|
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-5-3 10:41
๓.๙ ตอนที่๒๐ การค้าขาย
การค้าขายของชาวพื้นเมืองนั้น สตรีเป็นผู้มีความจัดเจนทั้งสิ้น ฉะนั้นเมื่อคนจีนไปถึงที่นั่นต้องเริ่มด้วยการมีภรรยา เพื่อถือเอาประโยชน์จากความถนัดจัดเจนในการซื้อขายของสตรีเหล่านั้น ทุกวันเขาจะติดตลาด ๑ ครั้ง เริ่มตั้งแต่ ๔ โมงเช้าถึงบ่ายโมงก็เลิก ตลาดหามีร้านรวงซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยไม่ แต่เขาใช้พวกเสื่อที่ฟูปุกปุยลาดลงกับพื้น แต่ละคนมีที่ทางของตนเอง ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า ต้องเสียค่าเช่าที่ให้แก่ทางการ ในการซื้อขายเล็กๆน้อยๆเขาใช้ธัญชาติ สินค้ามาจากเมืองจีน ถัดขึ้นมาก็ใช้ผ้า ถ้าเป็นการซื้อขายรายใหญ่ๆ ก็ใช้เงินตรา
โดยทั่วไปชาวพื้นเมืองเป็นคนที่เรียบๆเป็นที่สุด ถ้าเขาเห็นคนจีนก็ค่อนข้างจะเกรงกลัวและเรียกว่า “พุทธ” เมื่อเขาเห็นคนจีนมาจะหมอบลงทำเบญจางคประดิษฐ์ เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนหลอกต้มข่มเหงคนจีนเหมือนกัน ทั้งนี้ เนื่องจากมีคนจีนไปที่นั่นมากนั่นเอง
๓.๑๐ การวิพากษ์บันทึกของโจวต้ากวน ตอนที่๒๐ การค้าขาย
เนื้อหาที่นำมาวิพากษ์มี ๖ ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่๑ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “ทุกวันเขาจะติดตลาด ๑ ครั้ง เริ่มตั้งแต่ ๔ โมงเช้าถึงบ่ายโมงก็เลิก” ซึ่งต่างจากฉบับอื่น ทำให้ไม่แน่ใจว่า ตลาดจะเริ่มขายตอนตีสี่ หรือ ๑๐ โมงเช้ากันแน่ ถ้าตลาดเริ่มติดตั้งแต่ ๔ โมงเช้า(ตี๔)ถึงบ่ายโมง ก็แสดงว่ามีการค้าขายกันนานประมาณ ๙ ชั่วโมง แต่ถ้าเปิดตลาดเวลา ๑๐ โมงเช้าถึงบ่ายโมง ก็จะค้าขายกันเพียง ๓ ชั่วโมง
เปลิโอต์ ดาร์ครี พอลและสมิธีส์ กล่าวตรงกันว่า ตลาดติดตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึงเที่ยง รวมประมาณ ๖ ชั่วโมง
ประเด็นที่ ๒ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “ตลาดหามีร้านรวงซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยไม่ แต่เขาใช้พวกเสื่อที่ฟูปุกปุยลาดลงกับพื้น” ฉบับอื่นๆระบุแต่เพียงว่ามีการใช้เสื่อธรรมดาปูพื้นเท่านั้น
ประเด็นที่ ๓ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “แต่ละคนมีที่ทางของตนเอง ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า ต้องเสียค่าเช่าที่ให้แก่ทางการ ในการซื้อขายเล็กๆน้อยๆ เขาใช้ธัญชาติ สินค้ามาจากเมืองจีน” ประเด็นนี้ ฉบับแปลของเฉลิม ยงบุญเกิดน่าจะตกคำสันธาน “และ/ หรือ ” ดังนั้นประโยคที่ถูกต้องน่าจะเป็นดังนี้ “เขาใช้ธัญชาติ (และ/ หรือ) สินค้าจากเมืองจีน”
ฉบับอื่นๆใช้ประโยคที่มีความหมายเดียวกันว่า “ In small transactions barter is carried on with rice, cereals and Chinese objects ….” สื่อให้เห็นความหมายของการแลกเปลี่ยนสินค้าแบบ “Barter Trade”
ประเด็นที่ ๔ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “ถัดขึ้นมาก็ใช้ผ้า ถ้าเป็นการซื้อขายรายใหญ่ๆ ก็ใช้เงินตรา” โดยใช้คำรวมว่า “เงินตรา” ขณะที่เปลลิโอต์ ดาร์ครี พอลและสมิธีส์ระบุชัดเจนว่า ในการค้าขายระดับใหญ่ๆใช้ทองคำหรือเงินในการแลกเปลี่ยน(..in big deals, gold and silver is used)
ประเด็นที่ ๕ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “ถ้าเขาเห็นคนจีนก็ค่อนข้างจะเกรงกลัว” ซึ่งก็มีใจความคล้ายๆกันทุกฉบับ โดยเปลลิโอต์กล่าวว่า “…beaucoup de crainte respectueuse (นับถือแบบกลัวๆ)…“ ดาร์ครี พอลกล่าวถึง “ …timid respect…(นับถือแบบอายๆ)” สมิธีส์ระบุว่า“ ..much respectful awe.(นับถือมากแบบกลัวๆเกรงๆ)”
