แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-5-4 10:01
"ปู่เย็น" เฒ่าทรนง ต้นแบบ ชีวิตพอเพียง
"ชีวิตคน เหมือน สะพาน มีขึ้น มีลง มีสูง มีต่ำ พอสุดท้าย ก็ตาย"
“ดูแต่หอยซิ ไม่มีมือไม่มีตีน มันยังหากินเองได้ ประสาอะไรกับคน มีมือมีเท้า หากินเองไม่ได้ ก็อายหอย”
ถ้อยความสั้นๆ จากหนังสือ ฅ คน แสดงความเป็นตัวตนอย่างชัดเจนของ “ปู่เย็น” เฒ่าทระนงวัย 106 ปี ที่นอกจากจะเป็นขวัญใจมหาชนแล้ว ปู่เย็นยังเป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตให้แก่หลายๆ คน ท่ามกลางสังคมที่ผุกร่อน
มาวันนี้ปู่เย็นมีบทบาทใหม่เพิ่มเติมมานั่นก็คือ การได้รับเกียรติให้เป็น “พรีเซ็นเตอร์ท่องเที่ยว” ของจังหวัดเพชรบุรี ที่แม้กระทั่งปู่เย็นเองก็ยังไม่รู้ว่า “พรีเซ็นเตอร์ท่องเที่ยว” คืออะไร???
ดังกว่าดารา
หลังรายการ “คนค้นฅน” นำเสนอเรื่องราวของ “ปู่เย็น” เฒ่าทระนง ไปในคืนวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 และอีก 2 ตอนต่อมา
ชื่อของผู้เฒ่าแห่งลุ่มน้ำเพชรได้กลายเป็นที่รู้จักทันทีด้วยวิถีปฏิบัติที่เรียบง่าย พอเพียง และทระนง จากชายชราที่รอวันสังขารร่วงโรย ปู่กลายเป็นที่สนใจของคนมากมายจะเป็นด้วยกระแสหรือความเมตตาก็สุดจะหยั่ง มีคนมากมายจากทั่วสารทิศมาเยี่ยมชนิดที่หัวกระไดสะพานลำไยที่ปู่อยู่ไม่เคยแห้ง
ปู่เย็นกลายเป็นขวัญใจมหาชนคนใหม่ จนทางรายการคนค้นฅนต้องนำเรื่องราวของปู่เย็นมานำเสนออีกครั้งตามคำเรียกร้องของผู้ชม
ทั้งนี้ ตามประวัติของปู่เย็นที่ผ่านการนำเสนอจากรายการคนค้นฅนและหนังสือ ฅ คน ฉบับปฐมฤกษ์ ระบุไว้ว่า ปู่เย็นเป็นชาวเพชรบุรีโดยกำเนิด มีชื่อจริงคือ “นายเย็น แก้วมะณี” มีที่อยู่อาศัยตามทะเบียนราษฎรคือ 274/4 ถ.มาตยาวงศ์ ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี อดีตมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว ปัจจุบันปู่เย็นมีอายุ 106 ปี (ตามที่ระบุผ่านสื่อต่างๆ) อาศัยอยู่ในเรือลำน้อยใต้สะพานลำไยแห่งลำน้ำเพชร
ปู่เป็นชาวมุสลิม แต่มีภรรยาเป็นไทยพุทธ ชื่อ“ย่าเอิบ” ที่อยู่ด้วยกันโดยไม่มีใครเปลี่ยนศาสนา แต่ว่าก็ใช้ชีวิตเคียงคู่กันไปตลอดชีวิต
ปู่เย็นไม่มีลูกเพราะปู่เป็นหมัน จะมีก็แต่ลูกสาวบุญธรรม 2 คนเท่านั้น ซึ่งเมื่อเติบใหญ่ก็แยกย้ายไปมีครอบครัวของตน ชีวิตบั้นปลายของชายชราอย่างปู่คงจะมีความสุขในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ทว่าเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 ย่าเอิบก็มาด่วนหนีโลกเบี้ยวๆไปเสียก่อน ตอนอายุ 94 ปี ปู่ร้องไห้ต่อการจากไปของย่ากว่า 3 เดือน
เมื่อไม่มีย่าปู่ก็ไม่รู้จะเสียเงินค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้านอีกทำไมเดือนละแปดร้อยบาท ปู่จึงขนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในชีวิตมาอยู่บ้านหลังใหม่ ไม่มีเสา ไม่มีหลังคา บ้านของปู่เป็นเพียงเรือลำเล็กๆ ลอยอยู่ในลำน้ำเพชร จากวันนั้นถึงวันนี้ ปู่ใช้ชีวิตอยู่บนเรือนับ 10 ปี เลี้ยงชีวิตด้วยการดักอวนหาปลา เหลือกินก็ขายถูกๆ ไม่ต้องมีตาชั่ง 20-30 บาทปู่ก็ขายแลกเงินประทังชีพ แต่ถ้าใครเอาเงินให้ฟรีๆ ปู่จะโกรธไม่รับเงิน
“กินฟรีได้ แต่ไม่อยากกิน เกรงใจ ไม่เอา อาย ของซื้อของขาย ไหนต้องตักไหนต้องล้าง” ปู่เย็นว่าไว้อย่างนั้น (จากหนังสือ ฅ คน)
เมื่อละครชีวิตของปู่เย็นถ่ายทอดสู่สายตาประชาชนจากรายการคนค้นฅน ก็ดูเหมือนว่าโลกที่เคยลืมเลือนปู่เย็นไป กลับพลิกผันจดจำปู่ได้ในทันที จากที่เคยโดดเดี่ยว ปู่เย็นกลายเป็นคนดังที่ชีวิตไม่เงียบเหงาอีกต่อไปเพราะในยุคนั้นที่ผู้นำไร้จริยธรรม สังคมไทยผุกร่อน เน้นวัตถุและเม็ดเงินเป็นใหญ่
