บวชสามเณร สู่ร่มกาสาวพัสตร์
ในเวลาต่อมา ท่านได้เดินทางไปทำงานก่อสร้างถนนกับอาที่ตำบลบ้านสร้าง ซึ่งเป็นบ้านเกิดพ่อของท่าน อยู่ในเขตอำเภอบางปะอินติดต่อกับอำเภอวังน้อย อยุธยา ทำงานอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน ท่านก็เกิดความเบื่อหน่าย จึงได้บอกกับอาของท่านว่า “อยากบวชเณร” อาท่านถามว่า “อยากจะบวชจริงหรือ” ท่านตอบว่า “อยากบวชจริง” อาของท่านจึงพาไปบวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านสร้าง วัดบ้านสร้างในสมัยนั้น มีพระครูนิเทศธรรมกถา หรือ หลวงพ่อพัน เป็นเจ้าอาวาสปกครองอยู่ เมื่อวัยเยาว์บิดาของหลวงพ่อพันได้นำท่านไปฝากเรียนกับพระอธิการแจ้งเจ้าอาวาสวัดขนอนใต้(สมณศักดิ์ขณะนั้นต่อมาได้เลื่อนเป็นพระครูสังฆรักษ์และพระครูสุทธาจารวัตรตามลำดับ) เมื่ออายุครบบวช ท่านได้บวชที่วัดขนอนใต้ โดยมีเจ้าอธิการด้วงแห่งวัดขนอนเหนือเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแจ้งและพระอาจารย์ธูปแห่งวัดขนอนใต้เป็นพระคู่กรรมวาจาจารย์ ต่อมาในปี๒๔๔๙ท่านได้เลื่อนเป็นพระครูพันเจ้าคณะแขวงอุทัยน้อย (วังน้อย) และในปี ๒๔๕๑ได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น"พระครูนิเทศธรรมกถา" ถือได้ว่าหลวงพ่อพันท่านนี้ไม่ธรรมดา ซึ่งหลวงพ่อพันท่านนี้เป็นผู้บวชสามเณรให้แก่หลวงปู่แฉล้มในขณะนั้น ออกธุดงค์ ในขณะที่ท่านบวชเรียนอยู่กับหลวงพ่อพันที่วัดบ้านสร้าง ครั้งหนึ่งท่านเห็นพระสงฆ์ที่วัดบ้านสร้าง ๒ รูปจะออกธุดงค์ ท่านคิดที่จะออกธุดงค์ติดตามไปด้วย พระสงฆ์สองรูปไม่อนุญาติให้ท่านติดตามไปด้วย เพราะไม่มีกาน้ำ เกรงว่าท่านจะอดน้ำตาย ในวันนั้นท่านไม่ได้ออกธุดงค์ถึงแม้ท่านหากาน้ำได้ แต่ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นท่านจึงออกธุดงค์เพียงรูปเดียวโดยจะเดินทางไปจังหวัดสระบุรี ท่านเดินไปตามทางรถไฟซึ่งมีระยะทางค่อนข้างไกล จนเท้าของท่านเกิดอาการอักเสบ บวม พองเป็นน้ำ จนทำให้ท่านเดินไม่ไหว จึงได้โบกรถขอความช่วยเหลือจากผู้มีน้ำใจ ก็มีคนรับท่านขึ้นรถ ขับไปค่อนข้างไกลท่านได้มองเห็นพระธุดงค์ปักกลด อยู่ด้วยกัน ๓ รูป ซึ่งไม่รู้จักแต่ท่านขอลงตรงนั้น การออกธุดงค์ของท่าน ได้เคยพบเหตุการณ์ประหลาด ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังจะปฏิบัติกรรมฐาน ก็ได้มีหมาดำตัวใหญ่ลักษณะน่ากลัว ท่านเห็นว่ามันเดินผ่านไปมาที่ตรงบริเวณรอบๆท่าน แต่ท่านก็ใจเย็น ลุกขึ้นยืนรวบกลด แล้วลงนั่งเจริญกรรมฐานและแผ่เมตตา ปรากฎว่าหมาดำตัวนั้นไม่ทำอะไรท่าน มันทำได้เพียงแค่เดินไปมา ในค่ำคืนนั้นไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับท่านแม้แต่นิดเดียว
หลวงปู่แฉล้ม ท่านบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบ้านสร้างได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อพันประมาณ ๓ พรรษา ก็ลาสิกขากราบลาหลวงพ่อพัน กลับมาอยู่ที่บ้านโพธิ์ ที่อำเภอเสนา บรรพชาครั้งแรก
เมื่ออายุครบท่านได้ อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดกระโดงทอง โดยมีพระพรหมวิหารคุณ (หลวงพ่อยิ้ม) วัดเจ้าเจ็ดใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สังวาลย์ วัดกระโดงทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โล่ วัดกระโดงทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในขณะที่อุปสมบทอยู่ก็ได้ศึกษาพระธรรมของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เพียง ๓ พรรษา ท่านก็จำเป็นต้องลาสิกขา เพื่อไปรับใช้ชาติ เป็นทหารและมีครอบครัว ท่านได้เข้ารับสมัครเป็นทหาร เพื่อไปรับใช้ชาติ ได้เพียงหนึ่งปีเศษ ก็ต้องปลดประจำการ เนื่องจากช่วงนั้นมีเหตุการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ถูกรอบปลงพระชนม์ จึงทำให้บ้านเมืองระส่ำระส่าย หทารจำนวนมากถูกปลดออกรวมถึงตัวท่าน หลังจากการปลดประจำการท่านมีครอบครัวและมีบุตร ๓ คน ท่านทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดี จนครอบครัวของท่านมีความสุขสบายแล้ว ดั่งที่ท่านได้ปรารถนาไว้ สิ่งที่ท่านปรารถนาได้เกิดขึ้น คือ เมื่อใดที่ครอบครัวท่านสบายแล้ว ท่านจะขอกลับมารับใช้ พระศาสนา จนกว่าชีวิตจะหาไม่
|