|
ตำนาน ดวงพิชัยสงคราม
ควรวาง "ดวงพิไชยสงคราม"ไว้บนที่สูง แต่ไม่ควรวางไว้ใต้ฐานพระพุทธรูป หรือวางโดยมีวัตถุกดทับ
เนื่องเพราะในดวงพิไชยสงครามนี้ มีภาพพระพุทธพิมพ์ปางโปรดพญาชมพูบดี หรือ ปางบรมจักรพรรติราชาธิราช เป็นประธานอยู่แล้ว จึงไม่สมควรวางพระพุทธฉายา ทั้ง ๒ แบบ ๒ องค์คร่อมซ้อนกัน อันเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่ง การที่มีวัตถุหนักกดทับอยู่ อุปมาเหมือนชีวิตท่าน ถูกกดดัน ตลอดเวลาด้วย
ตำนานดวงพิชัยสงคราม
นานมาแล้วันเวลาได้ล่วงมาจนถึงครั้งหนึ่ง บ้านเมืองได้เกิดความระส่ำระส่ายด้วยข้าวยากหมากแพงเพราะดินฟ้าอากาศวิปริต ฝนไม่ต้องตามฤดูกาล ประชาชนพลเมืองได้รับความเดือดร้อนอดอยากถึงกับต้องปล้นสะดมกันกิน
ในการครั้งนั้น ทางฝ่ายข้าศึกเคลื่อนกำลังทัพมาประชิดเมืองไว้ ในยามนั้นก็ก่อความประหวั่นพรั่นกลัวแก่บรรดาประชาชนพลเมืองและเสนาข้า ราชการเป็นยิ่งนัก
ความเห็นส่วนใหญ่ลงมติว่าควรจะยอมแพ้แก้ข้าศึกเสียดี กว่า เพื่อจะได้ถนอมชีวิตข้าคนพลเมืองเอาไว้ แต่ทว่าทางฝ่ายทหารส่วนใหญ่ยังมีหัวใจเปี่ยมด้วยเลือดและวิญญาณของนักรบที่ หยิ่งในศักดิ์ศรีและมีความหวงแหนอธิปไตยชาติบ้านเมือง ฝ่ายทหารจึงต่างพากันคัดค้านความเห็นไม่ควรยอมแพ้แก่ข้าศึกอย่างแข็งขัน โดยทหารทุกคนยินดีจะยอมตาย ยึดถืออุดมคติว่า "ตัวตายดีกว่าชาติตาย"
องค์พระประมุขทรงเห็นชอบและสนับสนุนความคิดเห็นทางฝ่ายทหารและเพื่อเป็น การบำรุงขวัญทหาร พระองค์ได้ทรงมีพระราชโองการให้โหรจัดทำดวงชาติให้แก่แม่ทัพนายกองที่จะต้อง ทำหน้าที่คุมกำลังป้องกันชาติบ้านเมืองในครั้งสำคัญนี้ ทุกคนรักษาบูชาไว้ในพระนครซึ่งนิยมกันว่าศักดิ์สิทธ์และเป็นของสูงคู่ควร บูชาไว้แต่เฉพาะพระมหากษัตริย์
การรบได้ดำเนินไปในสภาพที่ด้อยกว่าข้าศึกทั้งกำลังคนและกำลังอาวุธ ผลจึงปรากฏว่า ในการประจัญบานแต่ละครั้ง ทหารหาญที่มีน้อยอยู่แล้วยิ่งลดน้อยถอยตัวลงไปอีกทุกครั้ง เพราะถูกลิดรอนทำลายลงด้วยกำลังของข้าศึกที่มีเหนือกว่าอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งความหวังที่พอมีอยู่บ้างในตอนต้นก็ทลายหายไปหมด ทหารทุกคนทุกหัวใจต่างก็มีแต่ความทอดอาลัยและรอคอยแต่ว่าเมื่อไรข้าศึกจะโหม กำลังเข้ามาบดขยี้ ทำลายให้สิ้นชาติสิ้นความเป็นไทยไปเท่านั้น
ครั้งแล้ว ก่อนนาทีสุดท้ายจะมาถึง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดถึงก็ได้ปรากฏถึงเสียก่อนนั่นคือ เกิดความวิปริตท้องฟ้าและอากาศเกิดมหาวาตะอย่างรุนแรง พร้อมกับมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ติดต่อกันอยู่ถึงสามวันสามคืน จนกระทั่งน้ำเอ่อท่วมท้นสูงถึงคอหอย
เมื่อพายุและฝนสงบลงแล้ว ต่างคนต่างก็ได้เห็นภาพที่ไม่คเยคิดว่าจะได้เห็นก่อนแต่อย่างใด ภาพนั้นคือภาพค่ายทหารของข้าศึกพินาศภินทนาการไปหมด ด้วยอำนาจของลมพายุและกระแสน้ำ ช้าง ม้า และเหล่าทหารก็พลอยสูญชีวิตไปด้วยเป็นจำนวนมาก ที่ยังเหลือชีวิตก็อยู่ได้แต่ตะเกียกตะกายเพื่อให้รอดพ้นได้เพียงแต่ตัวไม่ มีใครมีกะจิตกะใจจะรบเอาชัยต่อไปหรือคิดห่วงใยอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่จมหายอยู่ ภายใต้น้ำอีกเลย...
