฟ และอนันตนาคราชก็จะร้องเพลงสรรเสิญบารมีของพระนารายณ์เป็นนิจ



ในตำนานเล่าว่าตอนที่เหล่านาคเล่นโกง ที่แม่ไปพนันกับนางวินตาซึ่งเป็นแม่ของพญาครุฑ (ทั้งคู่พนันสีม้าของพระอาทิตย์ เหล่านาคนั้นพ่นพิษใส่จนหางของม้าพระอาทิตย์เป็นสีดำ บ้างก็ว่าเหล่านาคตัวเล็กๆได้เลื้อยเข้าไปแทรกในขนสีขาวจนดูสีดำเป็นหย่อม) อนันตเศษนั้นรังเกียจบรรดาน้องๆเลยหนีไปจำศีลอยู่ตัวเดียว เวลาผ่านไปพระพรหมก็มาเจอเข้า เมื่อทราบว่าอนันตเศษไม่ชอบใจที่น้องโกงพนันเลยให้ไปนอนในเกษียรสมุทรเป็นเตียงให้พระนารายณ์ คำสาปที่ทำให้ครุฑจับนาคกินได้จึงไม่รวมถึงอนันตเศษด้วย



ตำนานที่ดุเดือดของอนัตเศษที่สุดนั้นกล่าวว่าครั้งหนึ่งอนันตเศษเคยโผล่หัวขึ้นไปบนสวรรค์ (ไม่ใช่มุข เพราะตัวยาวจนไม่ต้องขึ้นไปทั้งตัว) และโอ้อวดกับเหล่าเทวดาว่า ในสามโลกนี้มีแต่ตรีมูรติเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือตน หากใครไม่เชื่อแล้วก็จงมาประลองกำลังกันเถิด เหล่าเทวดากลัวหัวหด มีแต่พระพายที่กล้าพอ คิดว่าอย่างไรนาคตัวนี้ก็เป็นแค่ดิรัจฉาน การจำมาท้าตีท้าต่อยกับเทวดาจึงนับว่าโอหังนัก



พระพายรับคำท้า ว่าแล้วพญาอนันตนาคราชก็เอาตัวเองพันรอบภูเขาลูกหนึ่งไว้ บอกว่าให้พระพายลองทำลายภูเขานี้ดู พระพายนั้นใช้กำลังสร้างพายุรุนแรงหมายจะพัดทำลายภูเขานั้นให้ยับเยิน แต่อนันตเศษก็ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้นแล้วแผ่พังพานป้องไว้ได้ทุกครั้ง สุดท้ายพระพายจึงทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีโดยดึงเอาลมในตัวสัตว์โลกทั้งมวลมาใช้ด้วย แต่ก็ถูกอนันตเศษกลืนเข้าไปทั้งตัว ทีนี้เมื่อไม่มีพระพายแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายก็หายใจไม่ออก ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องมาบอกเตียงหลังโปรดให้คายพระพายออกมา อนัตนาคราชทำตาม ปรากฏว่าตอนที่อนันตนาคราชคายพระพายมานั้นก็บังเกิดเป็นลมรุนแรงพัดไปโดนภูเขาที่พันไว้จนราบเป็นหน้ากลอง ทั้งพระพายและอนันตนาคราชต่างก็นับถือในกำลังของกันและกัน เลยตกลงว่าการประลองครั้งนี้เป็นเสมอ



บางที่ที่ค้นเจอ ยกบทนาคที่พันเขาพระสุเมรุไว้ตอนกวนเกษียรสมุทรให้อนันตนาคราชด้วย แต่จริงๆแล้วนาคที่รับบทนี้ก็คือพญาวาสุกี


