ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2675
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

“การอธิษฐานจิต” ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

[คัดลอกลิงก์]


การอธิษฐานจิตของท่านเจ้าคุณนรฯ


พระเถระผู้ทรงคุณธรรมเป็นพิเศษในอดีตเป็นอันมาก
เมื่อจะถือกำเนิดในครรภ์โยมมารดานั้น
มักจะสำแดงนิมิตให้ปรากฏแก่โยมบิดาและโยมมารดาต่างๆ กัน

เป็นต้นว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร)
อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์สำคัญยิ่ง
ซึ่งเป็นสมเด็จอุปัชฌาย์ของ “ท่านธมฺมวิตกฺโก”
และเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลรูปหนึ่งนั้น
เมื่อปีที่ท่านจะเกิดโยมบิดาก็ฝันไปว่ามีผู้นำช้างเผือกมาให้

หรือเมื่อตอนที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
แต่ครั้งยังเป็นสามเณร จะย้ายเข้าไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม
เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น
ก็เล่ากันว่าพระอาจารย์ของท่านฝันในคืนวันที่ท่านจะไปถึงว่า
มีช้างเผือกเชือกหนึ่งเข้าไปกินคัมภีร์พระไตรปิฎกในตู้จนหมด ฯลฯ

โดยเหตุที่เคยมีเรื่องราวเล่ากันมาดังกล่าวนี้
จึงทำให้ผู้เขียนสนใจสืบถามนิมิต
เมื่อตอนที่ ท่านธมฺมวิตกฺโก จะถือกำเนิดอยู่เหมือนกัน
เพื่อจะได้ “เกร็ด” ประวัติตอนสำคัญของท่านมาเผยแพร่
แต่ก็มิได้ความกระจ่างแต่อย่างไร

เคยมีผู้สนใจซักถามโยมบิดาของท่าน
(พระนรราชภักดี-ตรอง จินตยานนท์) ว่าประพฤติตนเช่นไร
สวดมนต์อย่างไร ท่องคาถาบทไหน ฯลฯ
จึงได้มีบุตรที่ดี (หมายถึงท่านธมฺมวิตกฺโก) เช่นนี้
โยมบิดาของท่านก็ได้ตอบไปว่า
เห็นจะเป็นด้วยเหตุที่ท่านได้ใส่ใจภาวนา
สวดพระคาถามงคลสูตรอยู่เสมอนั่นเอง


อันพระคาถามงคลสูตรนี้
ตัวท่านธมฺมวิตกฺโกเองก็นิยมท่องบ่นเจริญภาวนาอยู่เสมอเช่นกัน
ตลอดทั้งได้แนะนำผู้ใกล้ชิดบางคน เช่น คู่หมั้นของท่าน
ให้หมั่นสวดภาวนาทุกวัน ทั้งเวลาเช้าตื่นนอน และเวลาค่ำก่อนเข้านอน

โดยท่านได้ให้อรรถาธิบายว่า
“มงคลคาถานี้ เป็นพระสูตรที่คัดมาจากพระไตรปิฎก
ผู้ใดเล่าบ่นหรือสวดและปฏิบัติตาม
ย่อมเป็นสิริมงคลอันประเสริฐ จึงเรียกว่าคาถามงคลสูตร”


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-9 05:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โดยท่านได้ให้อรรถาธิบายว่า
“มงคลคาถานี้ เป็นพระสูตรที่คัดมาจากพระไตรปิฎก
ผู้ใดเล่าบ่นหรือสวดและปฏิบัติตาม
ย่อมเป็นสิริมงคลอันประเสริฐ จึงเรียกว่าคาถามงคลสูตร”


ในตอนปีท้ายๆ ก่อนที่จะถึงแก่มรณภาพนี้
รู้สึกว่าท่านธมฺมวิตกฺโกได้ตั้งใจอธิษฐานจิต
และแผ่เมตตาลงในพระเครื่องมากมายเป็นพิเศษ
ยิ่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยแล้ว ถึงกับมีพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งใหญ่
ในวัดเทพศิรินทราวาสถึงสองครั้งสองหน
คือเมื่อเสาร์ห้า ตรงกับวันที่ ๒๕ เมษายน ครั้งหนึ่ง
กับวันที่ ๕ ธันวาคม อีกครั้งหนึ่ง

โดยเฉพาะวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๓
ซึ่งเป็นพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งสุดท้ายของท่านนั้น
ได้มีผู้นำพระเครื่องพระบูชา และวัตถุสิ่งของต่างๆ
ไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้อย่างมากมายเป็นประวัติการณ์
มงคลวัตถุเหล่านั้นวางเต็มอาสนะสงฆ์ในพระอุโบสถ
จนดูแทบจะทานน้ำหนักไม่ไหว
มีผู้กล่าวกันว่าน้ำหนักสิ่งของทั้งหมดที่นำไปให้ท่าน
อธิษฐานจิตในวันนั้น คะเนรวมแล้วเห็นจะไม่ต่ำกว่า ๓ ตัน !