ในการที่บ้านเมืองรอดพ้นจากเงื้อมมือข้าศึกมาได้อย่างปาฏิหารย์พร้อมด้วย แม่ทัพนายกองและทหารประสพชัยชนะอย่างอัศจรรย์ ทางฝ่ายข้าศึกก็ประสพความพิบัติกลับไปอย่างยับเยินในครั้งนั้น.
ฉะนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือกันว่า เนื่องจากอานุภาพแห่งการปฏิบัติบูชาดวงชาตาที่คำนวณบรรจุไว้ในมหายันต์พุทธ มนต์นั้นโดยแท้ พระมหากษัติรยิ์ได้ทรงถือเอาเหตุมงคลครั้งนั้นมาพระราชทานนามแก่ดวงชาตานี้ ว่า...
"ดวงพิชัยสงคราม"
นับแต่กาลครั้งนั้นมา ดวงพิชัยสงครามก็เป็นสิ่งที่ปรารถนาที่ต่างคนต่างก็พยายามขวนขวายหากัน เพื่อเอาไว้บูชาเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง อันที่เชื่อถือกันว่ามีอิทธิพลทั้งในเมตตามหานิยมและทางป้องกันภยันตรายต่าง ๆ แก่เจ้าชาตาผู้ยึดมั่นในการปฏิบัติบูชา
ดวงพิชัยสงครามนี้อันมีความหมายว่าดวงชนะศึกแต่ดั้งเดิมมานิยมกันว่าเป็น ของสูงที่คู่ควรแต่เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้นและเปนที่รู้จักกันดีแต่ เฉพาะวงในคือในกรมโหรหลวงและในพระบรมมหาราชวังเท่านั้น
แต่เดิมทีดวงพิชัยสงครามนี้ท่านว่าหาได้มีชื่อดังที่เรียกขานกันเช่นใน ปัจจุบันนี้ไม่ ที่มีชื่อเรียกว่าดวงพิชัยสงครามมาจากตำนานดังกล่าว
หากดูกันเผิน ๆ จะเห็นว่ามีลักษณะเหมือนยันต์อันศักดิ์สิทธ์ทางไสยศาสตร์ เนื่องจากพฤฒาโหราจารย์ผู้แตกฉานเชี่ยวชาญในศาสตร์ท้งสามคือ พุทธศาสตร์ ไสยศาสตร์ และ โหราศาสตร์ ได้กำหนดรูปดวงชาตานี้ขึ้น โดยการนำเอาพุทธมนต์มาใช้เป็นพระคาถากำบังดวงชาตาไว้
ดวงพิชัยสงคราม...คือดวงชะตาที่ถูกผูกขึ้นอย่างละเอียด ที่สุดแบบจักรราศีซึ่งดวงพิชัยสงครามนี้อาจจะเป็นดวงชะตาของบุคคลหรือดวง ฤกษ์ในการกระทำการต่างๆอย่างใดอย่างหนึ่งได้ในสมัยก่อนนั้นผู้ที่จะมีดวง พิชัยสงครามได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลระดับชั้นแม่ทัพหรือเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ขึ้นไปตลอดจนกระทั่งระดับพระมหากษัตริย์สามัญชนธรรมดาหาอาจมีดวงพิชัยสงคราม ได้ไม่ เพราะดวงนี้จะหาคนผูกเป็นได้ยากมากอีกทั้งใช้เวลาในการคำนวณมาก ระดับโหรชั้นอาจารย์ยังต้องใช้เวลาในการคำนวณถึง ๗วันจึงจะสำเร็จดังนั้นจึงจะค่อนข้างหาผู้ที่มีดวงพิชัยสงครามได้ยากมากใน ปัจจุบัน
ลักษณะของดวงพิชัยสงคราม
การผูกดวงพิชัยสงครามตามรูปด้านล่างมีหลักในการผูกดังต่อไปนี้..
