ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1918
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระครูสุนทรดิตถคณี (นาค โชติพโล) วัดดินดอน

[คัดลอกลิงก์]
พระครูสุนทรดิตถคณี (นาค โชติพโล) วัดดินดอน






2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประวัติพระครูสุนทรดิตถคณี (นาค โชติพโล) วัดดินดอน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
     
พระครูสุนทร เดิมท่านมีชื่อว่านาค เกิดเมื่อวันเสาร์ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2420 บ้านบางชัน ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช บิดาชื่อนายศรี มารดาชื่อนางพุ่ง ปู่ของท่านมีศักดิ์เป็นหมื่น ชื่อหมื่นเดช เป็นผู้มีฝีมือทางช่าง และการก่อสร้าง ตลอทั้งการแกะสลักลายไทย จึงได้รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ส่วนตาของท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นขุน เป็นพราหมณ์ ที่มีความรอบรู้ในฤกษ์พิธีตลอดทั้งพิธีกรรมแต่โบราณ



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมัยที่พระครูสุนทรยังเป็นเด็ก นายศรี ซึ่งเป็นบิดาของท่านได้เดินทางมาซื้อวัวควายแถวบ้านดอน จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นประจำ ได้เกิดความเลื่อมใสต่อเจ้าอาวาสวัดบางกล้วย จึงศรัทธาขอบวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาที่วัดบางกล้วย ขณะนั้นท่านพระครูสุนทรมีอายุได้เพียง 5 ขวบ และอาศัยอยู่กับมารดาที่บ้านบางชันกับน้องชายและน้องสาวอีกสองคน พอท่านอายุได้ 6 ขวบ หมื่นศรีซึ่งเป็นปู่ ก็มาพาท่านไปสอนหนังสือที่บ้านออก วัดดินดอน พอเห็นว่า อ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว จึงพาท่านไปถวายตัวเป็นศิษย์วัดสระเรียง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเรียนหนังสือต่อ
ต่อมาเมื่อพระศรี ซึ่งเป็นบิดาของพระครูสุนทรจำพรรษาที่วัดบางกล้วย จังหวัดสุราษฏร์ธานีได้ 3 พรรษาจึงมาจำพรรษาที่วัดสระเรียง ก็ได้อยู่ปรนนิบัติพระศรีในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ ส่วนพระศรีมีความซาบซึ้งในรสพระธรรมก็มิได้คิดจะลาสิกขาอีก จึงได้บวชและศึกษาพระธรรมวินัยต่อไป จนมีความรอบรู้ในพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัยพอสมควร ต่อมาชาวบ้านจึงได้อาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าพระบรมธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเพียงวัดเล็ก ๆ
ไม่นานพระศรีก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสมุห์ศรี ฐานานุกรมของพระครูกาแก้ว วัดสวนหลวงออก พระครูสุนทรก็ได้เรียนหนังสือกับพระสมุห์ศรี ตลอดทั้งอักขระสมัยและวิชาการต่าง ๆ จนมีความรู้พอสมควร พอถึง พ.ศ. 2435 ท่านมีอายุได้ 15 ปี ญาติ ๆ จึงพาไปทำพิธีโกนจุกที่วัดขัน แล้วก็บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดขันแห่งนี้ จากนั้นก็ย้ายไปจำพรรษาที่วัดหน้าพระบรมธาตุอยู่กับพระสมุห์ศรีผู้เป็นบิดา บรรพชาเป็นสามเณรได้หนึ่งพรรษาก็ลาสิกขาออกมา
เมื่อถึง ปี พ.ศ. 2436 พระสมุห์ศรีได้เดินทางเข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมต่อที่กรุงเทพ จึงได้พาพระครูสุนทรขึ้นมาด้วย โดยฝากให้พระอาจารย์แผ้ง เป็นผู้ดูแลวัดหน้าพระบรมธาตุแทน

