ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระมหาโมคคัลลานะ

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-25 10:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบทูลลานิพพาน
พระมหาโมคคัลลานเถระ  คิดว่า “เราควรไปกราบทูลลาพระผู้มีพระภาค ก่อนจึง ปรินิพพาน” ดังนี้แล้วก็เรียบเรียงสรีรกายประสานกระดูกด้วยกำลังฌานฤทธิ์ เหาะมาเฝ้าพระบรมศาสดา  ถวายบังคมแล้วกราบทูลลาปรินิพพาน พระพุทธองค์ตรัสถามว่า “โมคคัลลานะ เธอจะปรินิพพาน  ที่ไหน เมื่อไร ?” “ข้าพระองค์ จะนิพพานที่กาฬศิลาในวันนี้ พระเจ้าข้า” “โมคคัลลานะ  ถ้าอย่างนั้น เธอจงแสดงธรรมแก่ตถาคตก่อน ด้วยว่าการได้เห็นพระเถระเช่นเธอนี้  จะไม่มีอีกแล้ว”
พระเถระได้รับพระพุทธบัญชาเช่นนั้นจึงทำปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปบนอากาศแสดงพระธรรมเทศนาแล้วลงมาถวายอภิวาทกราบทูลลาไปยังกาฬศิลา  และปรินิพพาน ณ ที่นั้น ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 12 หลังจากพระสารีบุตรนิพพานได้ 15 วัน
พระผู้มีพระภาค เสด็จไปพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย  ทรงเป็นองค์ประธานจุดเพลิงฌาปนกิจศพให้ท่าน ขณะนั้น  ฝนดอกไม้ทิพย์ตกลงมาโดยรอบบริเวณ มหาชนพากันประชุมทำ สักการะอัฐิธาตุตลอด 7 วัน  พระพุทธองค์โปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิไว้ ณ  ที่ใกล้ซุ้มประตูแห่งพระเชตะวันมหาวิหารนั้น

พระมหาโมคคัลลานะมักจะเหาะไปเทวโลกและนรก  ถามกรรมที่พวกเทวดาและพวกสัตว์ที่อยู่ในสวรรค์และนรกทำในชาติก่อน  แล้วก็นำมาเล่าให้มนุษย์ฟัง ผู้คนก็ต่างพากันนำลาภสักการะมาถวายท่าน  ก็เลยเป็นเหตุให้พวกเดียรถีย์เสื่อมจากลาภ พวกนึงได้ว่าจ้างให้พวกโจรไปลอบฆ่าท่าน  พวกโจรได้ไปลอบฆ่าพระมหาโมคคัลลานะถึง ๓ ครั้ง  ในสองครั้งแรกท่านเหาะหนีไปทางอากาศได้ พวกโจรจึงไม่สามารถทำอันตรายท่านได้  แต่ในครั้งสุดท้าย ท่านพิจารณาเห็นว่าเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อนติดตามมา  ท่านจึงไม่หนี ท่านก็เลยปล่อยให้พวกโจรจับท่านมาทุบตี จนกระดูกแตกละเอียด  แล้วนำไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้แห่งหนึ่ง แต่ท่านยังไม่มรณะ  ท่านก็ได้รักษาตนเองด้วยกำลังฌาน แล้วไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อทูลลานิพพาน
ปรากฏว่าประชาชนมีก็ต่างมีความสงสัยกันว่าเหตุใดพระมหาโมคคัลลานะ  ซึ่งเป็นถึงพระอัครสาวกเบื้องซ้ายผู้มีฤทธิ์จึงถูกโจรทุบตีอย่างทารุณ  พระพุทธเจ้าได้ตรัสก็เลยเล่าบุพพกรรมของพระมหาโมคคัลานะว่า
ในอดีตชาตินานมาแล้ว  พระมหาโมคคัลลานะได้เกิดเป็นชาวเมืองพาราณสี มีพ่อแม่ที่ตาบอดและพิการทั้งสองคน  ต่อมาท่านได้ภรรยาคนหนึ่ง และก็ยอมทำตามภรรยาทุกอย่าง วันนึงภรรยา  ที่เดิมทีรู้สึกรำคาญที่ต้องแบกภาระเลี้ยงดู พ่อและแม่สามีที่ทั้งพิการและตาบอด  นางจึงเป่าหูยุแยงบอกให้พระโมคคัลลานะ นำพ่อและแม่ไปทิ้งไว้ในป่า โดยใช้อุบายว่า  โจรขึ้นบ้านและลักพาตัว ครั้นไปถึงในป่าก็ทุบตีพ่อแม่ของท่าน ในขณะที่ทุบตีอยู่นั้น  แม่กับพ่อก็บอกว่า "ลูก ลูกอยู่ไหน รีบหนีไปนะลูก โจร โจรอย่าทำลูกอะไรฉันเลย  ถ้าจะทำก็ทำฉันเถิด" พอได้ฟัง พระโมคคัลลานะถึงคิดได้ และวางไม้ลง  แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว พ่อแม่ท่านก็สิ้นใจตาย แหล่ะทีนี้เพื่อนๆก็คงจะทราบแล้วนะว่า  ทำไมท่านถึงรับผลกรรมแบบนั้น
พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า " พระโมคคัลลานะทำกรรมประมาณเท่านี้ โทษในนรกหลายแสนปี ด้วยวิบากยังเหลืออยู่  จึงถูกทุบตีอย่างนั้นนั่นและละเอียดหมดถึงมรณะสิ้น ๑๐๐ อัตตภาพ"

