ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6110
ตอบกลับ: 11
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อาถรรพณ์ ! 'พระปิดตาผงอัฐิ' 'พระอาจารย์หนู' วัดโพธิ์ท่าเตียน

[คัดลอกลิงก์]
[url=][/url]อาถรรพณ์ ! 'พระปิดตาผงอัฐิ' 'พระอาจารย์หนู' วัดโพธิ์ท่าเตียน                                        พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ วัดโพธิ์ท่าเตียน เป็นพระเครื่องที่ผู้นำไปใช้บูชาติดตัวแล้ว ต่างมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมามากมาย ในด้านประสบการณ์ต่างๆ พระรุ่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ครั้งสงครามอินโดจีน ช่วงปี ๒๔๘๐ กว่าๆ อันเป็นสงครามระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่มีอาณานิคมอยู่ในอินโดจีน                                                                
  ยุคนั้นทำให้เราได้รู้จักพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมขลังมากมาย รวมทั้งวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างขึ้นมาเพื่อแจกให้ทหารที่ออกรบ
พอเสร็จสงครามอินโดจีน ก็เข้าสู่ยุคของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ช่วงนั้นก็มีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาด้วย เนื่องจากประเทศไทยได้ทำสัญญาเป็นมิตรกับญี่ปุ่น อยู่กับฝ่ายอักษะ ประเทศไทยจึงมีทหารญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานทัพเต็มไปหมด ทำให้เราต้องทำสงครามกับฝ่ายพันธมิตรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้สถานที่สำคัญหลายแห่ง ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ถูกเครื่องบินของฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดระลอกแล้วระลอกเล่า
การทิ้งระเบิดครั้งนั้น เป็นการทิ้งแบบปูพรม โดยที่เครื่องบินได้บินสูงๆ เมื่อทิ้งระเบิดลงมาจึงทำให้เกิดการพลาดเป้าหมาย ไปถูกบ้านเรือนของประชาชนเป็นประจำ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพิการเป็นจำนวนมาก
พระเกจิอาจารย์หลายท่าน จึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และประชาชน ไว้ป้องกันอันตราย เป็นขวัญและกำลังใจ
เมื่อราวปี ๒๔๘๕ พระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ ท่าเตียน (หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลราม) เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้สร้างพระเครื่องขึ้นมาในครั้งนั้นด้วย เป็นการสร้างโดยตัวท่านเอง แบบเงียบๆ ค่อยเป็นค่อยไป คือ พระปิดตาเนื้อผงอัฐิ  
พระอาจารย์หนู เป็นพระเกจิอาจารย์จาก จ.สุรินทร์ มีเชื้อสายเป็นชาวเขมร ท่านมีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์มาก แม้อายุจะไม่มากนัก แต่ความรู้ความสามารถทางคาถาอาคมมีสูง จนมีผู้คนเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง
ท่านชอบเลี้ยง ว่าน ไว้ที่กุฎิของท่านหลายชนิด นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ทางแพทย์แผนโบราณ จึงมีชาวบ้านไปขอความอนุเคราะห์ให้ท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บอยู่เสมอ  บ้างก็ไปขอวัตถุมงคล หรือให้ท่านรดน้ำมนต์
เนื่องจากพระอาจารย์หนู มีความชำนาญในวิชาอาคม และไสยศาสตร์มาก การสร้างพระเครื่องของท่าน จึงทำแบบพิสดาร ผิดไปจากการสร้างพระเครื่องของพระเกจิอาจารย์ทั่วๆ ไป
กล่าวคือ ท่านได้นำเอา อัฐิ หรือ ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย มาสร้างเป็นองค์พระปิดตา ผสมกับผงพุทธคุณ, ผงอิทธิเจ และว่านอาถรรพ์ต่างๆ
การที่ท่านนำเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างพระเครื่อง เป็นเหตุผลของตัวท่านเอง เนื่องจากขี้เถ้ากระดูกของคนตายนี้ ตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ ถือว่าเป็นวัสดุอาถรรพณ์ชนิดหนึ่ง
แต่การที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกของคนตายมาสร้างวัตถุมงคล จะต้องเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ถึงจะทำได้ เพราะของแบบนี้ ย่อมมีแรงอาถรรพณ์อยู่ในตัว
ขี้เถ้ากระดูกผี ที่พระอาจารย์หนูนำมาสร้างพระเครื่องนั้น ไม่ได้จำเพาะว่า จะต้องเป็นขี้เถ้ากระดูกของคนที่ตายโหง หรือตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แต่ประการใด ขอให้เป็นขี้เถ้าของกระดูกคนที่ตายแบบไหนก็ใช้ได้
สมัยนั้น ชาวบ้านนิยมเผาคนตายตามเชิงตะกอน ช่วงสงครามมีคนตายกันมาก ขี้เถ้ากระดูกของคนตายจึงสามารถหาได้ง่าย
แต่ก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูกคนตายมาใช้สร้างพระเครื่อง ท่านจะทำพิธีพลีกรรมก่อนทุกครั้ง ตามวิชาที่ได้เรียนมา
พระผงขี้เถ้ากระดูกคนตาย ที่พระอาจารย์หนูสร้างขึ้นนั้น ท่านได้เอา ว่านโพง มาบดให้ละเอียดผสมเข้าไปด้วย
ว่านชนิดนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ว่านกระสือ เชื่อกันว่า เป็นว่านที่มีอาถรรพ์ และมีอิทธิฤทธิ์มาก  มักขึ้นอยู่ตามป่าลึก หากสัตว์พลัดหลงเข้าไปในบริเวณที่มีว่านชนิดนี้ขึ้นอยู่ อาจถูกว่านดูดเลือดกินจนตายก็ได้
ว่านโพงหรือว่านกระสือนี้ อาจารย์ไสยศาสตร์ที่มีวิชาอาคมขลัง มักจะชอบเลี้ยงเพื่อไว้เฝ้าบ้าน การเลี้ยงว่านชนิดนี้ เลี้ยงยากกว่าว่านชนิดอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้มวลสารที่พระอาจารย์หนูนำมาใช้ในการสร้างพระปิดตา ดูจะเฮี้ยนๆ น่ากลัว   แต่ท่านได้ทำพิธีพลีกรรมถูกต้องตามตำราทุกประการ จึงทำให้ผู้ที่นำพระไปใช้ กลับได้รับคุณอย่างเดียว เรื่องโทษยังไม่เคยปรากฏ และผลที่ได้กลับแปลก คือ แรง และ เร็ว กว่าวัตถุมงคลชนิดอื่นๆ หลายเท่า
พุทธคุณจะแรงและเร็ว คล้ายๆ กับเครื่องรางของขลัง ผู้นำมาใช้อธิษฐานขอสิ่งใด มักจะสมหวังเสมอ และหากสมหวังดั่งใจแล้ว ก็ควรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าของเถ้ากระดูกนั้นด้วย
สำหรับประสบการณ์ที่เล่าขานกันนั้น เป็นที่ประจักษ์แก่ทั้งทหารไทย และทหารญี่ปุ่น จนมีคำเรียกติดปากกันในยุคนั้นว่า ทหารผี เพราะมีคนเห็นว่า ทหารไทยโดนยิงจนล้มแล้ว กลับลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะตาย แต่ไม่ตาย เพราะหนังเหนียว ทรหดอดทนมาก
พระปิดตาผงกระดูกผี นี้เมื่อบูชาแล้วจะเด่นมากในด้านความปลอดภัย ป้องกันภัยดี เวลาเดินทางไปไหน มาไหน ทั้งๆ ที่ไปคนเดียว แต่มีคนกลับมองเห็นว่า เหมือนมีคนเดินตามกันมาหลายคน
บางคนนั่งรถไปธุระ พอลงจากรถ มักจะมีคนถามว่า...คนที่มาด้วยไปไหนแล้ว...อย่างนี้ก็มี  ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆ เช่น การเสี่ยงโชค นักเสี่ยงโชคมักจะมีความรู้สึกว่า มีคนคอยมาดลจิต ให้ได้รับโชคนั้นๆ แต่มีข้อแม้ว่า หากใครได้โชคมาพอประมาณแล้ว ก็ควรจะเลิก อย่าโลภมาก  เพราะอาจจะหมดตัวก็ได้
คนที่ชอบของแรงๆ พุทธคุณเด่นชัดเร็วๆ ต้องบูชาพระปิดตาสำนักนี้ รับรองว่า แขวนเดี่ยวจะปรากฏประสบการณ์อย่างชัดเจนมาก มีครบสูตร ไม่ว่าจะคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
ปัจจุบัน พระปิดตาผงกระดูกผี ของ พระอาจารย์หนู ที่เล่นหากันนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงต้องกดพิมพ์ได้ลึกแบบที่เห็นนี้ ผิวพรรณ ความเก่า มวลสารเก่าเพียบ ดูเข้มขลัง นับเป็นพระปิดตาที่น่าสนใจพิมพ์หนึ่ง ราคาค่านิยมยังไม่แพงจนเกินไปนัก องค์นี้พระติดลึกเต็มๆ สภาพสวยแชมป์ระดับนี้ ปัจจุบันไม่ใช่จะหาได้ง่ายนัก