นอกจากนี้ยังมีการถวายให้อธิษฐานจิตและแผ่เมตตาย่อยครั้งละไม่กี่นาที
ในพระอุโบสถบ้าง ข้างกุฏิท่านบ้างอีกนับครั้งไม่ถ้วน
จนเกือบจะไม่มีการยกเว้นว่าบุคคลใดจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสก็แล้วแต่
หากมีประสงค์จะสร้างพระเพื่อหารายได้ไปใช้ในการกุศลแล้ว
ท่านก็จะอนุโลมตามความปรารถนา อธิษฐานจิตให้ทุกรายไป


เป็นเรื่องที่บุคคลบางคนเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาด
เพราะแต่ก่อนมานั้นท่านไม่ยอมอธิษฐานจิตสิ่งของให้แก่ใครได้ง่ายๆ
เป็นเรื่องนอกลู่นอกทาง มิใช่แนวของพระพุทธศาสนาโดยตรง

เชื่อกันว่าการที่ท่านยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องอย่างมากมายในระยะหลังๆ นี้ ก็เพื่อเป็นสิ่งของที่ระลึก
เป็นเครื่องหมายแทนตัวท่านสืบต่อไปในอนาคตอีกนานแสนนาน
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะดึงคนให้หันเข้ามาสู่ศาสนา
เข้าสู่หลักธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระบรมศาสดา
เพราะคนที่นิยมสะสมพระ
หรือที่ชอบเรียกกันติดปากว่า “เล่นพระ” นั้น
ในที่สุดก็หันมาปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งสิ้น
โดยมีพระเครื่องนั้นเป็นสื่อจูงใจในเบื้องต้น


นอกจากนี้ท่านยังเคยกล่าวว่า
“ให้เขาได้ทำบุญทำกุศลกันเสียบ้าง
ดีกว่าเอาเงินไปสุรุ่ยสุร่าย เที่ยวตามบาร์ตามไนท์คลับกัน”


เพราะเงินรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายพระเครื่องเหล่านี้
ท่านผู้สร้างก็นำไปใช้จ่ายในการกุศล สร้างโรงเรียน สร้างโบสถ์
เป็นทุนการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์สามเณร ฯลฯ
อันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่การศึกษาและการศาสนาทั้งสิ้น

อีกประการหนึ่ง สถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกโดยรอบประเทศของเรา
ในระยะนั้นก็มีแต่ความคับขันและอันตรายรอบด้าน
ต้องส่งทหารไปร่วมรบในสมรภูมิสาธารณรัฐเวียดนาม
สถานการณ์ในลาวและเขมร ประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศเรา กำลังผจญกับสงครามอย่างหนัก
อันจะส่งผลกระทบกระเทือนมาถึงประเทศชาติของเราด้วย
และการคุกคามของผู้ก่อการร้าย ซึ่งกำลังแผ่ขยายไปทั่วประเทศ
ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ฯลฯ
บางครั้งก็รุนแรงน่าสะพึงกลัวเป็นอันมาก
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-9 06:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ที่ทำให้ท่านธมฺมวิตกฺโก
ยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องให้แก่บุคคลต่างๆ เป็นอันมากในระยะหลังๆ นี้
จึงเกิดอภินิหารเป็นที่ปรากฏประจักษ์แก่มหาชนอย่างกว้างขวาง
จนพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาให้นั้น
กลายเป็น “พระเครื่องยอดนิยม”
เป็นที่กล่าวขวัญและแสวงหาของชาวพุทธทั่วเมืองไทยในยุคนี้
               
มีคนเป็นอันมากเชื่อว่าการที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องเป็นการใหญ่ในระยะหลังๆ นี้
แสดงว่าท่านจะต้อง “สำเร็จ” อย่างหนึ่งอย่างใดแล้วแน่นอน


