ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1905
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อุบายวิธีถอดถอนอุปาทานขันธ์ : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

[คัดลอกลิงก์]


อุบายวิธีถอดถอนอุปาทานขันธ์
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

“วิญญาณ ก็ปรากฏขึ้นในขณะที่มีสิ่งมาสัมผัส
เป็นความกระเพื่อมแห่งความรู้รับกันกับสิ่งที่มาสัมผัส
ทาง ตา หู จมูก ลิ้นกาย ซึ่งกระทบกับรูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส
ก็เกิดความรับรู้ขึ้นเป็นขณะ ๆ ที่สิ่งนั้นสัมผัส
แล้วก็ดับพร้อมกับสิ่งสัมผัสนั้นดับไป นี่ท่านเรียกว่า “วิญญาณ”
ความกระเพื่อมแห่งความรู้เท่านั้นเอง ความรู้จริง ๆ ไม่เป็นเช่นนั้น
ถึงสิ่งเหล่านั้นจะมาสัมผัสหรือไม่สัมผัสก็ตาม
ความรู้ก็รู้อยู่โดยสม่ำเสมอ นี่ท่านเรียกว่า “ใจ”
หรือเรียกว่า “จิต” แต่ความกระเพื่อมของจิตที่แสดงออกรับ
กับสิ่งที่มาสัมผัสชั่วขณะ ๆ ที่สิ่งนั้นมาสัมผัส ท่านเรียกว่าวิญญาณ

“วิญญาณในขันธ์ห้า” กับ “ปฏิสนธิวิญญาณ” จึงผิดกัน
วิญญาณในขันธ์ห้า ปรากฏขึ้นในขณะที่มีสิ่งมาสัมผัส
“ปฏิสนธิวิญญาณ” นี้หมายถึง “ตัวจิตล้วน ๆ”
ที่เข้ามาปฏิสนธิก่อกำเนิดเกิดขึ้นที่นั่นที่นี่ หมายถึงจิตที่กล่าวถึง
“ในสถานที่นี้” ในขณะนี้ “วิญญาณ” หมายถึงวิญญาณในขันธ์ห้า
ซึ่งมีสภาพเหมือนกับรูป เวทนา สัญญา สังขาร มันเสมอกันด้วย
“ไตรลักษณ์” เหมือนกันด้วย “ไตรลักษณ์” เหมือนกันด้วย
ความเป็น “อนตฺตา” มันไม่เหมือนกับเรา เราไม่เหมือนกับสิ่งนั้น
เหตุนั้นสิ่งนั้นจึงไม่ใช่เรา เราจึงไม่ใช่สิ่งนั้น
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-31 00:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แยกด้วยปัญญาให้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้
แล้วจิตจะปล่อยความกังวล ปล่อยคำว่า “รูปเป็นเรา เวทนาเป็นเรา
สัญญาเป็นเรา สังขารเป็นเรา วิญญาณเป็นเรา” ปล่อยออกไป
เราไม่ใช่อาการห้านี้ อาการห้านี้ไม่ใช่เราเห็นประจักษ์
ตัดตอนมันออกไปโดยลำดับ ๆ จนกระทั่งขาดไปจริง ๆ
จากอาการ แม้จะแสดงขึ้นมาก็ทราบว่า “อาการนี้แสดง”
แสดงขึ้นเพียงไรก็ทราบว่ามันแสดง ด้วยความรู้ของเรา
ด้วยปัญญาของเรา ที่ท่านเรียกว่า “คลี่คลายด้วยปัญญา”

ในบรรดาขันธ์ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเครื่องปกปิดกำบัง หรือรวม
เข้ามาว่า “เป็นตน”โดย ความสำคัญของจิต แยกออกด้วยปัญญา
ให้เห็นชัดเจน นี่แหละตัดกิ่งก้านสาขา ตัดรากใหญ่ ๆ
รากฝอยของกิเลสเข้ามา เหลือแต่ “รากแก้ว” พอถึง “รากแก้ว” แล้วก็ถอนขึ้น

รากแก้วคืออะไร?คือ ตัวจิต มีกิเลสตัวสำคัญอยู่ในนั้นหมด
ผู้ปฏิบัติจึงมักจะหลงที่ตรงนี้ ถ้าหากไม่มีผู้แนะเลย
จะต้องมาติดที่ตรงนี้แน่นอน ถือสิ่งนี้เป็นตน คิดว่า
“อะไร ๆ ก็หมดแล้ว รู้หมดแล้ว รู้แล้ว” ยกเราว่ารู้หมด!
แต่เราหาได้รู้ “เรา” ไม่ นั้นคือ เราหลงเรา รู้สิ่งภายนอกแต่มาหลงตัวเอง

สิ่งภายนอกในสถานที่นี้ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งภายนอกที่นอก
จากตัวเรา หมายถึง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
นี้นี่แหละ รู้สิ่งเหล่านี้แล้วยัง ไม่รู้ตัวจริงคือจิต
จิตเลยยกตัวขึ้นว่ารู้สิ่งทั้งหลายเสีย ทั้ง ๆ ที่ตัวกำลังหลงอยู่
ในตัวเอง จึงต้องใช้ปัญญาคลี่คลาย หรือขยี้ขยำ
เข้าไปที่ตรงนี้ เพื่อความรู้รอบตัว ไม่ให้มีอะไรซุ่มซ่อน
อยู่เลยขึ้นชื่อว่า “ยาพิษ” คือกิเลสประเภทต่าง ๆ แม้
จะละเอียดเพียงไร มี “อวิชชา” เป็นต้นก็ให้กระจายไป
ด้วยอำนาจแห่งปัญญาคลี่คลาย จนกระทั่งกระจายไปจริง ๆ
หรือสลายไปจริง ๆ ด้วยอำนาจของปัญญาอันแหลมคม
แล้วคำว่า “เรา” คำว่า “ของเรา” ก็หมดปัญหา

คำว่า “รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือว่าขันธ์ห้า
อาการทั้งห้า นี้เป็นเราเป็นของเรา” ก็หมดปัญหาไปตาม ๆ กัน
ว่าเป็น “อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา” ก็หมดปัญหาไปตามกัน
เพราะสิ้นปัญหาภายในใจ คือ “อวิชชา” ซึ่งเป็นตัวปัญหา
ได้สิ้นไปแล้ว ปัญหาทั้งหลายจึงไม่มีภายในใจ
ใจจึงเป็นใจที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ !”

-- หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน --

..................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=45522

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้