ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 30706
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงพ่อสงวน ธมฺมานนฺโท วัดไผ่พันมือ ~

[คัดลอกลิงก์]

หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

        
ประวัติ

หลวงพ่อสงวน ธมฺมานนฺโท หรือ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคหลังปี 2500 ที่มีชื่อเสียงด้านเมตตามหานิยม

ท่านสร้างวัตถุมงคลแจกฟรี (ไม่เคยให้เช่า-บูชา นอกจากงานสร้างศาลา) ไม่ว่าจะเป็นพระเนื้อผง ดิน เหรียญรูปเหมือน ภาพถ่าย ปลัดขิกไม้-ผง

นามเดิม นายสงวน นามสกุล ร่มโพธิ์ชี ชาตะ เมื่อปี พ.ศ. 2460 พื้นเพเป็นชาวบ้าน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี

เดิมสมัยเป็นฆราวาสวัยหนุ่ม ท่านมีนิสัยนักเลง เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ไม่ยอมคน ไม่กลัวใคร ท่านยังรู้จักและสนิมสนมกับเสือในสมัยก่อน เช่น เสือมเหศวร เป็นต้น (ภายหลังจากที่ท่านบวช เสือมเหศวรยังได้ไปมาหาสู่ ช่วยสร้างวัดไผ่พันมือ ตลอดจนแม้ท่านมรณภาพก็ยังมาเป็นประธานในงานฌาปนกิจ)

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 09:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อุปสมบท

ครั้งที่1
ราวปี 2470กว่าๆ ทางราชการเร่งปราบปรามบรรดาเสือและสมัครพรรคพวก หลวงพ่อสงวนเกรงว่าจะถูกทางราชการเพ่งเล็งว่าเป็นสมัครพรรคพวกบรรดาเสือ เมืองสุพรรณ จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดสังโฆษิตาราม อ.บางปลาม้า เมื่อราวปี พ.ศ.2480 โดยมีพระครูโฆสิตธรรมสาร หรือ หลวงพ่อครื้น อมโร เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังจากอุปสมบทได้ศึกษาอักขระเลขยันต์คาถาอาคม การเขียนผง-ลบผงอิทธิเจ จากหลวงพ่อครื้น และศึกษาพระปริยัติธรรมควบคู่ไปด้วยจนสอบได้นักธรรมเอก

ต่อมาย้ายไปจำพรรษาที่วัดองครักษ์ อ.บางปลาม้า ราว 4-5 พรรษา ชาวบ้านเลื่อมใสในปฎิปทาต้องการให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส แต่ท่านไม่ต้องการรับตำแหน่ง จึงปฏิเสธและย้ายมาอยู่วัดบ้างกร่าง อ.ศรีประจันต์ ในปี พ.ศ.2490 เป็นศิษย์พระเมธีธรรมสาร (ท่านเจ้าคุณไสว) ซึ่งท่านเจ้าคุณไสวรูปนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ชั้นแนวหน้าเมืองสุพรรณ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย อาทิ พระพรหมคุณาภรณ์ (ท่านเจ้าคุณประยุต ประยุตโต ) , พระครูโสภณสิทธิการ (หลวงพ่อสันต์ ) วัดเสือ , หลวงพ่อน่วม วัดโพธิ์ศรีเจริญ , หลวงพ่อทวี (พระปลัดทวี) วัดบ้านกร่าง เป็นต้น ต่อมาหลวงพ่อสงวนท่านได้ลาสิกขาออกมาในช่วงราวปี 2498 ที่วัดบ้านกร่างนี่เอง

ได้พบหญิงคนรัก มีครอบครัว บุตรและธิดา รวม 2 คน ชีวิตฆราวาสของท่านก็คงถือศีล นุ่งขาวห่มขาวมาตลอด และในช่วงปี พ.ศ.2500-2504 ท่านก็อาศัยอยู่ที่วัดห้วยสุวรรณวนาราม อ.ศรีประจันต์

