|
หนุมาน หรือ “พระยาจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา” หรือ “พญานุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา” เป็น “ลิงเผือก” (กายสีขาว) มีลักษณะพิเศษ คือ มีเขี้ยวแก้วอยู่กลางเพดานปาก มีกุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์ให้มี ๔ หน้า ๘ มือ และสามารถ “หาวเป็นดาวเป็นเดือน” ได้ ใช้ตรีเพชร (๓ ง่าม) เป็นอาวุธประจำกาย มีความเก่งกล้ามาก สามารถล่องหนหายตัวได้ ทั้งยังอยู่ยงคงกระพัน แม้จะถูกอาวุธศัตรูใดๆ ก็ทนทานได้ หากเมื่อถูกอาวุธศัตรูร้ายแรงจนทำให้ตัวตาย เมื่อถูกลมพัดมาถูกกายก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นทันที เพราะหนุมานเป็นลูกของ “พระพาย” (ลม) กับ “นางสวาหะ” จึงมีกายเป็นอมตะนิรันดร์กาล คือ ไม่มีวันตาย
ตามตำนานกล่าวกันว่า เมื่อครั้งนางสวาหะถูกมารดาสาปให้ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลม “พระอิศวร” เทพเจ้าสูงสุดบนสวรรค์เห็นเข้าจึงได้บัญชาให้ “พระพาย” (ลม) นำเทพศัสตราวุธของพระองค์ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ นางสวาหะจึงตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาเป็น “ลิงเผือก” มีกายสีขาว ได้ชื่อว่า “หนุมาน” พร้อมทั้งมอบหมายให้ “พระพาย” (ลม) เป็นบิดาของ “หนุมาน”
ครั้นต่อมา เมื่อพระนารายณ์อวตาลมาบนโลกมนุษย์ คือ “พระราม” หนุมานจึงถวายตัวเป็นทหารรับใช้ โดยทำงานอย่างถวายหัว ไม่ย่อท้อ ช่วยพระรามรบกับทศกัณฐ์ ยักษ์ที่มี ๑๐ หน้า ๒๐ มือ จนเสร็จสิ้นสงคราม และทำให้พระรามฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ
ในระหว่างทำสงคราม มีสตรีเพศเข้ามาพัวพัน และยอมกายถวายตัวเป็นเมียหนุมานหลายคน มีบุตรที่เป็นอภิชาตบุตร เพราะมีฤทธิ์เดชมาก อาทิ นางบุษมาลี ภรรยาคนแรกของหนุมาน, นางเบญกาย ธิดาของพิเภก มีบุตรกับหนุมาน คือ อสูรผัด, นางสุวรรณมัจฉา ซึ่งเป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ มีบุตรกับหนุมาน คือ มัจฉานุ, นางวารินทร์, นางมณโฑ, นางสุวรรณกันยะมา และสนมอื่นๆ อีก ๕,๐๐๐ นาง ที่พระรามประทานให้
หลังจากเสร็จศึกกรุงลงกา “หนุมาน” ได้รับประทานนามใหม่ คือ “พญาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพัฒน์พงศา”
โบราณาจารย์จึงนิยมสร้าง “หนุมาน” ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องรางไว้เป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับวิกฤติการณ์ต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้วงเวลานี้คือ วิกฤติเศรษฐกิจ
|
|