ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงพ่อพรหม ติสสฺเทโว วัดขนอนเหนือ ~

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-20 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประสบการณ์จริงอีกเรื่องของเหรียญนารายณ์ ปี 09 เด็กชายลูกของชาวบ้านที่ได้รับแจกเหรียญได้แขวนติดตัวและออกต้อนควายไปเลี้ยงตามปกติ แต่วันที่เกิดเหตุนั้นฝนตกหนักขณะต้อนควายกลับบ้านอย่างเร่งรีบ สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ฟ้าฝ่าตรงลงมายังจุดที่เด็กชายและฝูงควายอยู่นั้น สิ้นเสียงฟ้า ชาวนาใกล้ๆที่เห็นเหตุการณ์ต่างรีบเข้าช่วยเหลือ จึงพบว่าที่ร่างของเด็กชายนั้นมีเข็มขัดนักเรียน หัวลูกเสือเนื้อทองเหลือง ซึ่งเด็กชายใช้อยู่ประจำเป็นชนวนล่อฟ้า ส่วนหัวเข็มขัดนั้นถูกหลอมละลาย คงเหลือเพียงสายเข็มขัดติดอยู่ ส่วนเด็กชายมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เป็นเรื่องเล่าที่เหลือเชื่อ ให้โจษขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญหลวงพ่อพรหมอีกครั้ง และยังมีประสบการณ์ความแคล้วคลาดจากลูกศิษย์อีกมากความศักดิ์สิทธิ์มิใช่เพียงเฉพาะเหรียญนารายณ์ ปี 09 เท่านั้น อีกเหรียญที่เด่นในประสบการณ์คือเหรียญ "หนุมานออกศึก"เด่นอย่างไรนั้น ย้อนไป ปี 2524 หลวงพ่อพรหม ครบอายุ 68 ปี ถือว่าเป็นรอบของนักษัตร ปีวอก เข้ารักษาดวงชะตา มีพญาวานรเป็นใหญ่ ท่านจึงได้จัดสร้างเหรียญหนุมานออกศึก เป็นเหรียญรุ่นแรกในรูปแบบหนุมาน ตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมาจาก ล.พ.อ่ำ วัดวงฆ้อง และ ล.พ.ขัน วัดนกกระจาบ ลักษณะเป็นเหรียญเสมาใหญ่ ด้านหน้าเป็นรูป ล.พ.พรหม เต็มองค์ ล้อมด้วยอักขระยันต์ ด้านหลังเป็นรูปหนุมาน กำลังแผลงฤทธิ์ หรือทรงฤทธิ์ มี 10 กร ทรงอาวุธ ล้อมด้วยเชือกพิรอด 9 หัว มีประสบการณ์โชกโชนเช่นกันแต่จะนำมาเล่าเพียงแต่เฉพาะเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ เรื่องมีอยู่ว่า ในยุคนั้นตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มักเกิดการปะทะกันขึ้นเป็นประจำ ทหารอาสาชาวบ้านกรดท่านหนึ่งได้เข้ากราบล.พ.พรหม และได้ขอวัตถุมงคลเพื่อนำติดตัว ก่อนเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ล.พ.พรหม ได้หยิบเหรียญ หนุมานออกศึกที่จัดสร้างขึ้นในปีนั้นพร้อมเชือกคล้องคอให้ ทหารอาสาท่านนี้ได้เดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่เป็นปรกติ กระทั่งวันหนึ่งขณะที่ออกลาดตระเวนทหารอาสาท่านนี้และหน่วยลาดตระเวนได้เกิดการปะทะกันกับทหารกัมพูชา ทหารอาสาถูกกระสุนปืนเอ็ม 16 สาดเข้าใส่ร่างเต็มๆต่อหน้าเพื่อนทหารด้วยกัน เหตุการณ์ปะทะกันสงบลงด้วยฝ่ายตรงข้ามล่าถอยไป หน่วยลาดตระเวนต่างช่วยกันเคลียร์พื้นที่ แต่กับไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด ทั้งทหารอาสาก็หามีร่องรอยของกระสุนปืนสักนิดไม่ สร้างความประหลาดใจแก่เพื่อนทหารด้วยกัน ทหารอาสาได้เล่าถึงเหรียญหนุมานอออศึกที่มีติดตัวเพียงเหรียญเดียวของล.พ.พรหมให้ฟัง ทหารหลายร้อยนายจึงพากันเข้ากราบ ล.พ. พรหม เพื่อขอวัตถุมงคลจากท่าน ล.พ.