ครั้งที่2
ต่อมาในปี พ.ศ.2505 ขณะอายุ 45 ปี ท่านก็ได้อุปสมบทอีกครั้ง ณ.พัทธสีมาวัดองครักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยสันนิษฐานว่า พระครูอุดมโชติวัตร (หลวงพ่ออรรถ) วัดองครักษ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้วจำพรรษาที่วัดทุ่งแฝกประมาณ 7 พรรษา และที่วัดทุ่งแฝกนี้เองท่านเริ่มสร้างเครื่องราง เป็นลูกอมเนื้อผงแจกแก่ชาวบ้านครั้งแรกในราวปี 2510 ซึ่งส่วนใหญ่จะตกอยู่กับเด็กๆ เพราะแรกๆชาวบ้านไม่ค่อยชอบลูกอม ว่ากันว่า แรกๆชาวบ้านชอบพูดสนุกปากว่า "ลูกอมท่านยังกับลูกกระสุนยิงนก ไม่น่าแขวนน่าเอาไปยิงนกมากกว่า"หลังจากที่เด็กๆแขวนลูกอมของท่าน แต่ถูกหมากัดไม่เข้า จึงเริ่มมีชาวบ้านมาขอลูกอมท่าน
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 09:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2512 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดไผ่พันมือ อ.ศรีประจันต์ ซึ่งขณะนั้นวัดไผ่พันมือเป็นป่าไผ่ มีต้นไม้ใหญ่มากมาย ต้องอาศัยชาวบ้านและพระเณรจากวัดองครักษ์ มาช่วยกันถากถางไม้ให้โล่งเตียน งูเหลือมก็มีมากมาย ขนาดที่ว่า งูชอบไปนอนขดในโบสถ์มหาอุตม์ที่วัด ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สร้างในสมัยอยุธยา คราวละหลายๆตัว และโบสถ์นี้ในปัจจุบัน พระเณรในวัดก็ยังคงใช้โบสถ์หลังนี้มาโดยตลอด (ไม่มีการสร้างโบสถ์ใหม่)

โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์มหาอุด คือ มีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก


แรกเริ่มที่ท่านมาจำวัดที่วัดไผ่พันมือ ท่านสร้างกระต๊อบหลังเล็กๆเพียงหลังเดียว อยู่ตามลำพัง ออกบิณฑบาตเช้าตรู่ด้วยเท้าเปล่าวันละ 5-6 กิโลเมตร วัดก็เป็นวัดร้าง ไม่มีพระเณรจำพรรษา แต่เพียงไม่กี่ปี ท่านก็สามารถสร้างวัดใหญ่มี กุฏิ ศาลาหลังใหญ่ได้อันเกิดจากศรัทธาชาวบ้านมีภิกษุสามเณรมาจำพรรษาที่วัดมาก ขึ้น


ท่านเป็นพระสมถะ น่ากราบไหว้ รวมตลอดจนเสียงร่ำลือจากประสบการณ์อภินิหารว่า ปลัดขิกและลูกอมท่านหมากัดไม่เข้า นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่อง เมตตามหานิยม ท่านเป็นพระที่ชอบดุบ่อยๆ แต่ชาวบ้านกลับไม่ถือสา แถมยังบอกว่า ถ้าท่านดุด่าว่าเมื่อไหร่เป็นได้โชคทุกครั้ง
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 09:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านเป็นพระที่ไม่เคยเอ่ยปากขอ ไม่เคยเรี่ยไร แต่แปลกที่ท่านมีลาภสักการะไม่เคยขาด ศิษย์ทราบว่าสร้างอะไรก็จะบอกต่อๆกันไป ในช่วงที่ท่านเริ่มสร้างหวดมนต์ มีเงินเพียง 600 บาท( สร้างหอสวดมนต์ ช่วงปี 2522 - 2524) นายจวง คหบดี ในแถบทุ่งแฝก เคยปวารณาขอถวาย 50,000 บาท ช่วยสร้างหอสวดมนต์ แต่เริ่มสร้างก็ไม่นำเงินมาถวายสักทีจนสร้างเสร็จถึงได้นำเงินมาถวาย หลวงพ่อก็ไม่ยอมรับว่า สร้างเสร็จแล้วไม่เอาแล้ว ไม่ว่านายจวงจะพูดอย่างไร หลวงพ่อก็ไม่ยอมรับเพราะสร้างเสร็จแล้ว จนนายจวงไม่ทราบจะทำอย่างไรเพราะท่านไม่ยอมรับเงินจึงขอสร้างกุฏิถวายวัด หลวงพ่อก็บอกว่า "ตามใจจะสร้างก็ตามใจ"นายจวงจึงได้สร้างกุฏิวัดหลังเล็กๆถวายวัด



หลวงพ่อสงวน ท่านเป็นผู้ที่อุทิศตนบุกเบิกสร้างวัดไผ่พันมือ โดยร่วมกับหลวงพ่อแกละ (สหธรรมิก) สร้างถาวรวัตถุภายในวัด หลวงพ่อแกละท่านชำนาญด้านดูดวง ส่วนหลวงพ่อสงวนชำนาญด้านรดน้ำมนต์ สะเดาะเคราะห์ ปัจจัยที่ได้ท่านทั้งสองจะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัดทั้งสิ้น เรียกได้ว่า พระเณรในยุคนั้นไม่มีอดอยาก แม้ในคราวที่ฝนตกฟ้าร้องไม่อาจออกไปบิณฑบาต ก็มีข้าวปลาอาหารฉันไม่อด