พระโมคคัลลานะถูกประทุษร้าย
พวกนิครนถ์  ได้ว่าจ้างพวกโจรไปทำร้ายพระโมคคัลลานะ
พระอัครสาวกเบื้องซ้าย



อนันตริยกรรม
กรรม ที่พวกโจรร่วมกันทำนั้น จัดเป็นกรรมหนักมีโทษคือ ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน  กรรมอันหนักอย่างยิ่งนั้น เรียก อนันตริยกรรม มี ๕ อย่างคือ
๑. มาตุฆาต  ฆ่ามารดา
๒. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
๓. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
๔. โลหิตุปบาท  ทำร้ายพระพุทธเจ้า จนถึงยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นไป
๕. สังฆเภท  ยังสงฆ์ผู้สามัคคีให้แตกกัน
กรรม ๕ อย่างนี้เป็นบาปหนักที่สุดตั้งอยู่ฐานปาราชิก (เทียบได้กับโทษประหาร) ของผู้นับถือพระพุทธศาสนา  ห้ามไม่ให้ทำเป็นเด็ดขาด
พวกโจรเมื่อทำอรหันตฆาต (ฆ่าพระอรหันต์) แล้วก็ทิ้งร่างพระเถระไปที่หลังพุ่มไม้แห่งหนึ่งด้วยเข้าใจว่าตายแล้ว  จากนั้นก็พากันหลบหนีไป
พระเถระได้ประสานอัตตภาพเสียใหม่  ด้วยอำนาจฤทธิ์แล้วเหาะไปทูลลาพระบรมศาสดาเพื่อปรินิพพาน (ตาย)


12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-25 10:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คาถาพระมหาโมคคัลลาน์ต่อกระดูก
คาถา  ที่พระมหาโมคคัลลาน์ใช้ร่ายประสานกระดูกนั้น หลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์  ได้นำมาใช้รักษากระดูกให้ญาติโยม จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ  เนื้อความของคาถานั้นมีดังนี้
เถโร โมคคัลลาโน
อันตะระธายิตวา  ภูมิสุขุมัง
ปรมาโน ภควโต อิทธิยา
อัตตโน สรเร มังสัง  โลหิตัง
ภาวนาคาถาบทนี้ทุกๆ วัน วันละ ๑๐๘ คาบ  ไว้กันอันตรายทั้งหลายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
กรรมสนอง
เรื่อง ราวที่พระเถระถูกพวกโจรฆ่าเลื่องลือไปทั่วชมพูทวีป  พระเจ้าอชาตศัตรู (เจ้าผู้ครองนครราชคฤห์) ได้ทรงทราบเช่นนั้น  ก็ให้สายลับไปสอดแนมจับพวกโจร ขณะนั้นพวกโจรเหล่านั้นกำลังดื่มสุราอยู่ในร้านสุรา  พอเมาก็เกิดทะเลาะกันและเถียงกันพร้อมทั้งอวดอ้างความเก่งกล้าของตนว่า “พระมหาโมคคัลลาน์ที่ว่ามีฤทธิ์มาก พอเจอตนแล้วก็จ๋อย ถูกตนทุบโดยประการต่างๆ  จนตายไม่เห็นว่าจะแน่สักเท่าไหร่เลย”
สายลับเหล่านั้นได้ยินคำของพวกโจรเหล่านั้น  ก็จับพวกเขานำไปถวายแด่พระราชา
พระ ราชาทรงสอบสวนพวกโจรเหล่านั้น  เมื่อทรงทราบว่า พวกเดียรถีย์จ้างให้พวกเขาฆ่า  จึงสั่งให้จับพวกเดียรถีย์นำมาจัดการประหารชีวิตเสียทั้งหมด

โทษของสุรา
การ ที่พวกโจรเผยความลับออกมาเองนั้น  สาเหตุหนึ่งเพราะกรรมที่พวกเขาก่อเป็นกรรมหนัก กรรมนั้นจึงให้ผลในทันที  คือให้ผลในชาติปัจจุบันเลยทีเดียว และเพราะมีสุราเป็นสาเหตุ คือ  เพราะเมาจึงก่อการทะเลาะวิวาทและเผยความลับออกมา  การก่อการทะเลาะวิวาทและเผยความลับนี้ จัดเป็นโทษแห่งการดื่มสุราโดยแท้ คือ  ผู้มีปกติดื่มสุราย่อมประสบความเสื่อม ๖ อย่าง คือ
๑. เสียทรัยพ์
๒. ก่อการทะเลาะวิวาท
๓. เกิดโรค
๔. ต้องติเตียน
๕. ไม่รู้จักอาย  มักเผยความลับ
๖. ทอนกำลังปัญญา

