ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
ข้าวสารดำ มรดกขลัง ของพระนางสิงขรเทวี
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 18531
ตอบกลับ: 14
ข้าวสารดำ มรดกขลัง ของพระนางสิงขรเทวี
[คัดลอกลิงก์]
Ninprakarn
Ninprakarn
ออฟไลน์
เครดิต
294
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2013-4-25 18:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
ข้าวสารดำ
เป็นวัตถุโบราณของ เมืองราด ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมีชื่อในประวัติศาสตร์ของชาติไทยสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ประวัติศาสตร์กล่าวถึง พ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด และ พ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง ร่วมพลังกันขับไล่ขอม ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในดินแดนแถบเหนือของสยามประเทศออกจากดินแดนสุโขทัย และสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นเป็นราชธานี
เมืองราด ของพ่อขุนผาเมือง ปัจจุบันคือ ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
(หรือเดิมคือบ้านห้วยโป่ง ตำบลบ้านโสก) ส่วนเมืองบางยางของพ่อขุนบางกลางท่าวนั้น นักประวัติศาสตร์กล่าวว่า ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่เป็นอำเภอนครไทยในปัจจุบัน พ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางท่าว เป็นทั้งญาติและสหายกัน ทั้งสองพระองค์มีความเก่งกล้าสามารถ มีไพร่พลจำนวนมากเป็นกองทัพที่เข้มแข็ง และต่างทรงมุ่งมั่นที่จะต่อต้านอำนาจปกครองของขอมเช่นเดียวกัน เมื่อทั้งสองพระองค์ทำสงครามรบพุ่งขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพงออกจากดินแดนสุโขทัยได้แล้ว ได้ร่วมกันสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชอาณาจักร และพ่อขุนผาเมืองทรงสนับสนุนให้พ่อขุนบางกลางท่าว ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย ทรงพระนาม พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และทรงยกพระขนิษฐาคือนางเสืองให้เป็นมเหสีของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ส่วนพ่อขุนผาเมืองเสด็จกลับไปครองเมืองราดตามเดิม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกล่าวว่า เหตุที่พ่อขุนผาเมืองไม่สถาปนาพระองค์เองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ของสุโขทัย เนื่องจากพระองค์มีพระมเหสีเป็นธิดาของกษัตริย์ขอม คือ พระนางสิงขรมหาเทวี พระธิดาของพระเจ้า ชัยวรมันที่ ๗ พระองค์ประสงค์จะให้ราชอาณาจักรสุโขทัยสืบเชื้อสายเลือดไทยแท้จริง
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่คนทั่วไปสนใจอีกอย่าง ก็คือ ข้าวสารดำ ถือกันว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ถูกพบที่พื้นดินใกล้เจดีย์พระนางสิงขรมหาเทวี บริเวณวัดโพนชัยหมู่ที่ ๑ บ้านห้วยโป่ง ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ข้าวสารดำนี้กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ในพื้นดิน เมื่อฝนตกหนักชะล้างผิวหน้าดินออก ข้าวสารดำก็จะโผล่ขึ้นมา ลักษณะคล
้ายเมล็ดข้าวสารแต่มีสีดำ ถ้าใช้มือบีบแรงๆก็จะแตกออกเป็นผงสีดำคล้ายผงถ่าน
