ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2821
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงพ่อดี สุวัณโณ วัดสุวรรณ จ.นครปฐม

[คัดลอกลิงก์]
หลวงพ่อดี สุวัณโณ วัดสุวรรณ จ.นครปฐม


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-6 02:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประวัติ หลวงพ่อดี สุวัณโณ วัดสุวรรณ จ.นครปฐม

อดีตพระเกจิอาจารย์ประเภท "คมในฝัก" หรือ "ช้างเผือกในป่า" นั้นมีอยู่มากมายหลายองค์ บางองค์เก่งกล้าอาคมยิ่งยวด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการบันทึกประวัติไว้ แม้กระทั่งรูปถ่ายสักใบก็ไม่มี อันอาจสืบเนื่องจากวิทยาการที่ยังไม่ทันสมัย หรือขาดผู้สนใจที่จะจดบันทึกไว้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้


บางองค์ก็ไม่อยากดัง ไม่ยอมให้สัมภาษณ์หรือนำประวัติไปลงตีพิมพ์ เพราะกลัวจะเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ความสามารถของสานุศิษย์ที่ต้องการเผยแพร่เกียรติคุณของท่านให้คนทั่วไปได้รู้จัก โดยมิได้มุ่งหวังใช้ท่านเป็นสะพานนำพาประโยชน์สู่ตน

นั่นคือแนวคิดของลูกศิษย์ในสมัยก่อน แต่สมัยนี้แนวคิดอาจจะเปลี่ยนไปตามกระแสนิยมที่เปลี่ยนแปลง จนพระเกจิอาจารย์บางท่านกลายเป็น "พรีเซ็นเตอร์" พระเครื่องจนนำไปสู่ความเสื่อมศรัทธาของสาธุชน

แต่พระเกจิอาจารย์ที่จะกล่าวถึงนี้ ท่านเป็นพระ "ดี" และมี "ดี" สมชื่อ แถมยังมี "ของดี" ที่ใครครอบครองไว้จะได้พบแต่สิ่งดีๆ เช่นกัน

จังหวัดนครปฐม ดินแดนแห่งส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวสวย และพระสงฆ์โด่งดังมากมาย ในอดีตเมื่อราว 30 กว่าปีก่อนมีพระเกจิอาจารย์ดังองค์หนึ่งที่น่าสนใจคือ "หลวงพ่อดี สุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ชื่อเสียงของท่านอาจไม่แพร่หลายนัก เพราะท่านเป็นพระที่เก็บตัว แต่ชาวบ้านแถบพุทธมณฑล ศาลายา ต่างนับถือในตัวท่านเป็นอย่างมาก

ในด้านพระเครื่องของท่านมีประสบการณ์มากมายทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นแรก...จนรุ่นสุดท้าย ศิษย์บางคนโดนมาหนักๆ แต่ก็รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ รถกระบะโดนรถไฟชน มีคนรอดตายได้แบบไม่น่าเชื่อ

พื้นเพท่านเป็นชาวต.มหาสวัสดิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง ตรงกับพ.ศ.2446 ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา

เมื่อเยาว์วัยได้ช่วยบิดา-มารดาทำมาหาเลี้ยงชีพ กระทั่งอายุ 18 ปี จึงสนใจที่จะเข้าศึกษาเล่าเรียน แต่สมัยนั้นโรงเรียนหายากจึงเข้าบรรพชาเป็นสามเณร ในสำนักวัดกลางบางแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่มีการศึกษาเจริญรุ่งเรือง โดยเหตุที่พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) ท่านส่งเสริมสนับสนุนทางการศึกษา

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-6 02:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-6 02:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว จึงอยู่ศึกษาที่วัดกลางบางแก้ว โดยเรียนสนธิมูลกัจจายน์กับพระอาจารย์เนียม ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ในวัดกลางบางแก้ว ภายใต้การควบคุมดูแลจากหลวงปู่บุญอย่างใกล้ชิด และศึกษาอักขระขอมกับ พระอาจารย์แสง อาจารย์ในสำนักวัดกลางบางแก้ว ผู้เชี่ยวชาญทางอักขระวิธีจนมีความรู้เป็นอย่างดี