๑ .กำหนดให้ดวงราศีจักรอยู่กึ่งกลางยันต์พิชัยสงครามด้านบนของกระดาษใต้พระพุทธฉาย
๒.ใต้ยันต์พิชัยสงคราม จัดเป็นยันต์รูปบัลลังก์ อยู่กลางกระดาษและทำเป็นยันต์ลดหลั่นกันลงมา ๕ ชั้น
๓.เบื้อง ซ้ายชั้นล่างสุด ของยันต์รูปบัลลังก์เป็นหลักอินทภาส เบื้องขวาเป็นหลักบาทจันทร์ซึ่งหลักทั้งสองนี้โบราณยกย่องว่ามีความสำคัญสูง ท่านจึงให้สถิตย์ภายใต้เศวตฉัตร
๔.กรอบของยันต์พิชัยสงครามมีพระคาถาพระเจ้าสิบหกทิศปิดไว้ทุกทิศ
๑.ยันต์พิชัยสงครามทำล้อมกรอบดวงราศีจักร เพื่อให้คุ้มครองดวงชะตา มิให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาแพ้วพานได้พระคาถาที่บรรจุในยันต์พิชัยสงครามนี้
ก็ คือ "พระอิติปิโสย่างตาม้า" และสำหรับทิศแม่ธาตุทั้งสี่ของดวงพิชัยสงคราม อันได้แก่ทวารทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลมไฟ จะมีคาถา นะ มะ พะ ทะ ปิดไว้
ส่วน ตามมุมต่างๆของดวงพิชัยสงครามเฉพาะที่ยันต์พิชัยสงครามมีช่องโหว่อยู่ ๑๖ ช่องก็ได้บรรจุพระคาถาพระเจ้าสิบหกทิศปิดไว้ทุกช่องโดยพระ
คาถาดังกล่าวนี้คือ "นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง"
๒.พระอิติปิโสแปดทิศกรอบนอกของดวงพิชัยสงครามได้บรรจุสิ่งศักสิทธิ์ ป้องกันภัยพิบัติไว้ทั้งแปดทิศด้วยกันซึ่งก็คือพระคาถาอิติปิโสแปดทิศ
๓.พระคาถาอื่นๆนอกจากพระคาถาดังกล่าวแล้วในดวงพิชัยสงครามยังอาจจะบรรจุพระคาถาอื่นๆลงไปได้อีกเช่นพระนวหรคุณเก้า, หัวใจพระอภิ
ธรรมหรือพระธรรมเจ็ดคัมภีร์, พุทธรักษา, ธรรมรักษา, สังฆรักษา, ปิตารักษาและอินทรักษา, พรหมรักษา, เทวดารักษา, มาตารักษาเป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการจัดสร้างดวงพิชัยสงครามขึ้นมาดวงหนึ่งนั้นจะต้องใช้เวลา และความรู้ความสามารถเป็นอย่างสูงอีกทั้งเมื่อพิจารณาถึงพระคาถาที่จารึกใน ดวงพิชัยสงครามจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าดวงพิชัยสงครามจัดสร้างขึ้นเพื่อ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ทำหน้าที่คุ้มครองรักษาเจ้าของดวงชะตาให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันอันตรายต่างๆดังนั้นถ้าผู้ใดมีดวงพิชัยสงครามเป็นของตัวเองก็ จงหมั่นบูชาและภาวนาตามคาถาด้านล่างนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง...
พระคาถาบูชาดวงพิชัยสงคราม
(ตั้งนะโม ๓ จบ)
"นะโม เม สัพพะเทวานัง สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง สุริยัญ จะ ปะมุญจะถะ ศศิ ภุมโมจะเทวานัง วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ ชีโว ศุกะโร จะ มหาลาภัง โสโร ราหูเกตุ จะมหาลาภัง สัพพะภะยัง วินาสสันติ สัพพะทุกขัง วินาสสันติ สัพพะโรคัง วินาสสันติ ลักขะณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา สัพพะเทวามัง ปาละยันตุ สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะ วันตุ เมฯ"
|
|