ตามหลักวิชาทางธรณีวิทยากล่าวว่า ข้าวสารดำเป็นฟอสซิลชนิดหนึ่ง มีอายุราวสองร้อยล้านปีขึ้นไป มักจะอยู่ในหินปูน เป็นของหายาก ซึ่งโดยทั่วไปฟอสซิลจะต้องมีลักษณะแข็ง ส่วนข้าวสารดำนี้ใช้มือบีบก็จะแหลกเป็นผง
ความสำคัญของข้าวสารดำนี้ มีตำนานเล่าต่อๆกันมาเป็น ๒ นัย
นัยแรก กล่าวว่า ข้าวสารดำนี้เป็นข้าวสารในท้องพระคลังของเมืองราดเก็บไว้บริโภค เมื่อพระนางสิงขรมหาเทวี ซึ่งเป็นธิดากษัตริย์ขอม และเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เผาเมืองราดไฟได้ไหม้คลังเก็บข้าวสารจนไหม้ดำเกรียม หล่นกระจัดกระจาย (เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อขุนผาเมืองยกทัพไปขับไล่พวกขอม) ต่อมาจึงถูกดินถมจมอยู่ จึงมีข้าวสารดำกระจายอยู่ทั่วไป หาได้ไม่ยาก
นับที่สองกล่าวว่า ข้าวสารดำนี้มีมาอยู่แต่เดิมแล้ว ในสมัยสุโขทัยพ่อขุนผาเมืองกษัตริย์นักรบเจ้าเมืองราดทรงนับถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจะออกศึกสงครามครั้งใด ก็จะทรงนำข้าวสารดำมาปลุกเสก โปรยหว่านเป็นสิริมงคลแก่กองทัพ และใช้เป็นวัตถุของขลังในการรบ
ประวัติศาสตร์หล่มสักมีหนังสือหรือบทความน้อยมาก จนแทบไม่มี เรื่องบางเรื่องจึงเป็นข้อสันนิษฐาน การบอกต่อกันมาบนพื้นฐานความเชื่อของคนส่วนใหญ่ ถ้าสกัดข้อมูลและเลือกใช้ก็คงจะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังๆ ได้ เรื่องของเราก็จะไม่จางหายไปจากความทรงจำ
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Ninprakarn
Ninprakarn
ออฟไลน์
เครดิต
294
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-4-25 18:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นัยแรก กล่าวว่า ข้าวสารดำนี้เป็นข้าวสารในท้องพระคลังของเมืองราดเก็บไว้บริโภค เมื่อพระนางสิงขรมหาเทวี ซึ่งเป็นธิดากษัตริย์ขอม และเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เผาเมืองราดไฟได้ไหม้คลังเก็บข้าวสารจนไหม้ดำเกรียม หล่นกระจัดกระจาย (เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อขุนผาเมืองยกทัพไปขับไล่พวกขอม) ต่อมาจึงถูกดินถมจมอยู่ จึงมีข้าวสารดำกระจายอยู่ทั่วไป หาได้ไม่ยาก
ประเด็นนี้ ตรงกับที่หลวงปู่ลมัย เคยเล่าให้ฟัง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Ninprakarn
Ninprakarn
ออฟไลน์
เครดิต
294
3
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-4-25 18:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่ลมัยบอกว่า.. เป็นของดีทีผ่านการเผา
ด้วย กสินไฟ ที่พวยพุ่งผ่าน ตรีศูลธาตุเหล็กไหล
อาวุธคู่กายของพระนางสิงขรเทวี
ที่พระเจ้าศรีชัยวรมันทรงสร้างให้พระนาง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Ninprakarn
Ninprakarn
ออฟไลน์
เครดิต
294
4
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-4-25 18:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้าวสารหิน
เป็นของวิเศษ กายสิทธิ์ มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เสน่ห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยนานาประการ ไม่มีสิ่งใดๆมาทำร้ายคุณวิเศษต่างๆได้
เรียกได้ว่าของ ทนศักดิ์ มีเทพารักษ์คอยรักษาอยู่ บางคนมีความเชื่อและนับถือด้วยว่าเป็นพระธาตุ เรียกว่า พระธาตุข้าวสารหิน
