ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
~ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต ~
1
2
3
/ 3 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
~ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต ~
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
21
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-4-24 03:07
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ สาแหรกธรรมหลวงปู่มั่น
คอลัมน์ มงคลข่าวสด
นับแต่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี อดีตมหาเถระชื่อดังแห่งวัดหินหมากเป้ง หลักใจชาวหนองคาย ละสังขารแล้ว
พระสุธรรมคณาจารย์ หรือหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ก็เป็นหลักชัย สืบทอดมรดกธรรมแทนหลวงปู่เทสก์ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวหนองคายมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยท่านเป็นหนึ่งในศิษย์เอกผู้ใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยได้อยู่รับใช้ปฏิบัติและมีโอกาสศึกษาธรรมะ
"หลวงปู่เหรียญ" เกิดในสกุล ใจขาน เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2455 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด สถานที่เกิด ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงไหม่ จ.หนองคาย
เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 7 คน ของนายผาและนางพิมพา ประกอบอาชีพกสิกรรม ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ชีวิตครอบครัว พี่น้องทุกคนเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ส่วนโยมมารดาถึงแก่กรรม เมื่อท่านมีอายุ 10 ขวบ
ภายหลังบิดามีภรรยาใหม่ ท่านจึงไปอาศัยอยู่กับยาย ก่อนกลับมาอยู่กับบิดาอีกครั้ง เมื่ออายุ 13 ปี
ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ เคยมีความคิดจะแต่งงานมีครอบครัวเหมือนปุถุชนทั่วไป แต่คิดปลงตกในชีวิตที่มีแต่ความวุ่นวาย มีทุกข์มีสุขวนเวียนไม่รู้จบสิ้น เห็นว่ามีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะหลุดพ้นทุกข์ คือ การออกบวช
เมื่อศรัทธาแห่งการออกบวชแรงกล้า จึงขอบิดาเข้าวัด บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ 15 วัน ก่อนเข้าอุปสมบท ที่วัดบ้านหงษ์ทอง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เมื่อเดือนมกราคม 2475
สังกัดมหานิกาย โดยมีพระครูวาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ก่อนกลับมาจำพรรษาอยู่วัดโพธิ์ชัย บ้านหม้อ ระยะหนึ่งไปจำพรรษาที่วัดศรีสุมัง อ.เมือง จ.หนองคาย เข้าศึกษาด้านพระปริยัติธรรม จนสอบได้นักธรรมตรี
ระยะแรกหลวงปู่เหรียญ เริ่มศึกษาพระกรรมฐาน ได้รับเมตตาจากพระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นผู้สอนภาวนาพุทโธ และพระอาจารย์กู่ ธัมมทินโน เป็นครูฝึกสอนการปฏิบัติธรรม
ต่อมา พระอาจารย์กู่ได้พาท่านออกธุดงค์ไป จ.อุดรธานี และสวดญัตติเป็นธรรมยุต เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2476 ที่วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี
โดยมีเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
จากนั้นออกธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆ หลายจังหวัดภาคอีสาน ก่อนขึ้นไปทางเหนือและเข้าฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น มุ่งบำเพ็ญเพียรและเข้าจำพรรษาในหลายที่
พรรษา 1-5 อยู่ใน จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ช่วงพรรษาที่ 6-14 ขึ้นไป จำพรรษาอยู่ใน จ.เชียงใหม่ วัดสันต้นเปาและสำนักสงฆ์ใน อ.สันกำแพง พรรษาที่ 15-18 อยู่ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง พรรษาที่ 19-22 ล่องลงใต้เข้าจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ จ.พังงา ก่อนย้ายไปอยู่วัดอรัญญบรรพต ตั้งแต่ปีพ.ศ.2502 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในบางโอกาสท่านจะมาพำนักอยู่ที่สำนักสงฆ์ในวังสวนจิตรลดา กรุงเทพฯ
กาลต่อมา หลวงปู่เหรียญได้เป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญญบรรพต ซึ่งในอดีตวัดแห่งนี้ ยังขาดความพร้อมในหลายด้าน แต่บรรยากาศทั้งภายในและภายนอกวัดสงบเหมาะสมสำหรับการวิปัสสนากรรมฐาน โดยสมัยที่หลวงปู่มาอยู่ใหม่ๆ มีเพียงกุฏิเล็กมุงหญ้าคาพอหลบฝนได้เท่านั้น
แต่กว่า 40 ปีที่หลวงปู่เหรียญได้ปกครองดูแลวัดอรัญญบรรพต พยายามคงสภาพของความเป็นวัดป่าไว้มากที่สุด โดยสร้างเสริมสิ่งก่อสร้างเท่าที่จำเป็นแก่การประกอบศาสนกิจ
หลวงปู่เหรียญ เป็นพระกัมมัฏฐาน ถือธุดงควัตร ฉันสำรวมในบาตรมื้อเดียว ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งในพระธรรมวินัยยิ่ง รับกิจนิมนต์สอนปฏิบัติธรรมสมาธิและเทศนาธรรมแก่ศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ เดินทางไปมาจากหนองคายและกรุงเทพฯ เป็นประจำ
