ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ความหมายและการสวดพระปริตร

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๗. บทรัตนะปริตร

ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิฯลฯ ยัง กิญจิ วิตตัง อิธะ วา หุรัง วา  ฯลฯ     
ยานีธะ  ภูตานิ  สะมาคะตานิ  ภุมมานิ  วา  ยานิ  วะ  
อันตะลิกเข  ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ.”


เป็นบทที่ว่าด้วยคุณค่าและอานุภาพแห่งรัตนตรัย
คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
กล่าวถึงพระสูตรที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเรียกหาพระอานนท์แล้วตรัสว่า
อานนท์ เธอจงเรียนเอารตนสูตรนี้แล้วไปสวดในกำแพงเมือง

ฝ่ายพระอานนท์เถระ เมื่อได้เรียนรตนสูตรจากสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วถือเอาบาตรน้ำมนต์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าไปยืนอยู่ที่ประตูพระนครเมืองไพสาลี
แล้วรำลึกถึงพระพุทธคุณ ต่อจากนั้นก็เที่ยวประพรมน้ำมนต์ไปทั่วพระนคร
เมื่อคราวประสบวิกฤตการณ์ภัยพิบัติ ๓ ประการ คือ
ภัยเกิดจากโรคระบาด ๑
ภัยเกิดจากอมนุษย์ ๑
ภัยเกิดจากความฝืดเคืองเรื่องอาหาร ๑

พระอานนท์เถรเจ้าที่ได้เรียนรตนสูตรจากสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตั้งใจสวดเมื่อสวดจบ และประพรมน้ำมนต์ไปทั่วพระนคร
น้ำมนต์ที่พระอานนท์สาดไปนั้น
ทำให้ภัยทั้ง ๓ ประการในเมืองไพสาลีอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว
พวกมนุษย์ที่กำลังเจ็บไข้ ในทันใดนั้นโรคก็หายไปสิ้น

รตนสูตรนี้มีเนื้อหาที่พรรณนาถึงคุณของพระรัตนตรัยทั้งหมด ได้แก่

พุทธรัตนะ อันเป็นรัตนะประเสริฐที่สุด
เพราะไม่มีผู้เปรียบเทียบพระองค์ได้ในเรื่องคุณธรรม คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
เพราะยากยิ่งนักที่จะบังเกิดในโลก
ความเป็นพุทธะนั้นต้องต้องใช้เวลาบำเพ็ญบารมีตลอดอสงไขยกัป

ธรรมรัตนะ เป็นรัตนะประเสริฐสุด เพราะพระธรรมเป็นที่สิ้นกิเลสปราศจากราคะ

สังฆรัตนะ เป็นรัตนะประเสริฐสุด เพราะพระสงฆ์เป็นผู้รู้แจ้งธรรมตามพระพุทธเจ้า
และเป็นบุญเขตที่ให้ทักษิณาทานมีผลมากแก่บุคคลผู้ถวาย
พระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งทางใจอันเกษม และเน้นคุณธรรม
ที่สามารถน้อมมารำลึกถึงและปฏิบัติตามได้ คือลดละกิเลสตัญหาให้จงคลายหายไปโดยลำดับ
โดยนำเอาพระคุณที่อยู่ในพระรัตนตรัยมาเป็นแนวทาง และเป้าหมายในการปฏิบัติ

12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เช่น สมาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าและการดำเนินชีวิตของพระสงฆ์ที่สงบเรียบง่าย
ไม่มีบาปให้ปกปิด บทรตนสูตรนี้แสดงให้เห็นว่า
ชีวิตที่มีคุณค่าตามหลักพระพุทธศาสนานั้นต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
โดยมีสาระอยู่ที่ดับความเห็นแก่ตัวลงโดยลำดับจนหมดสิ้น
ได้มาเปล่าโดยไม่ต้องซื้อหา ดังข้อความในรตนสูตรว่า
“ลัทธา มุธา นิพพุติง ภุญชะมานา นิพพานได้มาเปล่าไม่ต้องซื้อ”

บทรตนสูตรนี้ มีคำสวดขึ้นต้นว่า “ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตา...” เป็นต้น
พระสูตรนี้เป็นสูตรที่แสดงอานุภาพของพระรัตนตรัยโดยตรง
เมื่อเทวดาและมนุษย์รู้คุณค่าของพระรัตนตรัย
ยอมรับนับถือบูชาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกแล้ว
ย่อมก่อให้เกิดพลังใจในการต่อสู้ฟันฝ่า
เพื่อชัยชนะต่ออุปสรรค ปัญหา ตลอดภัยทั้งปวงได้