ตามตำนานเชื่อกันว่า เป็นข้าวสารที่พระพุทธองค์ฉันเสร็จแล้วทำการอธิษฐานเพื่อให้เป็นของมงคลในแผ่นดิน คณาจารย์ในสมัยโบราณกล่าวไว้ว่า เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระแม่ธรณี
บางเกจิอาจารย์กล่าวไว้ในคัมภีร์ต่างๆ ว่า เป็นข้าวอธิษฐานของฤาษี สามารถนำมาอาราธำน้ำพุทธมนต์ได้ อธิษฐานสิ่งใดก็สมปรารถนา
บางตำนานเก่าและใหม่ยังกล่าวไว้อีกว่า ข้าวสารหินเป็นของวิเศษสุด มีฤทธิ์ตามธรรมชาติ ผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์กำหนดขึ้นมาทั้งสิ้น และยังมีความเชื่อกันอีกว่า พระแม่ธรณีท่านอธิษฐานไว้ให้ข้าวสารหินเป็นของดี ไม่เน่าเปื่อย คงทนถาวร
เป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจจากจักรวาลซึมแทรกอยู่ เป็นที่รวมพลังของ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงเกิดเป็นพลังเร้นลับ มีอำนาจบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองจะอยู่ดีกินดี รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ
ที่มา
http://akefuture.com
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
55089
5
#
โพสต์ 2013-4-26 08:12
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
AUD
AUD
ออฟไลน์
เครดิต
4386
6
#
โพสต์ 2013-4-26 18:55
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
sriyan3
sriyan3
ออฟไลน์
เครดิต
2969
7
#
โพสต์ 2013-5-2 17:01
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36144
8
#
โพสต์ 2013-9-2 21:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-9-2 21:31
“ข้าวสารดำ”
ปริศนาที่รอวันพิสูจน์ หากพูดถึงข้าวกับคนไทยแล้ว ก็ต้องยอมรับเป็นอาหารหลักที่อยู่เคียงคู่คนไทยมาตั้งแต่บรรพกาล ข้าว ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ล้วนนำมาทำเป็นอาหารได้สารพัดชนิด ทำเป็นขนมได้อีกสารพัดอย่าง นอกจากนี้ข้าวยังสามารถที่จะนำไปทำเป็นเครื่องดื่มมึนเมา เอาไว้ดื่มด่ำตามสไตล์พี่ไทยไม่ว่าวันไหนๆ พี่ไทยก็เมาได้อีกด้วย ข้าว นอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ข้าวยังก่อให้เปิดวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวกับข้าวในเมืองไทยอีกหลายอย่าง อาทิ ประเพณีทำขวัญข้าว การลงแขกเกี่ยวข้าว เพลงเกี่ยวข้าว ซึ่งถ้าพูดถึงข้าวกับวิถีแห่งอาหารในเมืองไทย ยังไงๆก็ถือเป็นของคู่กัน ที่เรียกได้ว่าเมื่อเกิดมาในแผ่นดินไทยแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักข้าว และไม่เคยกินอาหารที่ทำจากข้าว และด้วยความที่เมืองไทยมีการสั่งสมภูมิปัญญาเกี่ยวกับข้าวมาช้านาน ทำให้เมืองไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความชำนาญในเรื่องข้าว โดยเมืองไทยมีข้าวพันธุ์ ดีๆ ที่ถือว่าเป็นระดับต้นๆของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ ปทุมธานี 1 สุพรรณบุรี 1 กข.15 ขาวดอกมะลิ และอีกมากมายแต่ถ้าหากพูด