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

รูปเหมือนปั๊ม พระครูสุนทร วัดดินดอน รุ่นแรก
เมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้วพระสมุห์ศรีได้จำพรรษาและเรียนอยู่ที่วัดมหาธาตุ ส่วนพระครูสุนทรตอนนั้นอายุได้ 16 ปีได้ไปสมัครเรียนหนังสือแบบใหม่ที่วัดมกุฏิกษัตยาราม แต่เรียนอยู่ได้เพียงปีเดียวก็ลาพระสมุห์ศรีกลับเมืองนครศรีธรรมราช ฝ่ายพระสมุห์ศรีเรียนอยู่ที่วัดมหาธาตุ อยู่ได้ 4 ปี ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
จึงเดินทางกลับนครศรีธรรมราช และเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าพระบรมธาตุเหมือนเดิม เมื่อพระครูกาแก้ว วัดสวนหลวงออกได้ถึงแก่มรณภาพ พระสมุห์ศรีจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูกาแก้ว ส่วนพระครูสุนทรซึ่งขณะนั้นอายุครบบวช จึงเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่จัดสวนหลวงตก ได้นามฉายาว่า โชติพโล
อุปสมบทแล้วท่านก็มาจำพรรษาที่วัดหน้าพระบรมธาตุกับพระครูกาแก้ว (ศรี) ผู้เป็นโยมบิดา ศึกษาพระธรรมวินัยกับหัดเทศน์มหาชาติจนชำนาญ และมีชื่อเสียงในเมืองนครฯ พอพรรษาที่สาม จึงเข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เมื่อมีความรู้พอสมควรแล้วจึงเดินทางกลับนครศรีธรรมราช โดยจำพรรษาที่วัดหน้าพระบรมธาตุ และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระปลัด ฐานานุกรมของพระครูกาแก้ว (ศรี)
ต่อมาในปี 2458 พระใบฏีกาหมุ้น วัดหน้าพระลาน ซึ่งเป็นพระฐานานุกรมของพระครูกาแก้ว (ศรี) ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดหน้าพระบรมธาตุเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของพระครูกา แก้ว (ศรี) ซึ่งชราภาพ รุ่งขึ้นถึงปี พ.ศ. 2459 พระครูกาแก้ว (ศรี) ก็มรณภาพขณะที่มีอายุ 70 ปี เสร็จจากงานพระราชทานเพลิงศพแล้ว พระใบฏีกาหมุ้นได้รับแต่งตั้งเป็นพระปลัด ฐานานุกรมของพระญาณเวที (ลือ) วัดพระเดิม พระสงฆ์ในวัดหน้าพระบรมธาตุรวมทั้งพระครูสุนทร จึงได้พร้อมใจกันนิมนต์พระปลัดหมุ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดหน้าพระบรมธาตุ สืบต่อมา
ต่อมาพระปลัดหมุ้นได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูกาแก้ว (ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดท่านหนึงของภาคใต้ และเป็น 1 ใน 108 พระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดราชบพิธ ในปี พ.ศ. 2481 ด้วย) ระหว่างนั้นพระครูสุนทรยังเป็นพระปลัด ท่านได้ช่วยพระครูกาแก้ว (หมุ้น) บริหารการปกครองและการศึกษาอยู่วัดหน้าพระบรมธาตุด้วยอีกหลายปี ราวปี พ.ศ. 2472 พระอุปัชฌาย์เกลี้ยง เจ้าอาวาสวัดดินดอน ได้มรณภาพลง ชาวบ้านละแวกวัดได้เดินทางมานิมนต์พระครูสุนทรซึ่งขณะนั้นเป็นพระปลัดนาค ไปปกครองวัดดินดอน

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

วัดดินดอน
ประวัติวัดดินดอน
วัดดินดอนตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าดี อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นวัดที่ตั้งขึ้นมาในสมัยรัตนโกสินทร์ราวแผ่นดินรัชกาลที่ 3 โดยชาวบ้านท่าดีร่วมกันสร้าง เพื่อใช้เป็นสถานที่ ประกอบบุญทางพระศาสนา เจ้าอาวาสและพระสงฆ์วัดดินดอนส่วนมากจึงเป็นบรรพบุรุษของชาวท่าดี และเป็นเครือญาติกัน ในอดีตมีเจ้าอาวาสวัดดินดอนรูปหนึ่งชื่อปาน เป็นพระสงฆ์ที่เชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคม มีพลังจิตและตบะแก่กล้า มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือกันอย่างมาก
เมื่อสมภารปานมรณภาพแล้ว ชาวบ้านที่ศรัทธา ได้สร้างสถูปเพื่อบรรจุอัฐิไว้เป็นที่สักการะบูชา สำหรับสถูปที่บรรจุอัฐิพระสงฆ์แบบนี้ทางภาคใต้เรียกว่าบัวชาวบ้านต่อมาจึง เรียกสมภารปานว่า พ่อท่านในบัว และนับถือสถูปหรือบัวที่บรรจุอัฐิของท่าน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อท่านในบัวก็เคยแสดงอภินิหารให้ชาวบ้านได้พบเห็น กันบ่อยๆ ใครมีเรื่องเดือดร้อนหรือทุกข์ยากอะไร ก็จะพากันมากราบไหว้ขอความช่วยเหลือจากพ่อท่านในบัวอยู่เสมอ ๆ

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

รูปถ่ายท่านพระครูสุนทร วัดดินดอน
ท่านจึงได้รักษาการอยู่จนถึง พ.ศ. 2475 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดินดอน พอปีถัดมา พ.ศ. 2476 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะหมวด พ.ศ. 2479 ได้เป็นกรรมการศึกษาฝ่ายสงฆ์พอถึงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2480 ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสุนทรดิตถคณี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2481 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