ถึงปีพ.ศ.2466 มีอายุล่วงเข้า 20 ปี จึงเข้าอุปสมบทที่วัดงิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีพระครูปัจฉิมทิศบริหาร (เกิด) วัดงิ้วราย (อาจารย์วิปัสสนาชื่อดัง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการพุฒ วัดกกตาล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระปลัดบุญ วัดแค เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สุวัณโณ" หลังอุปสมบทแล้ว ได้อยู่เฝ้าปรนนิบัติอุปัชฌาย์ตามประเพณี ก่อนย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุวรรณ ซึ่งในขณะนั้นมี "หลวงพ่อเนียม" เป็นเจ้าอาวาส

เหตุที่ท่านมาจำพรรษาที่วัดสุวรรณก็เพราะว่า หลวงพ่อเนียม เจ้าอาวาสเป็นอาจารย์ของท่านเมื่อครั้งเป็นสามเณรนั่นเอง ภายหลังหลวงปู่บุญได้ส่งมาปกครองวัดสุวรรณ ระหว่างนั้นท่านได้ออกธุดงค์ ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความวิเวก เจริญวิปัสสนาอยู่เสมอ บางปีท่านก็จะไปจำพรรษาอยู่ที่อื่นๆ เช่น ที่วัดขนอนคด ราชบุรี วัดกกตาล และที่สระบุรีบ้าง ต่อมาเมื่อหลวงพ่อเนียมมรณภาพ ชาวบ้านซึ่งได้เห็นท่านมีจริยวัตรอันน่าเลื่อมใส

จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา

ระหว่างที่ "หลวงพ่อดี สุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านนี้ ท่านก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้รวบรวมกำลังศรัทธาของสาธุชนทั้งหลาย สร้างสาธารณกุศลต่างๆ บูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถซึ่งชำรุดทรุดโทรมจนมีความ สวยงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่ผู้พบเห็น สร้างกุฏิสงฆ์ใหม่หลายหลัง สร้างศาลาการเปรียญให้กว้างขวาง เพียงพอแก่การใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนา สนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียนให้แก่กุลบุตร-กุลธิดาได้เข้าศึกษาหาความรู้

นอกจากนั้นยังสร้างถาวรวัตถุอีกมากมาย จนวัดสุวรรณกลายเป็นวัดที่งามสง่า เป็นที่น่าภาคภูมิใจของชาวบ้านย่านนั้นเป็นอย่างยิ่ง

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อดีนั้นแปลกกว่าพระคณาจารย์อื่นๆ ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านคือ "ความดี" ซึ่งชนะความชั่วทุกอย่างได้อย่างอัศจรรย์ ยากจะหาเถระใดปฏิบัติได้เช่นท่าน ท่านดีจริงๆ ดีจนไม่น่าเชื่อ แม้เด็กวัดจะเดินชนท่าน ท่านก็ยิ้มเฉย แผ่เมตตาให้ จนเป็นที่เกรงใจของเด็ก คือ ชนะความชั่วด้วยความดี พระลูกวัดชกต่อยกัน ท่านก็เรียกมาไต่ถามด้วยความเมตตา จนพระไม่กล้ากระทำความผิดอีกต่อไป ด้วยคุณธรรมความดีของท่านนี่เอง


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-6 02:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อท่านสร้างมงคลวัตถุสิ่งใดออกมาแจกจ่าย จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก

โดยเฉพาะ "ธงมหามงคล" ครั้งหนึ่ง ท่านปัดกวาดห้องพระภายในกุฏิเจ้าอาวาสเก่า ท่านได้พบธงลงยันต์ผืนหนึ่งมีความสวยงามมาก เป็นแบบฉบับที่ดี ที่ท่านพึงพอใจ (ภายหลังทราบว่าเป็นธงของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม) ท่านจึงนำมาศึกษาจนมีความเข้าใจเป็นอย่างดี แล้วทำแจกจ่ายแก่บรรดาศิษย์ให้ทดลองนำไปใช้ ปรากฏว่าได้ผลเป็นอย่างดีในทางมหาลาภ ร้านค้าใดมีธงของท่านปักไว้ ก็ทำมาค้าขายได้ดี เงินทองเข้าร้านร่ำรวยไปตามๆ กัน จนท่านลงไม่ทัน เพราะธงนั้นต้องลงอักขระด้วยมือ

บางรายนำไปใช้คุ้มครองบ้านเรือนก็ได้ผล ขโมยเข้าบ้านไม่ถูก เดินไปทางไหนเห็นกอไผ่บังหน้าเต็มไปหมด มีอยู่หลายรายนำไปใช้ป้องกันฝนตก ก็ได้ผล เพราะถึงฤดูก่อนเข้าพรรษา มีชาวบ้านต้องทำพิธีบวชลูกหลานกันมาก ตามบ้านนอกพื้นดินบริเวณบ้านเป็นลานดิน หากฝนตกลงมาการจัดงานก็ลำบาก จึงได้ใช้ธงหลวงพ่อดีเอาขึ้นปักไว้บนหลังคาบ้าน จุดธูปบอกกล่าว ปรากฏว่าฝนไม่ตกลงมาบริเวณงาน แต่รอบๆ ทั่วไปตกลงมาเป็นเทน้ำ เรื่องนี้ร่ำลือกันมาก

นอกจากธงมหามงคลแล้ว หลวงพ่อดีท่านยังสร้างเหรียญขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 รุ่นแรก ลักษณะแบบใบเสมา มีรูปท่านครึ่งองค์ เนื้อทองแดงรมดำ จำนวน 5,000 เหรียญ แจกจ่ายไปจนหมด ปรากฏว่าทางเมตตามหานิยมเป็นเอก ส่วนทางคงกระพันชาตรีก็แน่เหมือนกัน พวกชาวเรือหางยาวที่แล่นผ่านหน้าวัดท่านเอาไปใช้ เกิดมีเรื่องยิงกันบนเรือ ต่างคนต่างไม่เป็นไร เพราะต่างคนต่างมีเหรียญหลวงพ่อดี ทำไปทำมาเมื่อสอบถามกันได้ความ มีเหรียญเหมือนกันคือ เหรียญหลวงพ่อดี จึงเลิกวิวาทกัน หันมาดีกันสมชื่อของท่าน

จนกล่าวขวัญว่า "ใครมีเหรียญหลวงพ่อดี ต้องดีกันอยู่เสมอ"

ต่อมาเหรียญรุ่นหนึ่งหายาก ท่านจึงสร้าง รุ่น 2 เป็นชนิดกลม เนื้ออัลปาก้า ขึ้นมาอีก 3,000 เหรียญ ปรากฏว่าหมดในวันออกเหรียญรุ่น 2 นี้หายากอีก ท่านจึงสร้างรุ่น 3 เป็นแบบรูปไข่ เนื้อทองแดง ครั้งนี้ท่านเปลี่ยนเป็นสร้างรูปเต็มองค์ เพราะสร้างครึ่งองค์แล้วมีคนท้วงว่าขัดกับลักษณะของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นพระใจดี แต่ให้รูปทั้งทีให้แค่ครึ่งเดียว ไหนๆ จะให้กันทั้งทีต้องให้ทั้งองค์

จนกระทั่งอายุได้ 89 ปี พรรษาที่ 68 จึงถึงแก่มรณภาพด้วยวัยชรา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2536 ก่อนมรณภาพท่านสั่งให้เก็บสังขารท่านไว้ แต่เจ้าอาวาสรูปถัดมาจัดงานพระราชทานเพลิง เกิดปาฏิหาริย์ร่างท่านไม่ไหม้ไฟ

อยากได้ของท่านจัง
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-16 07:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้