ถึง “ข้าวสารดำ” หลายคนอาจจะมึนงงในหัวสมองว่า ข้าวสารดำ นี่มันเป็นข้าวพันธุ์ไหน คล้ายข้าวเหนียวดำหรือเปล่า และเมื่อรับประทานจะมีรสชาติเป็นอย่างไร ใครที่คิดเช่นนั้น คำตอบสุดท้ายที่ได้ก็คือ ผิดถนัด!!! เพราะข้าวสารดำนั้น เป็นวัตถุประหลาดชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตา ขนาด เหมือนข้าวสารทั่วไปไม่มีผิด เพียงแต่ว่าสีของข้าวสารดำนั้น“ดำสนิททั่วทั้งเม็ด”และเมื่อทำการบี้เม็ดข้าวสารดำด้วยมือเบาๆ ข้าวสารดำก็จะแตกละเอียดเป็นผงคล้ายถ่าน ซึ่งนอกจากจะรับประทานไม่ได้แล้วที่มาที่ไปของข้าวสารดำก็ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ ???ข้าวสารดำกับตำนานเมืองราดปัจจุบันในเมืองไทยมีการพบข้าวสารดำเพียงที่เดียว คือที่ ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยข้าวสารดำจะอยู่กระจัดกระจายกันไป แต่จะพบมากเป็นพิเศษบริเวณ ใกล้ๆกับเจดีย์พระนางสิงขร ที่อยู่ในบริเวณวัดโพนชัย และในทุกๆฤดูฝนของทุกปี ที่พอฝนตกลงมาชะล้างหน้าดิน ข้าวสารดำก็จะลอยขึ้นมาบนพื้นดิน ให้ชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธามาเก็บเอาไว้บูชา โดยชาวบ้านแถวบริเวณที่พบข้าวสารดำและชาวเพชรบูรณ์ส่วนหนึ่ง ต่างก็มีความเชื่อกันว่าข้าวสารดำมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพ่อขุนผาเมือง พระนางสิงขร และตำนานของเมืองราดที่เคยรุ่งเรืองในอดีต สำหรับเรื่องนี้ตามตำนานจากหนังสือ “พ่อขุนผาเมือง”
ที่เขียนโดย “ดิเรก ถึงฝั่ง” ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กล่าวไว้พอสรุปได้ว่า ...หากจะพูดถึงเรื่องตำนานความเชื่อเกี่ยวกับข้าวสารดำในจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็คงจะต้องเท้าความไปถึงในสมัยสร้างเมืองสุโขทัย โดย“พ่อขุนผาเมือง”ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมรบเพื่อสถาปนากรุงสุโขทัย นับเป็นนักรบที่เข้มแข็ง มีความสามารถมาก พระองค์นั้นมีปณิธานว่าจะต้องขับไล่ขอมที่ปกครองคนไทยอยู่ที่กรุงสุโขทัยให้ได้เมื่อพ่อขุนผาเมืองสร้างกองทัพเข้มแข็ง ก็ได้ยกทัพไปตีนครเดิดซึ่งเป็นเมืองสำคัญของขอม(ปัจจุบันคือ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์) จนแตกพ่าย จากนั้นพระองค์ก็ได้ไปตั้งเมือง “ลาด” ขึ้นในบริเวณไม่ไกลกัน (ปัจจุบันสันนิษฐานว่าอยู่ในพื้นที่ของ ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก ส่วนเหตุผลที่ตั้งเมืองลาดก็มาจากบริเวณนั้นเป็นที่ลาดน้ำไม่ท่วมถึง ต่อมาชื่อเมืองลาด ได้เพี้ยนไปกลายเป็นเมือง “ราด”)การตีนครเดิดและสถาปนาเมืองราด ความได้ทราบถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งในยุคนั้นเป็นกษัตริย์ขอมที่เรืองอำนาจ พระเจ้าชัยวรมันฯ นั้นเกรงว่าในอนาคตพ่อขุนผาเมืองจะเป็นศัตรูคนสำคัญ จึงได้ยกพระธิดาคือ “พระนางสิงขรมหาเทวี” ให้เป็นพระชายาของพ่อขุนผาเมือง เพื่อหวังจะผูกสัมพันธไมตรี แต่กระนั้น
*
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36144
9
#
โพสต์ 2013-9-2 21:27
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-9-3 08:20
พ่อขุนผาเมืองก็ไม่ได้หลงไปกับลาภยศ สรรเสริญ ที่ขอมมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อได้จังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็จะตีกรุงสุโขทัยคืน แล้วเมื่อจังหวะเวลามาถึง พ่อขุนผาเมืองกับพระสหายคือ “พ่อขุนบางกลางท่าว” ซึ่งเป็นเจ้าเมืองบางยางในขณะนั้น (ปัจจุบัน คือ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) ก็ได้ร่วมมือกันเข้าตีกรุงสุโขทัยที่มี “ขอมสบาดโขลญลำพง” ปกครองอยู่ จนสามารถยึดครองกรุงสุโขทัยได้สำเร็จ พร้อมๆกับการสถาปนาเป็นราชธานีเมื่อ พ.ศ.1781 โดยพ่อขุนบางกลางท่าวได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย
ในพระนาม “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ส่วนพ่อขุนผาเมืองเมื่อร่วมรบจนประสบความสำเร็จก็เดินทางกลับเมืองราด แต่เรื่องราวไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เพราะความเมื่อทราบถึงพระนางสิงขรมหาเทวี พระนางก็ทรงพิโรธพ่อขุนผาเมืองอย่างมาก ตัดพ้อหาว่าทรยศต่อพระบิดา(พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ) ซึ่งก็อย่างว่าความโกรธของผู้หญิงนั้นรุนแรงนัก แล้วพระนางสิงขรก็ตัดสินใจจุดไฟเผาเมืองราดจนมอดไหม้เป็นจุล ส่วนพระนางเองก็กลั้นใจไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่แม่น้ำป่าสัก ข้าวสารดำปลุกเสกฝังไว้กับวัตถุมงคลพ่อขุนผาเมือง ด้านพ่อขุนผาเมืองเมื่อจัดการกับพระศพของพระมเหสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อขุนผาเมืองก็ไม่คิดที่จะทำนุบำรุงเมืองราดอีก โดยตามตำนานได้กล่าวว่า พระองค์ได้เสด็จไปยังเมืองเชียงแสน (ปัจจุบันคือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย)
และจากการที่พระนางสิงขรเผาเมืองราดนี่แหละ ทำให้ข้าวสารในพระคลังที่เก็บไว้ใช้บริโภค
ถูกไฟเผามอดไหม้จนดำเกรียม และหล่นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นดิน
ในบริเวณพื้นที่เมืองราด และก็ฝังอยู่ในพื้นดินมาช้านานหลายร้อยปี
จนเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาในช่วงฤดูฝนก็มีชาวบ้านแถวนั้นพบข้าวสารดำลอยขึ้นมาหลังฝนตก และก็มีการพบข้าวสารดำกันต่อมาเรื่อยๆ จนวันนี้พอถึงช่วงฤดูฝนก็ยังคงพบข้าวสารดำลอยขึ้นมาบนพื้นดินหลังฝนตกในบริเวณที่เคยเป็นเมืองราดตั้งแต่ครั้งอดีต ซึ่งเรื่องข้าวสารดำนี้แม้ว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ แต่ว่าในตำนานก็สามารถนำไปผูกโยงกับเรื่องราวของเมืองราดได้อย่างเหมาะเจาะ กระนั้นข้าวสารดำก็ยังมีความเชื่ออีกกระแสหนึ่งที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ข้าวสารดำนั้นมีอยู่แต่เดิมแล้ว โดยพ่อขุนผาเมืองถือ ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจะทำการรบทัพจับศึกครั้งใด พ่อขุนผาเมืองจะนำข้าวสารดำไปปลุกเสก และโปรยเหมือนหว่านทรายใส่กองทัพ แทนน้ำมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ฮึกเหิม รวมถึงเป็นดังของขลังที่ช่วยให้แคล้วคลาดด้วย เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไร ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน แต่หากหันมามองข้าวสารดำ
ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ “รศ.คมคาย หมื่นสาย” อาจารย์ประจำโปรแกรมนิเทศศาสตร์ สถาบันราชภัฏเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการศึกษาข้าวสารดำ ก็ได้กล่าวว่า ณ วันนี้ข้าวสารดำยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าคืออะไร โดยตนได้คาดเดาว่า น่าจะเป็นผลึกที่อยู่ในรูปของแร่ธาตุ หรือสสารที่ถูกอัดอยู่ในดินแล้วไม่มีการย่อยสลาย คล้ายๆกับฟอสซิล ในขณะที่นักธรรีวิทยา หลายๆคนต่างบอกกันว่าข้าวสารดำจัดเป็นฟอสซิลชนิดหนึ่งมีอายุราวสองล้านปีขึ้นไป เป็นของที่หายากมาก มักจะอยู่ในหินปูน แต่ดิเรก ถึงฝั่ง