เคยเห็นองค์จริงครั้งนึง
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2014-8-8 20:23
เคยเห็นองค์จริงครั้งนึง

ที่ไหนครับ
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-8-28 08:01
ที่ไหนครับ

ชัยนาทครับ เจ้าของกำลังเห่อสุดๆ
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2014-8-29 19:37
ชัยนาทครับ เจ้าของกำลังเห่อสุดๆ

อยากเห็นของแท้ จัง
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-11-12 07:31
อยากเห็นของแท้ จัง

อาจไปหาแกที่บ้าน
ฟังแกเล่าอะไรต่อมิอะไร
สักหนึ่งชั่วโมงโชคดีแกอาจโชว์ให้เห็นครับ
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2014-11-13 15:14
อาจไปหาแกที่บ้าน
ฟังแกเล่าอะไรต่อมิอะไร
สักหนึ่งชั ...

รอครับรอ ชม

จะได้นำมาเป็นวิทยาทาน  
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-12-7 08:33
รอครับรอ ชม

จะได้นำมาเป็นวิทยาทาน   ...

ครับ
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2014-12-9 13:30
ครับ


รอครับรอ ชม

จะได้นำมาเป็นวิทยาทาน  
ยังไม่เคยได้เห็นเลย ได้ยินมานานแล้วครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้