ได้แจกเหรียญหนุมานออกศึกให้แก่ทหารที่มาทุกคน เมื่อกลับไปปฏบัติหน้าที่ และทุกครั้งที่เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายๆที่ได้รับความเสียหายมากจะเป็นฝ่ายตรงข้ามเสมอ ส่วนฝ่ายเรากับไม่พบแม้แต่รอยฟกซ้ำ จึงเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้แก่ทหารในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป วัตถุมงคลของหลวงพ่อทุกรุ่นที่ท่านปลุกเสก หากผู้ใดได้มีติดตัวไว้ผู้นั้นถือว่าได้ครอบครองของดีที่หายากจริงๆ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-20 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ประสบการณ์ วัตถุมงคลของท่านล้วนมีประสบการณ์ แคล้วคลาด คงกระพัน ทั้งสิ้น เป็นที่โจษขานกัน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน อย่างกว้างขวาง  ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ เหรียญที่ทำให้คนรู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อมากคือ เหรียญนารายณ์ทรงศาสตราวุธ เหรียญหนุมานออกศึก เหรียญยันต์เก้ายอดหรือเรียกว่ายันต์ครู  เพราะจัดสร้างน้อยและหายาก  เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องเล่า จากผู้ใช้ย่างโชกโชน
คำกล่าวนี้ผู้เขียนมิได้กล่าวอ้างขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย แต่ได้รับฟังจากพระอาจารย์สาท(โม่ง) ธรรมโชติ วัดขนอนเหนือ  ผู้มีศักดิ์เป็นศิษย์และหลานชายแท้ ๆ ของหลวงพ่อพรหม

ในช่วงปี พ.ศ. 2527-2533 กลิ่นแห่งความเข้มขลังทางอยู่ยงคงกระพันของหลวงพ่อ ช่างหอมหวนชวนใจ(ลูกผู้ชาย)เกินกว่าพระอาจารย์รูปใดในอยุธยา ทำให้ผู้เขียนต้องไปกราบนมัสการท่านตามประสาคนหนุ่มวัยฉกรรจ์ ที่นิยมความคงกระพันเสาะหาครูอาจารย์ผู้ทรงคุณ ไว้คุ้มครองชีวิตร่างกาย ความอ่อนน้อมถ่อมตนและรอยยิ้มแห่งความเมตตาของท่าน ยังติดตรึงใจผู้เขียนมาจนทุกวันนี้ ผิดแผกแตกต่างจากอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรงที่ล้วนประกาศศักดาเดชานุภาพ อวดอ้างฤทธิ์เกินองค์พระศาสดา ดุจเทพยดาลงมาเกิดก็ไม่ปาน สุดท้ายเห็นหอบเงินหนีสึกไปมีเมียมีลูกกันเสียนักต่อนัก

ชื่อเสียงของท่านโด่งดังตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2500 ยันต์พระนารายณ์,พระ บุตร-ลบ, ราชสีห์, หนุมานดันปฐพี ถูกถ่ายทอดผ่านปลายเข็มสักสู่เนื้อหนังลูกผู้ชายชาวอยุธยาคนแล้วคนเล่า ผู้ผ่านศึกมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ คมศัสตราวุธนานาหาได้ชำแรกผ่านผิวกายไม่
เพื่อนของผู้เขียนเคยโดนรุมกินโต๊ะขนาด 10 ต่อ 1 สารพัดอาวุธทั้งมีด, ไม้, เก้าอี้, ขวดเบียร์ รุมประเคนใส่อย่างไม่บันยะบันยัง หาได้ทำให้เพื่อนผู้เขียนทรุดลงไปกองกับพื้นไม่ กลับยิ่งทำให้เกิดพละกำลังมหาศาลเข้าประจัญบาน จนฝ่ายตรงข้ามแตกกระเจิงวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เสื้อกางเกงขาดวิ่นเต็มไปด้วยเลือด เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดกลับไม่พบบาดแผลเลยสักนิด ปรากฏว่าเป็นเลือดจากรอยแผลของฝ่ายตรงข้ามที่เพื่อนผู้เขียนฝากไว้เป็นอนุสรณ์
เล่ากันว่าก่อนที่เสือขาวจะพาพวกปล้นตลาดท่าเรือนั้น (ปิดตลาดปล้นปี 08) ได้มาขอผ้าขอดจากหลวงพ่อ (มีอานุภาพคุ้มครองบริวารได้ 7 คน) จนสามารถหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-20 15:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สัตว์โลกทั้งหลายล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่ง “ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา” และตัวท่านเองก็ถึงเวลาทำกาลกิริยาลาลับโลกไป สังขารร่างกายแกร่งเป็น-นนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงแก้ว คงทิ้งไว้แต่ม- ทธิฤทธิ์แห่งยันต์พระนารายณ์อันเกรียงไกรขจรขจายไปทั่วแผ่นดินอยุธยา วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่เสียงที่ยังก้องอยู่ในหัวใจคนอยุธยา คือคำพูดที่ว่า “กรุงศรีอยุธยา ไม่เคยสิ้นคนดี” วลีนี้ยังมีมนต์ขลัง