ก็ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ถ้าเป็นฟอสซิลก็น่าที่จะแข็งเหมือนหิน แต่ว่าข้าวสารดำที่ค้นพบนี่แค่เพียงบี้เบาก็แหลกแล้วข้าวสารดำปลุกเสกฝังในพระเครื่อง มิติใหม่ข้าวสารดำแม้ว่าข้าวสารดำยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ที่ผ่านๆมาก็ได้มีคนนำไปปลุกเสก เป็นวัตถุมงคล อย่างเช่นพระรุ่นข้าวสารดำ และยังมีการปลุกเสกฝังในรูปปั้นของพ่อขุนผาเมือง ให้คนที่สนใจเช่าไปบูชา ส่วนชาวบ้านที่เจอข้าวสารดำ ส่วนมากก็จะเก็บเอาไว้บูชาแต่หากว่าใครที่เป็นคนนอกพื้นที่เมื่อไปพบเห็นข้าวสารดำ แล้วต้องการนำกลับบ้านไปกราบไหว้บูชาก็อาจจะต้องคิดหนักหน่อย เพราะชาวบ้านแถวนั้นต่างเล่ากันว่า
เห็นมีหลายคนแล้วที่นำข้าวสารดำกลับบ้านไป แบบแอบหยิบไป
จากในพื้นที่โดยไม่ปลุกเสก แต่แล้วก็ต้องนำกลับมาคืน
โดยคนที่นำกลับมาคืนต่างเล่าว่า เมื่อเอาไปแล้วก็อยู่ไม่เป็นสุข มักมีเรื่องราวเสมอๆ กับเรื่องการนำข้าวสารดำออกนอกพื้นที่ ความจริงเป็นอย่างไรคงพิสูจน์ไม่ได้ แต่ที่แน่ๆเมื่อเร็วๆนี้ ทางจังหวัดเพชรบูรณ์มีโครงการอนุรักษ์ข้าวสารดำเพื่อการท่องเที่ยว โดยเสวี เพชระบูรณิน นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ได้เล่าว่า ตอนนี้ทางผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ได้สั่งให้ระงับการนำข้าวสารดำไปก่อน เพราะต้องการอนุรักษ์ไว้เพื่อการท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชม พร้อมรับฟังตำนานข้าวสารดำ และขุดดูในบริเวณที่ค้นพบ ส่วนจะเอากลับไปได้หรือไม่นั้นเรื่องนี้ต้องดูกันอีกที เพราะถ้าเอากลับไปคงต้องปลุกเสก สำหรับเรื่องราวของข้าวสารดำ ณ วันนี้แม้ยังพิสูจน์ที่มาที่ไปไม่ได้ และยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครหยิบออกนอกพื้นที่จะเป็นทุกข์ร้อนอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ก็คือ ในอนาคตหากมีคนมาเที่ยวชม ฟังตำนาน และขุดข้าวสารดำก็จะเป็นการสร้างรายได้ให้กลับชุมชนใน อ.หล่มสัก และก็ยังทำให้นักท่องเที่ยวเที่ยวเพชรบูรณ์นานขึ้นอีกด้วย
ที่มา : ผู้จัดการ
ที่มา..
http://school.obec.go.th/banhinging/pokunpamaing.htm
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36144
10
#
โพสต์ 2013-9-2 21:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-9-3 08:20
เพชรบูรณ์มีดี วันนี้ขอแนะนำให้รู้จักโบราณสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งอยู่ที่วัดโพนชัย หมู่ที่ 1 บ้านห้วยโปร่ง ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ตั้งขึ้นเมื่อปี 2480 เป็นวัดที่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองสงฆ์ ร.ศ.121 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 25 มีนาคม 2537
พระอธิการมนตรี ชวนปัญโญ เจ้าอาวาส เล่าว่า เดิมวัดนี้เป็นที่รกร้างพื้นที่เป็นโคกติดกับคลองห้วยโปร่ง มีพระธาตุเจดีย์เก่าแก่ มีเนินดินสูงกว้างประมาณ 100 ตารางเมตร ต่อมามีชาวบ้านอพยพมาอยู่อาศัยจับจองที่ทำกินและได้ร่วมกันถากถางพื้นที่แห่งนี้เพื่อสร้างวัด ตั้งชื่อว่าวัดโพนชัย และได้มีการบูรณะ พัฒนามาเป็นลำดับ
ในวัดมีพระธาตุอายุหลายร้อยปี คือ พระธาตุวัดโพนชัย ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าเป็น