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่ดามัญ เป็นพระภิกษุไทยที่ออกธุดงค์อยู่ในประเทศกัมพูชา นานหลายปี จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2544 ขณะที่หลวงปู่ดามัญ ปฏิบัติสมาธิภาวนาตามปกติที่เคยปฏิบัติเป็นวัตร อยู่ภายในถ้ำเขากุเลน ประเทศกัมพูชา ได้เกิดนิมิตเห็น หลวงปู่สรวง, หลวงปู่สุข ธมฺมโชโต และปู่ฤๅษีอีกหลายองค์ ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงปู่ดามัญ ได้กล่าวว่าให้หลวงปู่ดามัญ เดินทางมาที่จังหวัดปราจีนบุรี ให้กลับมาดูแลฟื้นฟูสถานที่ ที่หลวงปู่ดามัญ ได้เคยก่อสร้างบ้านเมือง, วัดวาอาราม, ปราสาท ไว้ที่วังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร เมื่อครั้งในอดีตชาติ ซึ่งจากนิมิตในปี พ.ศ. 2544 หลวงปู่ดามัญก็บอกกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ว่ายังไม่พร้อมที่จะกลับมาประเทศไทย และเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2548 หลวงปู่ดามัญ จึงตัดสินใจธุดงค์มาที่วังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร วัดหว้าเอน จว.ปราจีนบุรี ซึ่งในปี พ.ศ. 2548 วังนาคินทร์เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร มีสภาพเป็นป่ารกร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่บนเนินเขา คืนแรกหลวงปู่ดามัญ จึงปักกลดบริเวณบ่อน้ำทิพย์ บนสันเขา ตอนกลางคืนขณะหลวงปู่ดามัญ ปฏิบัติสมาธิภาวนาก็เกิดนิมิตเห็นพญานาคองค์สีเงินเหมือนแก้วองค์ใหญ่มากมาบอกหลวงปู่ดามัญว่า ท่านชื่อ พญาเพชรภัทรนาคราช ซึ่งชาวบ้านจะเรียกพญาเกล็ดแก้วนาคราช บนสันเขาที่ท่านปักกลดอยู่นี้คือองค์พญาเกล็ดแก้วนาคราชและบ่อน้ำทิพย์ที่อยู่ใกล้ๆกลดท่านคือบ่อน้ำทิพย์ซึ่งเป็นประตูลงสู่เมืองบาดาลเหมือนที่เมืองคำชะโนด องค์พญาภัทรนาคราชบอกกับหลวงปู่ดามัญว่า ท่านเป็นลูกของพญาอนันตนาคราช สำหรับเศียรที่จมลงไปในพื้นดินเมื่อครั้งอดีตกาล ท่านขอให้หลวงปู่ดามัญช่วยสร้างเศียรให้ด้วย

การสร้างศาสนสถานบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่เคียงคู่ผืนแผ่นดินไทยตลอดกาลนานนั้น ย่อมได้รับการอนุโมทนาบุญพร้อมกันทั้ง 3 ภพ คือ เมืองมนุษย์ เมืองสวรรค์(คือเทวดา) เมืองบาดาล (คือพญานาคราชทั้งหลาย) เพราะไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องการสร้างบุญบารมี องค์เทพ เทวา และพญานาคราชทุกพระองค์ ท่านก็ต้องการสร้างบุญบารมีเหมือนกัน

คนที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ, มีจิตใจใสบริสุทธิ์, ไม่มีซึ่งอคติในใจ ปล่อยวางแล้วและชอบความสงบ สันโดษมักจะใฝ่หาสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ที่มีความสมบูรณ์ถึงพร้อมครบถ้วนของธรรมะ สำหรับปฏิบัติธรรม เพื่อหาทางหลุดพ้นซึ่งกองทุกข์ทั้งมวล ดังนั้นวังนาคินทร์ เมืองสุวรรณนาคาเทพนคร จึงเป็นสถานที่ที่เปิดรับคณะพุทธมามกะทุกท่านที่ชอบการปฏิบัติธรรม แบบธุดงควัตรแนวทางธรรมชาติ ดังนั้น การที่หลวงปู่ดามัญซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของพวกเรา นำวิธีปฏิบัติธรรมโดยยึดหลัก แนวทางธรรมชาติ มาฝึกอบรมคณะพุทธมามกะ ที่มาปฏิบัติธรรม ก็ถือว่าทุกท่านนั้นโชคดีมากๆ


องค์นาคาธิบดดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) นั้นคือกษัตริย์แห่งเมืองบาดาลที่ปกครองวังนาคินทร์ต่างๆ ซึ่งแต่ละพระองค์เป็นพญานาคที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรมแล้วทั้งสิ้น

องค์นาคาธิบดีทั้ง 9 พระองค์ (แต่ละเศียร) มีพระนามดังต่อไปนี้

1.พญาอนันตนาคราช

2.พญามุจลินท์นาคราช

3.พญาภุชงค์นาคราช

4.พญาศรีสุทโธนาคราช

5.พญาศรีสัตตนาคราช

6.พญาเพชรภัทรนาคราชหรือพญาเกล็ดแก้วนาคราช

7.พญานาคดำแสนศิริจันทรานาคราช

8.พญายัสมันนาคราช

9.พญาครรตระศรีเทวานาคราช

ที่มา :


http://www.suvannaka.com/history/history02.html

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระนารายณ์ บรรทม บนอนัตนาคราช
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พญาอนันตนาคราช ( มหานาคะ มหานาคี เทวีนาคกลัยาณี มหานาคะ เทวา ชะยะ เตตี เตติ) พาหนะคู่บารมีของพระนารายณ์ คำว่าอนันตะมีความหมายว่า อนันต์ ไร้จุดจบ มีความยาวมากถึงขนาดว่าสามารถพันรอบโลกได้แต่เดิมพญานาคราชมีพระนามเดิมว่า พญาเศษะ นาคราช ทรงเป็นโอรสองค์แรกของพระกัศยปะ และ นางกัทรุ พญาอนันตนาคราช เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลเป็นราชาแห่งนาคทั้งปวงในเกษียรสมุทรและได้ตามเสด็จพระนารยณ์เสมอ




8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระนารายณ์ ประทับบน พญาอนันตนาคราช
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-24 04:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้