แม้หลวงปู่จะมีฐานะทางการปกครองสงฆ์เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีเชียงใหม่-สังคม ฝ่ายธรรมยุต และเป็นพระเถระอาวุโสแห่งเมืองหนองคาย แต่ท่านยังคงยึดแนวทางการครองตนตามแบบฉบับพระป่าในสายอีสานไว้อย่างเคร่งครัด
ด้วยการฝึกฝนอบรมจากหลวงปู่มั่น ปฏิปทาการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เหรียญจึงงดงามหมดจด อุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา
ทุกวันที่ 8 มกราคม คณะศิษยานุศิษย์จะร่วมกันจัดงานบุญใหญ่ที่วัดอรัญญบรรพต เพื่อสรงน้ำรับพร เป็นการแสดงกตัญญุตาคุณแด่หลวงปู่เหรียญ เป็นประจำเสมอมา ซึ่งจัดให้มีงานทำบุญ 2-3 วัน ประมาณ 7-8-9 ม.ค.ของทุกปี โดยบางปีขยับเลื่อนวันให้ตรงกับเสาร์อาทิตย์ เพื่อสะดวกในการเดินทางไปร่วมงานของศิษย์
ใบหน้าหลวงปู่จะมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่เสมอ ไม่เคยแสดงอากัปกิริยาเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าในการสนองศรัทธาญาติโยม
ประสบการณ์ทางธรรมที่หลวงปู่สั่งสมมา ล้วนถูกถ่ายทอดสู่บรรดาศิษย์ให้ประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อหนทางแห่งมรรคผลนิพพาน ด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
คำสอนและธรรมะของท่านเน้นให้พยายามควบคุมจิต อย่าให้หลงไปในอารมณ์ที่คิด นึก มาแต่ก่อน
"ชีวิตนี้จะอยู่เฉพาะลมหายใจเข้า หายใจออก อยู่ที่ปัจจุบันเท่านั้น ให้กำหนดจำกัดลง อนาคตยังไม่ได้ไปถึง มันก็ยังไปไม่ถึง ไม่ต้องไปคำนึงหา การงานอะไรที่ทำล่วงมาแล้ว ผิดหรือถูกมันได้ล่วงมาแล้ว ไม่ต้องไปคำนึงหา"
"เราต้องกำหนดรู้เฉพาะปัจจุบันเท่านั้น คือ การทำสมาธิ สำคัญอยู่ที่สติ ขอให้ได้จดจำเอาไว้ให้ดี สติแปลว่าความระลึกได้ คือระลึกเข้าไปในจิต อย่าให้มันระลึกเฉไปทางอื่น จิตที่ตั้งมั่นอยู่ไม่ได้เพราะมันขาดสติ หากสติไม่ได้เข้าไปควบคุมอยู่ใกล้ชิด สตินั้น จะระลึกออกไปทางอื่น ห่างออกไปจากจิต"
ขอให้สติมันเข้มแข็งเสียอย่างเดียว หายใจเข้ากำหนดรู้ หายใจออกกำหนดรู้ อยู่ในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าสอนให้กำหนดลมหายใจเข้าออก เพ่งกำหนดรู้แต่ลมหายใจเข้าออก ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ มันจะค่อยเบาไปๆ หมดไปโดยลำดับ
เพราะจิตไม่ส่งเสริม จิตมาคอยจ้องอยู่เฉพาะลมหายใจ แต่จิตไม่ส่งเสริมความคิดเสียแล้ว ทีนี้จะคิดดีคิดชั่วอย่างไร ในขณะปล่อยทิ้งไม่ใช่เวลาคิด เวลาสงบ เวลาเพ่ง เวลากำหนดรู้ ไม่ใช่เวลาคิด ให้มีสติเตือนจิตอย่างนี้เสมอไป จิตเมื่อถูกสติเตือนเข้าบ่อยๆ มันรู้ตัว รู้ตัวแล้วมันคลาย มันปล่อยวางอารมณ์ไม่ส่งเสริม ไม่คิดไม่ปรุงไปอีก
"เรื่องสมาธินี่ สำคัญมากทีเดียว เรื่องปัญหานั้นมันเกิดจากสมาธิ ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถจะทำสมาธิให้บังเกิดได้ ปัญญามันก็เกิดไม่ได้ ปัญญาในที่นี้หมายถึงปัญญาที่เกิดจากสมาธิ ปัญญาที่เกิดจากสมาธินี้เป็นปัญญาที่รู้แจ้งในธาตุสี่ ขันธ์ห้า ในนามในรูปไม่ปรารถนารู้อย่างอื่น"
กล่าวกันในหมู่ศิษย์ว่า หลวงปู่มักปรารภถึงความปรารถนาสูงสุด คือ อยากให้ประชาชนมีความสามัคคี คณะสงฆ์ไม่ว่าจะสังกัดใด ลัทธิมหายาน-เถรวาท หรือมหานิกาย-ธรรมยุต ขอให้มีความสามัคคีเข้าไว้ ร่วมมือร่วมใจกันเผยแผ่งานพระพุทธศาสนา สร้างสันติสุขให้บังเกิดแก่โลก
วันที่ 5 มิถุนายน 2548 ถือเป็นวาระแห่งความสูญเสียของชาวพุทธศาสนิกหนองคายและชาวไทยทั่วประเทศ
เมื่อหลวงปู่เหรียญได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุ 93 ปี 73 พรรษา
สร้างความอาลัยให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างยิ่ง
...................................................................
หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2548 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5309
http://www.matichon.co.th/
..................................................................
ที่มา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20708
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
sritoy
sritoy
ออฟไลน์
เครดิต
3631
22
#
โพสต์ 2014-4-24 19:20
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ชอบฟังเทศน์ขององค์ท่าน
ครับสาธุ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
23
#
โพสต์ 2014-4-25 21:06
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบหลวงปู่ครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
1
2
3
/ 3 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...