หลวงพ่อสงวนท่านเริ่มที่จะบูรณะวัดนี้โดยสร้างกุฏิไม้หลังเล็กๆขึ้นก่อน จากนั้นจึงสร้างศาลาหลังใหญ่ เมื่อราวปี 2526 ในการสร้างศาลาหลังใหญ่นี้ ได้มีการจัดสร้างเครื่องราง และพระเครื่องเนื้อผงเป็นจำนวนมากเพื่อแจกญาติโยมเป็นที่ระลึกในการร่วมทำ บุญสร้างศาลา ท่านสร้างพระเครื่องเนื้อผง โดยใช้มวลสารผงอิทธิเจที่ท่านปั้นและลบด้วยตัวเอง ตลอดจนดูแลการสร้างด้วยตัวเอง โดยให้พระเณรช่วยกันปั้นและกดพิมพ์พระ (มิใช่จ้างช่างไปทำตามโรงงานแบบที่แต่ละวัดทำในยุคหลังปี 2500) มีประสบการณ์อภินิหารมากมาย ทำให้มีลูกศิษย์นับถือท่านมากมายมาช่วยเหลือท่านสร้างวัดจนมีกุฏิ ศาลา หลังใหญ่
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 09:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระเครื่องท่านสร้างจากผงอิทธิเจ ซึ่งท่านเขียนและลบผงด้วยตัวท่านเองตลอดชีวิต ศิษย์และกรรมการในสมัยนั้นต่างทราบดี ว่างจากรับแขก ท่านก็จะเขียนและลบผงทั้งคืน โดยนำมวลสารมาปั้นเป็นแท่ง เขียนแล้วลบเป็นผง จากนั้นก็นำมาเขียนแล้วลบเป็นผง ทำแบบนี้ซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้งจนสำเร็จ จึงนำผงที่ได้มาผสมกับมวลสารอื่นๆอาทิ ว่าน ดินกรุ (ซึ่งบดละเอียด) เป็นต้น

เรื่อง ผงอิทธิเจ ของท่านขึ้นชื่อมาก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี เคยกล่าวว่า"อาจารย์สงวน ทำผงเก่ง"

ในสมัยนั้นวัดพิกุลทอง มีงานพุทธาภิเษกพระเครื่องเมื่อใด หลวงพ่อแพจะส่งรถมารับหลวงพ่อสงวนอยู่เสมอๆ

หลวงพ่อสงวนก็เคยกล่าวยกย่องให้ลูกๆหลานๆฟังเสมอว่า "หลวงพ่อแพ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก ผ่านไปสิงห์บุรีให้ไปกราบท่านให้ได้นะ"

หลวงพ่อสงวนมรณภาพ วันที่14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2536 สิริอายุ 76 ปี 30 พรรษา


ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ท่าน  ขอนำมาเผยแพร่เกียรติคุณหลวงพ่อเพื่อศึกษาต่อไปครับ

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 09:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
kittiphob
สาธุ ลูกอมผงอิทธิเจ ของ ลต.สงวน เป็นหนึ่งในมวลสารในการทำพระผงขุนแผนมะรุมมะตุ้ม 2 ด้วยครับ


กราบนมัสการครับ

ขอบพระคุณข้อมูลครับ
ประวัติหลวงพ่อสงวนวัดไผ่พันมือ




หลวงพ่อสงวน ธัมมานันโท
ชาตะ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๐
มรณะภาพ เมื่อวันที่ ๑๔ ก.พ ๒๕๓๖
หลวงพ่อเป็นคนสุพรรณบุรีโดยกำเนิด เกิดที่อำเภอบางปลาม้า ตั้งแต่เป็นเด็กท่านมีนิสัยนักเลง เด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ไม่ยอมคน ไม่กลัวใคร เข้าสู่วัยรุ่นได้คบหากับเพื่อนที่มีนิสัยคล้ายกันจนได้มารู้จักสนิมสนมกับเสือในสมัยก่อน อาทิ เสือมเหศวร เสือดำ เป็นต้น แต่ท่านมีอายุน้อยกว่าจึงคบหากันเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจนภายหลังท่านได้มาบวชเรียนครองผ้าเหลืองเสือมเหศวรยังคงได้ไปมาหาสู่กับท่าน ตลอดจนช่วยท่านสร้างวัดไผ่พันมือ จนกระทั่งท่านมรณภาพลงเสือมเหศวรก็ยังมาเป็นประธานในงานฌาปนกิจของท่าน




เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๗๐ กว่าๆทางการเร่งปราบปราม บรรดาเสือและสมัครพรรคพวก โยมบิดา มารดา เกรงจะถูกทางราชการเพ่งเล็งว่าเป็นสมัครพรรคพวกของเสือในจังหวัดสุพรรณบุรี โยมบิดา มารดาจึงขอให้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดองค์รักษ์ ซี่งมีหลวงพ่ออรรถ เป็นเจ้าอาวาส และได้รับทราบวิชาการสร้างลูกอมมาจากหลวงพ่ออรรถนี่เอง ลูกอมหลวงพ่ออรรถเป็นเนื้อเทียนชัย มีพระพุทธคุณทางด้านแคล้วคลาดป้อง กันสัตว์ร้ายเขี้ยวงา แม้กระทั่งฟ้าผ่า เป็นที่เลื่องลือและนิยมแสวงหาของคนในพื้นที่


จนเมื่ออายุครบบวช หลวงพ่อได้อุปสมบทที่วัดสังโฆษิตาราม เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๘๐ มีหลวงพ่อครื้น อมโร เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งต่อมาภายหลังหลวงพ่อสงวนท่านได้เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับอาจารย์ของท่าน ท่านนี้ให้ศิษย์ของท่านฟังมากมาย มักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประสบการณ์พิเศษที่ท่านเคยเห็นมากับตา อาธิ การเดินผ่านทะลุฝาผนังกุฏิ การเรียกหรือห้ามลม ฝน การปลุกเสกพระเครื่องรางฯ ฯลฯ






หลังจากบวชเป็นพระแล้วท่านได้เล่าเรียนธรรมะศึกษา พระปริยัติธรรมได้นักธรรมตรี-โท-เอก และอักขระเลขยันต์คาถาอาคม การเขียนผงลบผงอิทธิเจจากพระอุปัชฌาย์จนเชี่ยวชาญพร้อมๆกันนั้น ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อครื้น ด้วยหลังจากอุปสมบท ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดองครักษ์ อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี ราว ๔-๕ พรรษา ชาวบ้านเลื่อมใสในปฎิปทาต้องการให้ท่านเป็นเจ้าอาวาส แต่ท่านไม่รับตำแหน่ง หวังจะศึกษาวิชาคาถาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา จึงได้ย้ายไปอยู่ที่วัดบ้านกร่าง ในราวปี พ.ศ.๒๔๙๐ จนในที่สุดได้ลาสิขาบท เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ที่วัดบ้านกร่าง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี


จากนั้นจึงได้พบหญิงคนรัก มีครอบครัว บุตรและธิดา รวม ๒ คน ระหว่างที่ท่านได้ครองเรือนอยู่นั้น ท่านก็ยังไฝ่ในพระธรรม คงมาถือศีลปฏิบัติธรรมอยูที่วัดห้วยสุวรรณก่อนที่ท่านจะเข้าอุปสมบทอีกครั้งในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๕ บวชครั้งนี้ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งแฝก จำพรรษาที่วัดทุ่งแฝก ประมาณ ๖ - ๗ พรรษา ในช่วงนี้ท่านมีญาติโยมไปมาหาสู่ มาขอพึงบารมีท่านเป็นจำนวนมาก ท่านจึงเริ่มสร้างพระและเครื่องรางในราวปี พ.ศ.๒๕๑๐ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกอมเนื้อผงอิธิเจ แจกแก่ญาติโยม เป็นครั้งแรก แต่ส่วนมากจะแจกให้แก่เด็กๆ เพราะในสมัยนั้นชาวบ้านไม่ชอบลูกอมกัน เพราะยังไม่รู้จัก และยังไม่เห็นประสบการณ์



หลังจากที่เด็กๆแขวนลูกอมของท่านถูกหมากัดแต่ไม่เข้า จึงมีชาวบ้านที่รู้ข่าว เห็นประสบการณ์มาขอลูกอมท่านกันมากขึ้นๆ จนเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายเช่นปัจจุบัน
ราวปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ท่านจำพรรษาอยูที่วัดทุ่งแฝกได้ระยะหนึ่งเกิดขัดแย้งกันภายในวัด ท่านจึงได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดไผ่พันมือ หมู่ที่ ๖ ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งขณะนั้น เป็นวัดร้าง ท่านก็เริ่มสร้างกุฏิไม้หลังเล็กๆขึ้นและจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว ออกบิณฑบาตรทุกวันต้องเดินเท้าระยะทางไกลประมาณ ๕-๖ ก.ม ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ จึงจะทันชาวบ้านตักบาตร


ข้อมูลจากเว็บศิษย์หลวงพ่อสงวนครับ

ประสบการณ์ด้านมหานิยมสุดยอด เป็นพระที่สำเร็จวิชาเขียนผงอิทธิเจ ปถมัง ยุคใหม่ มือ 1 ขนาดหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ยังมาขอไปผสมผงสมเด็จแพพันอันลือลั่นเลยครับ        
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้