รูปเหมือนพระครูสุนทร วัดดินดอน
พระครูสุนทร วัดดินดอน นอกจากจะมีความรู้ทางด้านพระปริยัติธรรมและการบริหารการปกครอง ท่านยังรอบรู้ในวิทยาคมและเชี่ยวชาญวิปัสสนากรรมฐานท่านหนึ่งของเมืองนครศรี ธรรมราชในยุคนั้น ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และก็สร้างมาเรื่อย ๆ ตามแต่จะมีโอกาสจนกระทั่งมรณภาพ วัตถุมงคลของท่านมีหลายชนิด เช่น รูปเหมือน พระเครื่องเนื้อดินเผา เครื่องรางของขลัง ตะกรุด ผ้ายันต์ และลูกอมเป็นต้น แต่ที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่านมากที่สุดก็คือ......เครื่องรางของขลังเชือกคาดเอวพระครูสุนทร วัดดินดอน
พระครูสุนทรเรียนวิชาสร้างเชือกคาดเอวมาจากพระครูกาแก้ว(ศรี) ผู้เป็นบิดา ส่วนพระครูกาแก้ว (ศรี) นั้นก็เรียนวิชาการสร้างเชือกคาดเอวมาจากเจ้าอาวาสวัดบางกล้วย จังหวัดสุราษฏร์ธานี เชือกคาดเอวของพระครูสุนทร ลักษณะจะไม่เหมือนเชือกคาดเอวของพระเกจิอาจารย์ ภาคใต้ยุคหลัง ๆ อย่างเชือกคาดเอวของพ่อท่านเขียว วัดหรงบนพ่อท่านแก่น วัดทุ่งหล่อ พ่อท่านสังข์ วัดดอนตรอและพระเกจิอาจารย์สายใต้ท่านอื่น ๆ ที่เอาผ้ามาลงอักขระแล้วถักหุ้มกับเชือกเป็นเส้นยาว

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เชือกคาดเอวพระครูสุนทร วัดดินดอน
แต่เชือกคาดเอวของพระครูสุนทรท่านจัดเอาผ้ามาฉีกเป็นริ้วยาวๆ หลายเส้น แล้วลงอักขระไปตามแนวยาวของริ้วผ้า เวลาถักก็จะขมวดส่วนหัวก่อน จากนั้นก็ถักเป็นเกลียวไปจนตลอดถึงส่วนหางก็ขมวดปมอีกปมหนึ่ง เวลาถักเชือกก็จะบริการรมคาถาไปพร้อม ๆ กันเมื่อขมวดส่นปมของหางเสร็จก็จะให้พร้อมกับภาวนาคาถาจบพอดี
เชือกคาดเอวพระครูสุนทรท่านทำแจกมาตั้งแต่ยังจำพรรษาที่วัดหน้าพระบรมธาตุ เมื่อท่านย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดดินดอนแล้วก็มีชาวบ้านมาขอเชือกคาดเอวกับ ท่านเรื่อย ๆ เมื่อปี พ.ศ. 2483 ครั้งที่เกิดสงครามอินโดจีน จอมพล ป. พิบูลสงครามนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ทำหนังสือขอพระเครื่องไปยังวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำมาแจกทหารที่ไปรบสงครามครั้งนั้นได้มีวัดต่างๆ นำพระเครื่องเก่าๆ ที่บรรจุกรุออกมามอบให้กับรัฐบาลกันหลายวัด ส่วนวัดที่ไม่มีพระเครื่องไทยเก่า ๆ เก็บเอาไว้ ก็จะทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องขึ้นมาเพื่อแจกทหารไปรบโดยเฉพาะ

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-2 22:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เหรียญพระครูสุนทร วัดดินดอน
ส่วนพระครูสุนทรท่านได้ทำเชือกคาดเองขึ้นมาจำนวนหลายเส้น แล้วก็มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำไปมอบให้กับรัฐบาลและส่งให้ทหารที่ไปรบในสงครามต่อไป ซึ่งเชือกคาดเอวของพระครูสุนทรก็มีประสปการณ์ในสงครามครั้งนั้นมาก ปากต่อปากก็เล่าต่อ ๆ กันไป จนทุกวันนี้เชือกคาดเอวของท่านก็ยังเป็นที่เสาะหาของคนเมืองนครกันอย่างยิ่ง และก็หาไม่ได้ง่าย ๆ เลย
ที่มา หนังสือเซียนพระ ฉบับที่ 465 เขียนโดย ทวีสิน ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลด้วยครับ เอื่อเฟื้อข้อมูลให้โดย คุณ(charl) ข้อมูลและรูปภาพจาก พี่หลวงชาเด็กป่ายอม

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้