พระธาตุเจดีย์ พระนางสิงขรเทวี เป็นเจดีย์เก่าแก่ ที่สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระนางสิงขรมหาเทวี
พระมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด วีรบุรุษผู้สร้างชาติไทย ซึ่งหลายคนเชื่อว่าพื้นที่บริเวณนี้คือเมืองราดของพ่อขุนผาเมือง แม้จะมีบางแนวคิดขัดแย้งกันอยู่ก็ตาม พระธาตุวัดโพนชัย เป็นเจดีย์ทรงดอกบัวเหลี่ยม ฐานสูง คล้ายกับเจดีย์ลาวรุ่นแรกคือ พระธาตุพนม แต่บัวเหลี่ยมสั้นป้อมกว่า ก่อสร้างด้วยอิฐสอดินฉาบปูน อิฐมีขนาดกว้าง ๑๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๒.๕ เซนติเมตร หนา ๖.๕ เซนติเมตร เจดีย์สูงโดยประมาณ ๑๔ เมตร
ห่างออกไปทางทิศเหนือมีเจดีย์เก่าอีกองค์ คือ เจดีย์วัดทุ่ง ปัจจุบันเป็นโรงเรียนพ่อขุนผาเมืองอุปถัมภ์ หมู่ที่ ๑ ตำบลบ้านหวาย เจดีย์มีรูปทรงแบบบัวแปดเหลี่ยม บัวมีขนาดใหญ่และกว้าง มีฐานต่ำ ส่วนยอดขาดหายไป คาดว่าคงสูงประมาณ ๑๖ – ๒๐ เมตร ก่อด้วยอิฐสอดิน อิฐบางก้อนวัดขนาดได้กว้าง ๑๒ เซนติเมตร ยาว ๒๓ เซนติเมตร หนา ๗ เซนติเมตร มีขนาดใกล้เคียงกับพระธาตุวัดโพนชัย เจดีย์ศิลปะแบบลาวในเมืองหล่ม ปัจจุบันชำรุดทรุดโทรม ขาดการอนุรักษ์และขาดการสืบสานต่อจากชนรุ่นใหม่
บริเวณบ้านหวายแห่งนี้ยังมีการพบข้าวสารดำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ ถูกพบที่พื้นดินใกล้เจดีย์พระนางสิงขรมหาเทวี กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ในพื้นดิน เมื่อฝนตกหนักชะล้างผิวหน้าดินออก ข้าวสารดำก็จะโผล่ขึ้นมา ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสารแต่มีสีดำ ถ้าใช้มือบีบแรงๆก็จะแตกออกเป็นผงสีดำคล้ายผงถ่าน ตามหลักวิชาทางธรณีวิทยากล่าวว่า ข้าวสารดำเป็นฟอสซิลชนิดหนึ่ง มีอายุราวสองร้อยล้านปีขึ้นไป มักจะอยู่ในหินปูน เป็นของหายาก ซึ่งโดยทั่วไปฟอสซิลจะต้องมีลักษณะแข็ง ส่วนข้าวสารดำนี้ใช้มือบีบก็จะแหลกเป็นผง
ตำนานเล่าต่อๆกันมาเป็น ๒ นัย นัยแรก กล่าวว่า ข้าวสารดำนี้เป็นข้าวสารในท้องพระคลังของเมืองราดเก็บไว้บริโภค เมื่อพระนางสิงขรมหาเทวี ซึ่งเป็นธิดากษัตริย์ขอม และเป็นมเหสีของพ่อขุนผาเมือง เผาเมืองราดไฟได้ไหม้คลังเก็บข้าวสารจนไหม้ดำเกรียม หล่นกระจัดกระจาย เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อขุนผาเมืองยกทัพไปขับไล่พวกขอม ต่อมาจึงถูกดินถมจมอยู่ นัยที่สองกล่าวว่า ข้าวสารดำนี้มีมาอยู่แต่เดิม ในสมัยสุโขทัยพ่อขุนผา ทรงนับถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจะออกศึกสงครามครั้งใด ก็จะทรงนำข้าวสารดำมาปลุกเสก โปรยหว่านเป็นสิริมงคลแก่กองทัพ และใช้เป็นวัตถุของขลังในการรบ ปัจจุบันข้าวสารดำบริเวณนี้หายากขึ้นแต่มีให้ชมที่พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานเมืองราด
วัดโพนชัย ยังมีพระพุทธรูปที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่าศักดิ์และเคารพสักการะของคนที่นี่เป็นจำนวนมาก คือ หลวงพ่อตากแดด ชาวบ้านได้เล่าขานถึงความปาฏิหาริย์มากมาย และในวันสามของทุกปีทางวัดจะมีการจัดงานสรงน้ำพระธาตุเจดีย์และสมโภชหลวงพ่อตากแดดเป็นประจำทุกปี
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
/ 2 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ดูบอร์ด
พูดคุยตามประสา คศช.
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...