รตนสูตรนี้ ในส่วนของคำสอน เมื่อพระพุทธองค์รับคำทูลเชิญและเสด็จไปเมืองไพสาลี
ถือว่าเป็นการให้กำลังใจประชาชนต่อสู่กับวิกฤตการณ์เลวร้าย
นับเป็นการสอนให้ประชาชนปลูกศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งดีงามและมีศรัทธาในการปฏิบัติธรรม
มุ่งมั่นนำเอาวิริยะอุตสาหะมาใช้ต่อสู่กับสถานการณ์ที่เลวร้าย
และสอนให้ชาวเมืองได้เสียสละความสุขเล็กน้อยของตน เพื่อความสุขอันไพบูลย์
หรือสละความสุขเล็กน้อยของตน เพื่อความสุขของส่วนรวม
จนทำให้เมืองไพสาลีฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิม         

รตนสูตรนี้ ปัจจุบันเรียกกันว่า “สูตรน้ำมนต์” เพราะถ้าจะทำน้ำพุทธมนต์จะขาดบทนี้ไม่ได้
บางตำรากล่าวว่านิยมให้พระเถระหยอดหยดเทียนน้ำมนต์ในพระสูตรนี้
และเมื่อจะดับเทียนน้ำพุทธมนต์ก็ให้ดับในท้ายสูตรนี้
ดังนั้นในการเจริญพระพุทธมนต์ทุกครั้งจึงขาดบทนี้ไม่ได้ เ
พราะเป็นบทกล่าวถึงคุณพระรัตนตรัย และมีประวัติความเป็นมาที่แสดงให้เห็นว่า
รตนสูตรนี้เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนยามเมื่อมีสถานการณ์ที่เลวร้าย
ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม
จึงมีอานิสงส์ให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

อนึ่ง พระรตนสูตร นี้ถือว่าเป็นเครื่องปัดเป่าอุปัทวันตรายให้หมดสิ้นไป.

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๘. บทวัฏฏะกะปริตร

“อัตถิ โลเก สีละ คุโณ สัจจัง โสเจยยนุททะยา ฯลฯ
สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมี.”


เป็นบทที่ว่าด้วยมนต์สำหรับป้องกันไฟของพญานกคุ้ม
คือ เมื่อพระมหาสัตว์ผู้บำเพ็ญโพธสมภาร ครั้งที่เสวยพระชาติเป็นพญานกคุ้ม  
พญานกคุ้มได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าในอดีต ระลึกถึงพระธรรมคุณ
ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ไฟป่ามอดดับ
ซึ่งพระปริตรบทนี้พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสแสดงแก่พระสารีบุตรเถระ
ว่า “มีเดชามาก ตั้งอยู่ชั่วกัป”  
วัฏฏกปริตรนี้ นิยมให้สวดในงานขึ้นบ้านใหม่ เปิดสถานที่ทำงานใหม่
เปิดโรงงาน เปิดฟาร์มใหม่ เปิดร้านใหม่ ถือว่ามีอานิสงส์ทำให้พ้นจากอัคคีภัย

               
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๙. บทมังคะละสุตตัง

“เอวัม เม สุตัง  ฯลฯ  อะเสวะนา จะ พาลานัง ฯลฯ
สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตัง เตสัง มังคะละมุตตะมัง.”


เป็นบทที่ว่าด้วย เหตุที่ให้เกิดสิริมงคล กล่าวถึงมงคลชีวิต ๓๘ ประการ
ซึ่งทุกข้อถือว่าเป็นมงคลสูงสุดในชีวิต
ทั้งนี้เพราะชีวิตมีหลายช่วงหลายจังหวะแตกต่างกันไป
ทำให้ทราบแนวทางดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา
และทำให้ทุกก้าวย่างของชีวิตมั่นคง

วิถีชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา เมื่อแยกโดยเป้าหมายแล้วมีสองระดับ
คือระดับโลกิยะ และระดับโลกุตตระ
มงคลชีวิต ๓๘ ประการ เป็นเหมือนแผนที่ชี้ทางไปสู่เป้าหมายของชีวิตทั้งสองระดับ
โดยมีข้อปฏิบัติอย่างกลมกลื่น สอดคล้องและเกื้อกูลกันโดยลำดับ

มังคะละสูตรบทนี้ มหาชนในชมพูทวีปทั้งชายหญิง
ครั้งหนึ่งคุยกันถึงเรื่องมงคลก็เกิดปัญหาขึ้นในที่ประชุมว่า อะไรเป็นมงคล? ใครรู้จักมงคล?
ถกเถียงกันจนไม่สามารถตกลงกันได้ว่าแน่ว่า อะไรเป็นมงคล? เถียงกันไปเถียงกันมาไม่สิ้นสุด
จนทำให้การคิดมงคลกระจายไปจนถึงชั้นพรหมอกนิฏฐภพ
กระทั้งในหมื่นจักรวาลแต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินเด็ดขาดว่า “นี้เท่านั้นนะ เป็นมงคล”
จนเวลาล่วงเลยมาถึง ๑๒ ปี พวกเทวดาจึงพากันเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ณ เชตวันมหาวิหาร กราบทูลถามถึงเรื่องมงคล