หากการอธิษฐานจิตลงในพระเครื่องเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
ไม่สามารถประจุพลังศักดิ์สิทธิ์ลงสถิตในองค์พระปฏิมาขนาดเล็กนั้นได้จริง
ท่านก็จะไม่ยอมแผ่เมตตาให้โดยเด็ดขาด

ท่านได้ทุ่มเทศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจิต
การทำสมาธิทั้งวิชาฝ่ายโยคะและพระพุทธศาสนา
มาตั้งแต่วัยหนุ่มและกระทำมาตลอดชีวิตของท่าน
ท่านได้เคยใช้พลังจิตผจญกับโรคร้าย ความเจ็บไข้ ตลอดจนอสรพิษ  
ได้ผลจนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นหรือที่ทราบเรื่องมาแล้ว
ฉะนั้น ท่านจึงยินยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่องให้

คราวหนึ่งเมื่อพิธีสวดอธิษฐานจิตในพระอุโบสถ
วันเสาร์ห้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ท่านได้หันไปหา พระมหาเสริม อนุจโย
ซึ่งเป็นพระสวดพุทธาภิเษกในวันนั้นว่า

“เรื่องของขลังนี้ ท่านมหาเชื่อไหม ?”

“เกล้าเชื่อ” เป็นคำตอบจากพระมหาเสริม


อีกคราวหนึ่ง ท่านได้บอกกับนายสุวัฒน์ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มเชื้อจีน
อยู่ร้านตัดเสื้อแถวสี่แยกวัดตึกที่มีความเคารพท่านมาก
เคยฝันเห็นท่านมาก่อนระหว่างเจ็บป่วย จึงได้เพียรพยายามมาดูตัวจริง
จนได้พบท่านแล้วก็เกิดศรัทธาเคารพมั่นในองค์ท่านยิ่งขึ้น
เมื่อทราบว่าเขามีการสร้างพระเครื่องถวาย
ให้ท่านอธิษฐานจิต ก็พยายามหาเช่าไว้บูชาเป็นอันมาก
วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสพบท่าน ท่านก็ได้กล่าวเป็นเชิงสั่งสอนว่า

“คุณ พระนี่ช่วยได้นะถ้าไม่จำเป็นอย่าไปปล่อย”

ที่ท่านว่า “อย่าไปปล่อย” ก็เพราะท่านคาดว่าจะเอาพระเครื่องนั้น
ไปให้คนอื่นเช่าต่อ หรือขายต่อให้คนอื่นไป

การที่ท่านกล่าวดังนี้ แสดงว่าท่านเชื่อมั่น
ท่านทราบได้อย่างแน่ชัดปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่า
พระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตนั้น จะต้องมีความศักดิ์สิทธิ์จริง
คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอุปัทวันตรายได้จริง
สามารถเสริมส่งให้ผู้เคารพบูชาประสบความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้จริง
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านสั่งสอนให้คนหันมาลุ่มหลงงมงาย
อยู่กับเรื่องพระเครื่องของขลังต่างๆ

คราวหนึ่งท่านได้เคยพูดกับ นายอธึก สวัสดิมงคล
นายกยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี
ภายหลังจากถวายของให้ท่านอธิษฐานจิตแล้ว เป็นคติน่าฟังมาก

“ทั้งหมดนี่” ท่านกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้มือ
ไปยังหีบพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตแล้ว   
“สู้ธรรมะไม่ได้”

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-9 06:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แสดงว่า ท่านยกย่องการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม
ของสมเด็จพระบรมศาสดานั้น ว่ามีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
สำคัญยิ่งกว่าการมีพระเครื่องไว้ประจำตัว


อีกคราวหนึ่งในปี ๒๕๑๓ หลังจากพิธีสวดอธิษฐานจิต
เมื่อวันเสาร์ห้าผ่านไปเพียงเล็กน้อย
นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์ ได้นำพระเครื่องพิมพ์นาคปรกเนื้อนวโลหะ
ที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ สร้างเพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบทุน
สร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ นครนายกนั้น
ราว ๔-๕ องค์ไปถวายให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีก
ก่อนที่ท่านจะยินยอมอธิษฐานจิตให้
ได้ถูกท่านเทศนาสั่งสอนอย่างเจ็บๆ อยู่นานร่วม ๑ ชั่วโมง

“หมอนี่เรียนมาเสียเปล่า มาหลงงมงายอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ !”

