ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1533
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ธรรมะยู-เทิร์น : รู้จักจิตเจ้าของ

[คัดลอกลิงก์]
  คนเราพัฒนาได้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิต หรือตัวงาน แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ความคิดปรุงแต่งก็มีความสำคัญในการใช้ชีวิตและการทำงาน ไม่ใช่ไม่ต้องใช้ แต่ใช้ให้เป็น เหมือนรถก็ต้องมีเบรก เวลาเจออะไรกีดขวางข้างหน้าก็เบรก ความคิดก็เช่นกัน คิดได้ แต่ถ้าเป็นความคิดไม่ดี เราก็ต้องรู้จักเบรก เราไม่ต้องไปถามคนอื่นว่าคิดอย่างนี้ดีหรือไม่ดี แต่เราพิจารณาเองได้ ว่าความคิดไหนทำให้เราทุกข์ ความคิดนั้นก็ไม่ดี
                                 เพราะไม่มีใครรับผิดชอบความคิด หรือจิตใจของเราเท่ากับตัวเราเอง ไม่งั้นพระพุทธเจ้าจะตรัสหรือว่า จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้ ตรงกันข้ามกับจิตที่ยังไม่ได้ฝึก ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยก็นำทุกข์มาให้ ต้องคิดให้ได้ว่าถ้าเรายังไม่ได้ฝึกจิตของเราให้ทวนกระแสกิเลสให้ได้ วันหนึ่งถ้าล้มแล้วไม่ลุกจะทำอย่างไร หากวันนี้ยังล้มแล้วลุกได้ก็ยังดี

                                 การที่เราล้มและยังมีโอกาสลุกนั้นดีเพียงใด โปรดตรองดู หากความตายมาถึงก่อนล่ะ เราเคยคิดถึงความตายกันบ้างไหม

                                 เราเคยขังตัวเอง หมายความว่า ไม่ยุ่งกับใคร ไม่พูด ไม่คุยกับใครเป็นเดือน ให้จิตมันดิ้นรนอยู่ข้างในนี่แหละ ลองฝึกดูสิ บอกตัวเอง เพราะถ้าจิตเรายังไม่ได้ฝึกหัด ถูกตามใจไปเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งพอกพูนกิเลสไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจิตมีหลักมีเกณฑ์มีที่ยึด มีที่เกาะแล้ว ก็ไม่มีปัญหา เหมือนคนมีที่พัก ถึงเวลาก็ไปพัก ก็เป็นสุข สบาย ให้ความรื่นรมย์ ไม่เป็นทุกข์มาก ต่างกับคนที่ไม่มีที่พัก

                                 เพียงแค่ที่นอนก็นำมาพิจารณาได้ คนหนึ่งไปเที่ยว ไปทำงาน ไปโน่นมานี่ ถึงเวลาก็กลับบ้านหรือมีที่พักใช่ไหม ลองไม่มีที่นอนดูสักคืนสิ เห็นไหม บางคนต้องนอนอยู่ข้างถนน ข้างทาง หรือสวนสาธารณะก็ตามแต่ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่เหมือนบ้าน ไม่เหมือนที่พักจริงๆ ของเราที่ตั้งใจจะพัก นั่นคือที่พักของร่างกาย ไม่ต่างกันกับจิตใจ เพียงแต่ร่างกายพักที่ไหนก็ได้ แต่จิตใจก็จะละเอียดเข้าไปอีก

                                 ทุกข์กายให้มันทุกข์ไปเถอะ ไม่เป็นไร แต่ขอให้จิตใจมันไม่ทุกข์ เหมือนครูบาอาจารย์ เหมือนพระที่ไปศึกษาปฏิบัติธรรม กลางดงกลางป่าท่านก็ว่าพักได้ ถามว่าทุกข์ไหม ทุกข์ แต่สิ่งที่ท่านหาก็คือความสุขทางด้านจิตใจ จนมีที่พักของจิตใจก็คือสติ สมาธิ และปัญญา  

                                 การจะทำความรู้จักจิต ก็เช่นเดียวกับการเริ่มงานใหม่ หากเราไม่เคยฝึก เราก็มองไม่เห็น แต่ให้หันมามองว่า เรามีกิเลสไหม มีกิเลสครอบจิตใจทั้งนั้น อยู่ที่ว่า เราจะสู้กับมันไหม ตอนแรกก็ต้องรับใช้กิเลสเขาก่อน

                                 เช่นว่า หลงในความดี ก็ให้มันหลงไป แต่มันก็ยังเป็นอวิชชาอยู่นะ แต่ให้รู้ว่าเราหลงดีก็แล้วกัน ขนาดดีก็ยังเป็นอวิชชาแล้วจะว่ายังไง เพียงแต่ว่ามันดี เท่านั้นเอง แต่พอเข้าไปถึงตัวจิตใจจริงๆ จะเข้าใจเองว่ามันเหนือดี และเหนือไม่ดี ได้  

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้