ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 7492
ตอบกลับ: 28
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสพรรณบุรีประจำเดือน มีนาคม 2556

[คัดลอกลิงก์]
15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสพรรณบุรีประจำเดือน มีนาคม 2556

1 ถนนดอกไม้แสนสวย
ตาเบบูญ่า
@ สุพรรณบุรี
   
ดอกตาเบบูญ่า (เหลืองปรีดียาธร) บานเต็มสองข้างทาง ถนนเส้นทางหมายเลข 3502 (อ.สามชุก- อ.ด่านช้าง) ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ที่มีให้ชมตลอดทั้งปี แต่เป็นสถานที่ที่น่าชมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 ถึง 2 อาทิตย์ ในแต่ละปีเท่านั้น สำหรับท่านที่มีโอกาสมาเที่ยวตลาดร้อยปีสามชุก หรือบึงฉวาก แวะมาถ่ายรูปสวยๆกันได้ ระยะทางไม่ไกลนัก
(ดอกจะบานราว
กลางเดือนกุมภา ถึง ต้นเดือนมีนา)



2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตาเบบูญ่า เหลืองปรีดียาธร เป็นสายพันธ์เดียวกับต้นชมพูพันธ์ทิพย์ เป็นต้นไม้ที่ท่านหม่อมพันธ์ทิพย์ บริพัตร นำมาจากอินโดนีเชีย ดอกสีชมพู จึงตั้งชื่อว่า "ชมพูพันธ์ทิพย์" ชื่อ อื่น ๆ ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา




3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ชื่อพื้นเมืองอื่น: ตาเบบูยาเหลือง
ชื่อสามัญ : Silver trumpet tree, Tree of gold, Paraguayan silver trumpet tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tabebuia argentea Britt
วงศ์: BIGNONIACEAE
ถิ่นกำเนิด: อเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก
ประเภท: ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 8 เมตร เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่องขรุขระ ลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อน กิ่งก้านเปราะหักง่าย แตกกิ่งก้านเป็นชั้น โตช้า เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ระบายน้ำดี แดดจัด
ใบ: เป็นใบประกอบประกอบด้วยใบย่อย 5 ใบ ลักษณะใบหนาแข็ง และมีขนนุ่ม มีสีเขียวอมขาว
ดอก: มีสีเหลืองสด ออกเป็นช่อๆ ละ 3-10 ดอก ลักษณะกลีบดอกติดกัน ก้านดอกเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เมื่อดอกร่วงจะติดฝักและมีเมล็ด ขั้วดอกเหนียวและดอกจะร่วงยากกว่าเหลืองอินเดีย ดอกออกมากแต่ยังมีใบคงอยู่บนต้นมากไม่ร่วงหมดต้น ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
2 บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
  บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรีประมาณ 64 กิโลเมตร บึงฉวากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทและอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนที่อยู่ในเขตอำเภอเดิมบางนางบวชมีพื้นที่ประมาณ 1,700 ไร่ บึงฉวากได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2526 และในปี พ.ศ. 2541 ได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ประเทศไทยเป็นภาคี เนื่องจากความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีในบึง ลักษณะที่เรียกว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำตามอนุสัญญาแรมซาร์ คือพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ลุ่มชี้นแฉะ พื้นที่ฉ่ำน้ำ มีน้ำท่วม น้ำขัง พื้นที่พรุ พื้นที่แหล่งน้ำ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้าง ทั้งที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วมถาวรหรือชั่วคราว ทั้งแหล่งน้ำนิ่งและน้ำไหล แหล่งน้ำจืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงชายฝั่งทะเลและทะเลในบริเวณซึ่งเมื่อน้ำลดต่ำสุด   น้ำลึกไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งบึงฉวากเข้าข่ายลักษณะดังกล่าว คือเป็นบึงน้ำจืดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1– 3 เมตร


6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




สถานที่ท่องเที่ยวภายในบึงฉวาก

โซนสวนสัตว์
   
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก สร้างขึ้นเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50  ประกอบด้วย อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการ เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าชนิดต่างๆ การดูนก สภาพทางภูมิศาสตร์ ประวัติความเป็นมาของบึงฉวาก มีตู้จำลองระบบนิเวศ  ห้องฉายสไลด์วีดิทัศน์ ด้านนอกอาคารมี กรงเลี้ยงนก ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สูง 25 เมตร ภายในกรงได้รับการตกแต่งให้ดูคล้าย สภาพธรรมชาติ ประกอบด้วยนกกว่า 45 ชนิด ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกกาบบัว  นกเป็ดแดง ไก่ฟ้าพญาลอ และ ไก่ฟ้าสีทอง ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นไก่ฟ้าที่มีความสวยงามที่สุดในโลก มีการจำลองน้ำตกขนาดเล็กเอาไว้ภายในกรง ผู้เข้าชมจะเดินตามทางเดินที่จัดไว้ และได้สัมผัสใกล้ชิดกับนกต่าง ๆ ที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบธรรมชาติ เดินผ่านหน้าเราไป หากเดินถัดไปจากกรงนก จะเป็นกรงเสือขนาดใหญ่ กรงเสือขนาดเล็ก มีเสือชนิดต่าง ๆ ให้ชมและ ที่พิเศษคือ มีลูกเสือดูดนมหมู และสัตว์สวยงามอีกหลายชนิด