ประเด็นที่ ๖ เฉลิม ยงบุญเกิด กล่าวว่า “….และเรียกว่า “พุทธ” เมื่อเขาเห็นคนจีนมาจะหมอบลงทำเบญจางคประดิษฐ์” ประเด็นนี้แปลได้สอดรับกันมาก แต่น่าสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ แม้ฉบับอื่นๆจะกล่าวว่า ชาวกัมพูชาเรียกคนจีนด้วยความเกรงกลัวว่า “พุทธ” เช่นกัน แต่ขณะที่เฉลิม ยงบุญเกิดระบุถึงการทำเบญจางคประดิษฐ์ ฉบับอื่นระบุแต่เพียงว่า “ทรุดตัวหมอบราบลงกับพื้น” การแสดงเช่นนี้คงเกิดจากความกลัวอำนาจของราชสำนักจีนที่ซึมลึกในใจของชาวกัมพูชา เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่๘ ทรงปฏิเสธเคยอำนาจของจีนและโปรดฯ ให้จับราชทูตของติมูร์ ข่าน พระราชนัดดาของพระเจ้ากุบไลข่านขังไว้ จนเป็นสาเหตุทำให้จีนส่งทูตมาเกลี้ยกล่อมให้สวามิภักดิ์ดังเดิม
๔.สรุปและข้อคิดเห็น
การศึกษาบันทึกว่าด้วยขบธรรมเนียมประเพณีของเจินละจากต้นฉบับภาษาจีนของโจวต้ากวนโดยตรงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อนเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านภาษา แต่การวิพากษ์บันทึกของโจวต้ากวนตอนที่ ๑๖–๒๐ ทั้งจากฉบับภาษาไทย ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษdHทำให้สามารถประเมินความน่าเชื่อถือของเอกสารข้างต้นได้อย่างน่าสนใจถึง ๓๒ ประเด็น
แม้เฉลิม ยงบุญเกิดจะเชี่ยวชาญภาษาจีน แต่โดยพื้นฐานท่านอาจมิได้ถูกฝึกฝนมาทางประวัติศาสตร์ งานแปลบันทึกของโจวต้ากวนจึงอาจมีข้อบกพร่องบ้าง แต่มิอาจจะปฏิเสธได้ว่างานแปลฉบับนี้มีคุณค่ายิ่งในในฐานะที่เป็นเครื่องมือสอบทานกับฉบับแปลภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ความคลาดเคลื่อนที่ถูกตรวจสอบพบเกิดจากกระบวนการวิพากษ์เอกสาร ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพในการประเมินคุณค่าหลักฐานประวัติศาสตร์ก่อนจะนำไปอ้างอิง และบันทึกของโจวต้ากวนแปลโดยเปลลิโอต์ ดาร์ครี พอลและสมิธีส์ ต่างก็เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างมีคุณภาพในการวิพากษ์บันทึกของโจวต้ากวนฉบับแปลของเฉลิม ยงบุญเกิดเช่นกัน
บรรณานุกรม
เฉลิม ยงบุญเกิด, บันทึกว่าด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีของเจินละ, พระนคร: ชวนพิศ, ๒๕๑๐.
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “พัฒนาการของแว่นแคว้นในดินแดนประเทศไทย” เอกสารการสอนชุดวิชาประวัติศาสตร์ไทย หน่วยที่๑-๘ , สาขาวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, ๒๕๔๓
ศิลปากร,กรม,พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาเล่ม๑, กรุงเทพฯ: อมรการพิมพ์, ๒๕๑๖.
สุจิตต์ วงษ์เทศ(บรรณาธิการ) . ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ บันทึกว่าด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีของเจินละ แปลโดยเฉลิม ยงบุญเกิด. (พิมพ์ครั้งที่๒). กรุงเทพฯ: สำนัก
พิมพ์มติชน, ๒๕๔๓.
Bibliography
Paul, J. Gilman D’Arcy , Notes on the Customs of Cambodia, Bangkok: Social Science Association Press, 1967
Pelliot, Paul , Memoires sur les Coutumes du Cambodge de Tcheou Ta-Kouan Version Nouvelle suivie d’un Commentaire Inacheve, Paris: Librarire d’Amerique et d’Orient Adrien - Maisonneuve, 1954
Michael Smithies, The Customs of Cambodia by Zhou Daguan (Chou Ta – kuan), Bangkok: The Siam Society, 2001
Reinhardt, Ad (1961), Khmer Sculpture, Carnegie Press, New York.
จัดการความรู้และเผยแพร่โดย พิทยะ ศรีวัฒนสาร Bidya Sriwattanasarn
ขอบคุณที่มาบทความ..http://bidyarcharn.blogspot.com/2010/06/blog-post.html
|
|