เมื่อมีคนอย่างปู่เย็นปรากฏต่อสายตาสาธารณะชน ด้วยภาพของชายชราตัวงองุ้ม ศีรษะโพกผ้าสะระบั่นเพื่อยืนยันความเป็นมุสลิม ชอบนั่งหัวเราะอ้าปากหวอ กระดูกไม่ดี เดินได้นิดเดียวก็เหนื่อยหอบ ผิวหนังเหี่ยวย่น ใช้เหงือกแทนฟันในการบดข้าว แต่ว่าก็มีความเด็ดเดี่ยวและทระนงอยู่ในตัวตน หลายๆ คนจึงเทใจยกให้ปู่เย็น เฒ่าทระนง เป็นฮีโร่ไปโดยปริยาย
บทบาทใหม่
วันที่ 23 มีนาคม 2548 ปู่เย็นได้เข้ารับเรือพระราชทานต่อเบื้องพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดขึ้นบริเวณท่าน้ำหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อรับพระราชทานเรือพระราชทานที่เป็นฝีมือการออกแบบของวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เป็นเรือกว้าง 1 เมตร ยาว 6 เมตร มีประทุนหลังคากันแดดกันฝน ด้านครึ่งเรือตอนท้ายจะมีผ้ามุ้งสำหรับกันยุง สำหรับตัวเรือจะเป็นเนื้อไฟเบอร์กลาสตลอดทั้งลำ มีน้ำหนักเบาสามารถลอยตัวอยู่ในน้ำตื้นได้ สร้างความตื้นตันใจแก่ปู่คณานับ
นอกจากนี้ทางจังหวัดเพชรบุรีได้คัดเลือกให้ปู่เป็นผู้สูงอายุดีเด่นประจำปี 48 รวมถึงได้มอบบทบาทใหม่อย่างเป็นทางการให้ปู่เย็นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2549 นั่นก็คือ การเป็น “พรีเซ็นเตอร์ ท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรี” ที่หากใครผ่านไปเพชรบุรีก็จะเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่มีทั้งรูปสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังของจังหวัดอย่าง “เขาวัง” ที่เยื้องมาทางมุมซ้ายมีรูปผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังปีนต้นตาล และที่มุมซ้ายสุดมีรูปปู่เย็นหัวเราะอ้าปากหวอ ก็ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะนั่นคือบทบาทใหม่ของปู่เย็นที่ทางจังหวัดเพชรบุรีมอบให้
“การนำปู่เย็น มาเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นเพราะเรามองว่าในด้านของการตลาดว่า ควรจะหาบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมสูงซึ่งตรงกับลักษณะของปู่เย็นพอดี ปู่เป็นคนเพชรบุรีโดยกำเนิด หลังจากรายการคนค้นฅน นำเสนอเรื่องราวชีวิตของปู่ก็เป็นที่น่าสนใจและควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อคนทั่วไป จึงเหมาะต่อการเป็นภาพลักษณ์ของเมืองเพชร” สยุมพร ลิ่มไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี แสดงความเห็นต่อการคัดเลือกปู่เย็น เป็นพรีเซ็นเตอร์ทางการท่องเที่ยวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัด
นอกจากนี้ อดีตพ่อเมืองเพชรบุรี ยังให้เหตุผลถึงการเลือกพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ว่า ปู่เย็น เป็นบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมสูง และก่อนที่จะเจาะจงคัดเลือกปู่นั้นทางจังหวัดมีการสอบถามถึงความสมัครใจให้ปู่ทราบแล้วว่าปู่ยินดีหรือไม่ ซึ่งปู่ก็เข้าใจและยินดีที่จะช่วยเหลือทางจังหวัด เมื่อทางจังหวัดมีกิจกรรมอะไรก็จะเชิญปู่เย็นมาเพื่อร่วมประชาสัมพันธ์ออกงานกับทางจังหวัด หรือเมื่อใครมาเที่ยวแล้วต้องการไปเยี่ยมปู่ที่เรือก็สามารถทำได้
เป็นอันว่าการเป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ ปู่รับด้วยความสมัครใจ แม้ว่าปู่จะไม่รู้ว่าพรีเซ็นเตอร์ท่องเที่ยวคืออะไรก็ตาม
|