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่   
ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวัน
จันทร์-ศุกร์ 08-16.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ 08.00-18.00 น.
โทร. 035-439206, 035-439210
สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก
โทร. 035-481250

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
1. เขตห้ามล่าสัตว์ป่า
2. กรงเสือและกรงสิงห์โต
กรงเสือและสิงโต ลักษณะภายในตกแต่งเป็นถ้ำและเนินหิน ให้ดูคล้ายสภาพธรรมชาติ ซึ่งเป็นกรงเลี้ยงสัตว์ป่าตระกูลแมว อันได้แก่ สิงโต เสือโคร่ง เสือลายเมฆ เสือดาว แมวดาว เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีกรงสัตว์ป่าหายากอีกหลายประเภท ที่จัดแสดงไว้ เช่น นกน้ำ นกยูงและไก่ฟ้าชนิดต่างๆ ม้าลาย อูฐ และนกกระจอกเทศ
3. สถานที่ถ่ายภาพร่วมกับสัตว์
เด็กจะได้สนุกสนานกับการถ่ายภาพบนหลังม้า
หรือถ่ายภาพคู่กับลิงอุรังอุตัง เก็บไว้เป็นที่ระลึก
4. ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่า และกรงนกใหญ่
เดินชมภายในกรงนกใหญ่ ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายสภาพธรรมชาติ ชมพันธ์นกหายากกว่า 30 ชนิด เช่น นกยูง นกกาบบัว เป็ดแดง
5.
เกาะกระต่าย
พื้นที่คล้ายเกาะ สร้างเป็นที่พักของกระต่าย 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เจอร์ซี่ วูลลี่ และสายพันธุ์แองโกร่า ที่มีความน่ารักและสวยงาม รวมทั้งยังมีกวางดาว เนื้อทราย และจากสาเหตุที่เป็นเกาะมีพื้นที่น้ำล้อมรอบ จึงเลี้ยงปลาไว้ในกระชังอีกจำนวนมาก เพื่อให้ผู้คนได้พักผ่อนอีกประเภทหนึ่ง โดยการให้อาหาร เช่น ปลาทอง ปลาคาร์ฟ ปลาสวายเผือก ฯลฯ ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.
6.
ศูนย์รวมพันธุ์ไก่ และกรงสัตว์หายาก
เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไก่ชนิดต่างๆ ทั้งสวยงาม และหายาก เช่น ไก่ฟ้าหลังขาว ไก่ฟ้าสีทอง ไก่ฟ้าพญาลอ และสัตว์หายากอีกหลายชนิด
(ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท)
7. อุทยานผักพื้นบ้านเฉลิมพระเกียรติ (ชมฟรี)
   
อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตร จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึก ให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าและอนุรักษ์ผักพื้นบ้าน โดยรวบรวมผักพื้นบ้านจากทั่วภูมิภาค ของประเทศไทยกว่า 500  ชนิด มาปลูกไว้ในบริเวณเกาะกลางบึงฉวาก มีทั้งสมุนไพร ไม้ยืนต้น ไม้เลื้อย และไม้ชื้นแฉะที่น่าสนใจได้แก่ น้ำเต้าสี่เหลี่ยม บวบหอมขนาดใหญ่ อุโมงค์น้ำพุ และการจัดสวนไม้ประดับด้วยผักพื้นบ้าน นอกจากนั้นยังมีโรงปลูกพืชระบบระเหยน้ำ และสาธิตการปลูกพืชไร้ดินจัดแสดงให้ชมด้วย และมีห้องสมุดบริการคอมพิวเตอร์ สำหรับค้นคว้าข้อมูลพันธุ์ผักต่าง
ห้องนิทรรศการแสดงผลผลิตทางการเกษตร ศูนย์บริการท่องเที่ยวเกษตรอุทยานผักพื้นบ้านฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.30-18.00 น.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร.081-948 214, 089-8361358, 035-430011  
หรือสำนักงานเกษตรอำเภอเดิมบางนางบวช
โทร.035-545450 , 035-555455