พระองค์จึงตรัสมงคลสูตรนี้ว่าด้วยสิ่งที่เป็นมงคล ๓๘ ประการ
มงคล ๓๘ ประการนี้เป็นมงคลสูงสุดที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในมงคลสูตร
ทั้งเทวดาและมหาชนเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หายสงสัย

ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกครั้งจำเป็นต้องสวดบทมงคลสูตรนี้
เพื่อให้ประชาชนทราบแนวทางการดำเนินชีวิต ตามคำสอนของพระพุทธศาสนา
เป็นการย้ำเตือนให้ระลึกถึงการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องแก่ประชาชน
กล่าวได้ว่า มงคลสูตรนอกจากจะให้ผลในแง่ของกำลังใจแล้ว
ยังให้ผลที่เป็นมงคลยิ่งขึ้น
หากนำหลักที่แปลไว้ในมงคลสูตรไปปฏิบัติในชีวิตจริงอย่างสม่ำเสมอ

ดังนั้น มงคลสูตรจึงถือว่าเป็นสูตรหนึ่งที่ทำให้การเจริญพระพุทธมนต์มีคุณค่ามากขึ้น
มีอานิสงส์ทำให้เกิดสิริมงคลกับชีวิต และปราศจากอันตราย.

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๑๐. บทธะชัคคะปริตร

“เอวัม เม สุตังฯลฯ เอวัง พุทธัง สะรันตานัง ธัมมัง สังฆัญจะ
ภิกขะโว ภะยัง วา ฉัมภิตัตตัง วา โลมะหัง นะ เหสสะติ.”


เป็นบทที่ว่าด้วย ยอดธง คืออานุภาพของพระรัตนตรัย
ที่สามารถระงับความสะดุ้งหวาดกลัวลงได้ และมีอานุภาพยิ่งกว่าที่พึ่งอื่นใดในโลก
ผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจะสามารถปฏิบัติกิจต่างๆ ของตนให้สำเร็จลุล่วงได้โดยสวัสดี
มีอานิสงส์ทำให้ผู้สวดระลึกถึงพระปริตร ทำให้สัพพะสัตว์รอดพ้นจากข่าย
คือ  อันตรายทั้งปวง ที่เกิดจากพวกอมนุษย์ ยักษ์ โจร และสัพพะศัตรู
พ้นจากอุปสรรคอันตราย และการตกจากที่สูง               

พระสูตรนี้มีเนื้อหามาก ปัจจุบันเวลาเจริญพระพุทธมนต์ทำบุญบ้าน เป็นต้น
ไม่นิยมสวดเต็มสูตร ตัดสวดเฉพาะบทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
ส่วนการสวดเต็มสูตร นิยมสวดเฉพาะในวัด ในเวลาเข้าพรรษา
ซึ่งนิยมเวียนสวดพระสูตรที่มีเนื้อหามากสลับกันไปหลังทำวัตรเช้าเย็น ทั้งเพราะมีเวลามาก

อนึ่ง พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถระ) กล่าวไว้ว่า
ตามประเพณีไทยที่มีการแสดงพระสวดเคยสวด ธชัคคปริตร
ธชัคคสูตร ซึ่งแปลว่า สูตรยอดธงหรือชายธง
ในสมัยเมื่อมีการสาบานธงหรือฉลองธงประจำกอง ที่ได้รับพระราชทานใหม่
มนต์บทนี้เมื่อสวดแล้วถือกันว่ากำจัดความกลัว
ความหวาดสะดุ้งขนพองสยองเกล้าให้หายไปได้อย่างดีนักแล.

16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-24 00:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๑๑. บทอังคุลิมาละปริตร

“ยะโตหัง  ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต,
นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา.
เตนะ สัจเจน โสตถิ เต โหตุ, โสตถิ คัพภัสสะ.”


เป็นบทที่ว่าด้วยมนต์ของพระองคุลิมาลเถระ กล่าวถึงอานุภาพของพระปริตร
ที่พระองคุลิมาลเถระตั้งสัจจาธิษฐานกล่าวแก่หญิงมีครรภ์คนหนึ่ง
ทำให้เธอคลอดบุตรได้โดยง่ายและปลอดภัย มีอานิสงส์ทำให้คลอดบุตรง่าย
และป้องกันอุปสรรคอันตราย บันดาลให้อันตรายทั้งปวงหายไปได้
นิยมสวดพร้อมกับบทโพชฌังคปริตร.


   

ที่มา
(๑) http://www.oknation.net/blog/print.php?id=292588
(๒) http://dhammaonline.wordpress.com/2009/09/22/

...........................................................................................

ที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=44181

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้