ท่านได้ว่ากล่าวสั่งสอน มิให้ลุ่มหลงมัวเมา
อยู่กับเรื่องของขลังและอภินิหาร เพราะอภินิหารต่างๆ นั้น
มิได้ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ทุกครั้งอยู่เสมอไป


ตลอดเวลาที่ท่านเทศนาว่ากล่าวอยู่นานโขนั้น
นายแพทย์สุพจน์ได้โต้แย้งท่านอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
โดยปกตินั้นท่านชอบคนโต้เถียงด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

การที่นายแพทย์สุพจน์โต้เถียงท่านในเรื่องอภินิหารนั้น
ก็เป็นด้วยนายแพทย์ผู้นี้ได้เคยเอาพระเครื่องกรุเก่า
มาทดลองยิงด้วยปืนพกด้วยมือของตนเองมาหลายครั้งหลายหน
จนกระสุนหมดไปหลายกล่อง ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมาก
โดยใช้วิธีอาราธนาพระไว้ที่ตัวปลาหมอ
ในระยะที่ยิงได้แม่นยำอย่างสบาย แล้วก็ระเบิดกระสุนใส่เข้าไป !

ผลของการทดลอง ปรากฏว่าจากการยิงพระนางพญากรุพิษณุโลก
ราว ๗-๘ องค์ ส่วนใหญ่ยิงถูกแต่ไม่เข้า (คงกระพัน)
บางองค์ยิงไม่ถูก (แคล้วคลาด) มีอยู่องค์หนึ่งยิงไม่ออก (มหาอุด)
และพระปิดทวารของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พิมพ์ใหญ่ชนิดสองหน้า
ที่เรียกกันว่าพิมพ์พระประกับนั้น ยิงไม่ออก เป็นยอดมหาอุดจริงๆ

จากประสบการณ์ดังกล่าวนี้เองทำให้นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์
เชื่อมั่นในอภินิหารของพระเครื่องเป็นยิ่งนัก
และเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งกับท่านธมฺมวิตกฺโก
ที่ท่านกล่าวหาว่ามาหลงงมงายอยู่กับอภินิหารไม่เข้าเรื่อง !

“เรื่องอภินิหาร พระเดชพระคุณว่ามีจริงไหม ?”
นายแพทย์สุพจน์ เอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง

“จริง” ท่านตอบ จากนั้นท่านกล่าวสืบต่อไปว่า

“หมอเคยเห็นเคยได้ยินข่าว
เรื่องโจรผู้ร้ายที่แขวนพระไว้เต็มคอ
แต่แล้วก็กลับถูกตำรวจยิงตาย
หรือไม่ก็ถูกจับได้ ต้องติดคุกไปบ้างไหม ?
ถึงแม้จะมีพระอยู่เต็มคอก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหม ?”

แล้วท่านกล่าวสำทับในที่สุดว่า
“อภินิหารนั้นหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น”

เมื่อถูกท่านขนาบด้วย “ไม้ตาย” เช่นนี้
ก็ทำเอานายแพทย์สุพจน์ต้องนิ่งงันสงบปาก
ไม่อาจจะกล่าวโต้แย้งในเรื่องอภินิหารใดๆ กับท่านได้อีกต่อไป

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-9 06:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตามที่กล่าวมานี้ จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
แม้ท่านธมฺมวิตกฺโกจะตั้งใจ “อธิษฐานจิต” และ “แผ่เมตตา”
ลงในพระเครื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า
มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการบูชาได้ก็จริง
แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)


สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร)


ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ท่านธมฺมวิตกฺโก)


                

คัดลอกบางตอนมาจากกระทู้โพสต์โดย คุณลูกโป่ง
•• ธรรมะใส่กระปุก (ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต) ••
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=12371
                                                                                       
....................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=42439

สาธุ ขอบคุณคร้าบ
ท่านพระคุณเจ้าคุณนร
ท่านจะบรรจุสภาวะพระเครื่องของท่านเป็นสูญญากาศ
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-1 14:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-7-1 07:17
ท่านพระคุณเจ้าคุณนร
ท่านจะบรรจุสภาวะพระเครื่องของท ...

เป็นแบบไหนเหรอครับพี่ศร
kit007 ตอบกลับเมื่อ 2014-7-1 14:46
เป็นแบบไหนเหรอครับพี่ศร

ถ้าเรายิงปืนเข้าไปในสูญญากาศ จะเป็นเช่นไรครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้