(ชมฟรี)

8. เรือจักรยานน้ำ
สำหรับครอบครัวได้ออกกำลังกาย กับธรรมชาติที่สวยงามภายในบึง

9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


โซนสัตว์น้ำ
9. สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวาก (อุโมงค์ปลา)
ภายในอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำรวบรวมพันธุ์ ปลาน้ำจืด ปลาสวยงามและพันธุ์ปลาหายาก เอาไว้ให้ประชาชนได้ศึกษา แบ่งเป็น 3 อาคาร อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 1 จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย และพันธุ์ปลาต่างประเทศกว่า 50 ชนิด เช่น ปลาบึก ปลากระโห้ ปลาม้า ปลากราย ปลาช่อนงูเห่า ปลาเสือตอ เป็นต้น อาคารแสดงสัตว์น้ำหลังที่ 2 ประกอบด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงาม บรรจุน้ำได้กว่า 400  ลูกบาศก์เมตร และมีอุโมงค์ความยาวประมาณ 8.5 เมตร ผู้ชมสามารถเดินลอดผ่านใต้ตู้ปลา ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ใกล้สัตว์น้ำ ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรก ของประเทศไทย มีนักประดาน้ำหญิงสาธิตการให้อาหารปลา นอกจากนั้นโดยรอบยังมีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้ และตู้ปลาทะเลสวยงามอีก 7 ตู้
การแสดงตู้ปลาใหญ่
มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
มี 4 รอบ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 16.00 น.
10. บ่อจระเข้น้ำจืด
เป็นบ่อจระเข้ที่ได้จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับ ธรรมชาติมากที่สุด พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทยขนาด 1.5 – 4.0 เมตร ประมาณ 60 ตัว ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นความเป็นอยู่ แบบธรรมชาติของจระเข้ และสามารถเข้าชมอย่างใกล้ชิด
มีการแสดงจระเข้วันเสาร์ – อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์
รอบ 11.00น. 12.30น. 14.00น. และ 15.30 น.
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท   
วันจันทร์ – ศุกร์ เปิดเวลา 08.30 – 17.00 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30 – 18.00 น.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 035-430043 4, 035-430033
โทรสาร 035-439208

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-28 21:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


11. อาคารสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหลังที่ 3
(สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล)
จัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิด ให้ได้ชมกัน มีตู้ปลาขนาดใหญ่ และตู้ปลารูปทรงแปลกตา เพื่อคอยบริการนักท่องเที่ยวให้ได้ชื่นชมกับ  ความสวยงาม และบรรยากาศของโลกใต้ทะเล รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา และบันไดเลื่อน ขนาดความยาว 75 เมตร เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของ สัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบ้านของเจ้าแห่งท้องทะเล หรือปลาฉลามอีกจำนวนมาก ภายอาคารในพบกับ
ตู้ปลาทรงกระบอก (Cylinder)
ใหญ่และสูงที่สุดในเมืองไทย
เปิดโลกใต้ทะเล (The Open Sea)
ชมความงามของปลากระเบนนก
ปลาฉลามครีบดำ ปลาค้างคาว.......
ตู้ยักษ์ใต้สมุทร (Giant Groupter)
พบปลาหมอทะเล ปลากระเบนท้องน้ำ เต่าทะเล
และอุโมงค์ยาว 12.50 เมตร....
ตู้แนวประการัง (Coral reef)
พบกับฝูงปลาขนาดใหญ่ ปลาปักเป้า ปลาผีเสื้อ...
ว่ายวนบนแนวประการังเทียมที่สีสันสวยสดงดงาม
ตู้ประการังสีฟ้าจากโอกินาวา (Okinava blue)เนรมิตประการังภายในตู้เปรียบเสมือน
ประการังแห่งท้องทะเลโอกินาวา ...
อุโมงค์ปลาฉลาม (Shark Tunnel)
ตื่นตากับฝูงปลาฉลามขนาดใหญ่ ฉลามเสือทราย
ฉลาดเสือดาว ฉลามครีบดำ และอุโมงค์ยาว 16 เมตร
กว้าง 6 เมตร ซึ่งเป็นอุโมงค์ปลาที่กว้างที่สุดในโลก.....
ตู้สีสันสิมิลัน (Similan Cliff)
ตกแต่งด้วยประการังสีชมพู กัลปังหาที่สวยงาม
และปลาสีสันสวยงามหลากหลายชนิด
การแสดงการให้อาหารปลาฉลาม
มีเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 1 รอบ
ตั้งแต่เวลา 14.00 – 15.00 น.
ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท  
ชาวต่างชาติ 200 บาท เด็กต่างชาติ 100 บาท
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้