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-25 10:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย oustayutt เมื่อ 2013-4-25 12:29

บุพกรรมของพระมหาโมคคัลลาน์
พวกภิกษุเมื่อทราบข่าวก็พากันสนทนากันว่า “น่าสังเวชจริง ท่านพระมหาโมคคัลลาน์มรณภาพไม่สมควรแก่ฐานะของตนเลย”
พระ  บรมศาสดาเสด็จมาตรัสถาม เมื่อทราบเรื่องแล้วจึงตรัสว่า “ที่พระมหาโมคคัลลาน์ต้องตายอย่างนี้  ก็เพราะกรรมหนักที่เธอเองก่อไว้ในอดีตชาตินั่นเอง” จากนั้นพระองค์ก็ตรัสเล่าบุพกรรมของพระมหาโมคคัลลาน์ว่า “เมื่อครั้งอดีตกาล  ท่านเป็นกุลบุตรผู้หนึ่งเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งตาบอด ด้วยหลงเชื่อเมียจนเกินไป  จึงลวงท่านทั้งสองไปฆ่า โดยลวงว่า จะพาไปเยี่ยมญาติที่บ้านไกล  ขึ้นเกวียนไปพอไปถึงระหว่างทางก็บอกว่า “แถวนี้โจรชุกชุมมาก จะลงไปดูก่อน” แล้วแกล้งทำเป็นเสียงโจร ถือไม้ทุบตีพ่อแม่ทั้งสอง ผู้ร้องบอกให้ลูกชายหนีไป  เพราะเข้าใจว่าเป็นโจรจริงๆ เมื่อกุลบุตรนั้นได้ยินเสียงร้องบอก  ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของบุพการีทั้งสอง จึงเกิดสลดใจได้สำนึก ทำเสียงอื้ออึงขึ้น  ทำทีเหมือนไล่โจรให้หนีไป  แล้วช่วยพยาบาลมารดาบิดายกขึ้นสู่เกวียนนำกลับบ้านเลี้ยงดูด้วยดีจนตลอด  ชีวิตท่านทั้งสอง
เพราะการทุบตีมารดาบิดา  พระมหาโมคคัลลาน์ต้องถูกโจรฆ่านับชาติไม่ถ้วน  นับตั้งแต่อดีตจนถึงชาติปัจจุบัน”
ครั้น ตรัสบุพกรรมของพระมหาโมคคัลลาน์แล้ว  จึงตรัสว่า
“บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย  ย่อมถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการเป็นแน่แท้”
ความฉิบหาย ๑๐ ประการนั้น คือ

๑. ประสบเวทนากล้า
๒. ประสบความเสื่อมทรัพย์
๓. ประสบความทรุดโทรมแห่งร่างกาย
๔. ประสบอาพาธอย่างหนัก
๕. จิตฟุ้งซ่าน กระสับกระส่าย
๖. ประสบความขัดข้องกับพระราชา
๗. ถูกล่าวตู่อย่างรุนแรง
๘. ประสบความย่อยยับแห่งเครือญาติ
๙. ประสบความเสื่อมเสียแห่งโภคทรัพย์  หรือถูกไฟไหม้บ้านเรือน
๑๐. ตายไปย่อมตกนรกหมดไหม้
จาก  เรื่องราวที่กล่าวมานี้อาจสรุปเป็นคติธรรมได้ว่า ผู้มีพระคุณ  มิใช่ผู้ที่ควรจะทุบตีหรือฆ่าแกง หากแต่เป็นผู้ที่ควรแก่การเทอดทูนโดยแท้  ผู้ที่ประทุษร้ายต่อผู้มีพระคุณย่อมประสบฐาน ๑๐  อย่างพลันแล

แสดงเจตนา
เรื่องและภาพรวบรวมมาจากอินเตอร์เน็ตที่เจ้าของไม่ได้สงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่ไว้
ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในเจตนากุศลในการเผยแพร่ธรรมทานอย่างบริสุทธิ์ของท่านเหล่านั้น
หากข้อความใดหรือภาพใดมีผู้หวงห้าม  ข้าพเจ้าขออภัยและขอบอกกล่าวว่า  ไม่มีเจตนาลักขโมยของท่าน
เพียงนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานให้ผู้สนใจทั่วไป  และมีเจตนาให้นำไปเผยแพร่ต่อได้
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจากอินเตอร์เน็ต  
นายนิคม พวงรัตน์  รวบรวม เรียบเรียง เผยแพร่

ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-12-19 19:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สาธุ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้