สมัยหนุ่มท่านออกนักเลง ใครๆก็รู้จัก เคยไปขอเชือกคาดจากหลวงพ่อ ขัน หลวงพ่อ ขันเดินเข้าข้างฝา เอามือคว้าอากาศข้างฝาโล่งๆ ได้เชือกคาดมาเ-หนึ่ง หลวงพ่อพรหม ทึ่งมากนี่อาจเป็นสาเหตุที่เกิดเรื่องคล้ายๆกันนี้ และคล้ายกับหลวงพ่อ เทียนวัดโบสถ์ คือมีคนมาขอพระจากหลวงพ่อ ท่านเอามือตบๆคลำๆ อาสนะพักหนึ่งแล้วก็ล้วงเอาพระใต้ที่นั่งมาทีละองค์ ถ้ายังไม่ถึงใจ ศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อ เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งนั่งรถผ่านแถววัดในระยะที่หลวงพ่อ ไม่มีทางเห็นได้เลย ในรถหลายคนพากันยกมือไหว้มาทางวัดเพื่อไหว้หลวงพ่อ แต่ไม่ได้จอดแวะแ-่างใด เจอหน้าหลวงพ่อ ถามท่านว่า "หลวงพ่อ รู้มั้ยอาทิตย์ที่แล้ว พวกผมทำอะไร"  จะอะไร พวก-ยกมือไหว้-คนละทีแล้วก็ไป
อีกครั้งอยู่ทางไกลต้องกลับบ้าน แต่ไม่เหลือเงินพอนั่งรถทัวร์หวานเย็น จับพระระลึกถึงท่านแล้วขอว่าอย่าให้กระเป๋ามาเก็บเงิน กระเป๋าเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบไม่เรียกเก็บเงินเลย พอเจอหน้ายังไม่ทันจะกราบ ท่านชิงพูดว่า "เรื่องเงิน -ช่วย-ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"
ยังไม่พอ อีกครั้งหนึ่งเอาพระบูชาของวัดดังมากๆ องค์หนึ่งใส่กระเป๋า ไปให้ท่านเสกเพิ่ม
พอกราบเสร็จท่านพูดเลยว่า "เอาพระบูชาไปไว้ในห้อง ของเค้าก็ทำมาดีแล้วนี่หว่า แน่ะ พระยิ้มซะด้วยนะ" และพระองค์นั้นยิ้มละมัยจริงๆ โดยที่มองจากภายนอกจะไม่มีทางรู้เลยว่าข้างในใส่อะไร
หลวงพ่อ ยังมีอีกหลายเรื่องแปลกๆ แต่คงไม่จำเป็นต้องเล่ามาก หลวงปู่สีวัดสะแก ซึ่งท่านเก่งมากๆ ยังชมว่า "ในอยุธยา(ยุค)นี้ เรื่องคงกระพันไม่มีใครเกิน(ท่านพรหม)"

ฟังคำบอกเล่ายังไม่เท่าไหร่ เรื่องจริงจากศิษย์คนเดิมคือ คนห้อยเหรียญหลวงพ่อ ทำงานง่วงๆ โดนเครื่องตัดกระดาษโรงพิมพ์ หนีบแขนเข้าไปจนเครื่องค้าง คมขนาดไหน ไม่มีใครคิดว่าจะได้แขนปกติเหมือนเดิม พอถอดเครื่อง งัดกันออกมาแล้ว มีแค่รอยถลอก เหรียญหลวงพ่อ ถ้าไปแถวนั้นเท่าไหร่ก็ไม่พอแจก ตอนแรกห้อยไปอย่างนั้นตอนนี้ลองขอเช่าสิ ไม่มีทาง รุ่นไหนไม่บอก เดี๋ยวจะแพงเกิน
ของดีของหลวงพ่อที่คนแสวงหาคือ เหรียญในรูปแบบต่าง  ๆ เหรียญรุ่นแรก  นารายณ์ 1 นารายณ์ 2 นารายณ์ทรงเมือง หนุมานออกศึก  ตะกรุดโทนเก้ายอด ตะกรุดโทนนารายณ์ศาสตราวุธ โสฬสมงคล  แหวนปลอกมีด และนกสาลิกา วิชาดังๆก็หนุมาน เป็นต้น มีคนกล้าถามท่านว่า "หลวงพ่อ ต้องกลับมาเกิดอีกมั้ย" ท่านมองหน้าแล้วส่ายศีรษะ แบบนี้เราควรกราบท่านไหมครับ
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-20 15:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อพรหมท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่ไม่ทำแบบสุกเอาเผากิน วัตถุมงคลของท่านๆจะทำพิธีด้วยตัวท่านเอง ท่านบอกว่า “ได้ทำทั้งทีเมื่อมีดีแล้วต้องทำให้ดีที่สุด” จะได้บังเกิดผลกับผู้ใช้จริง ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อพรหมเมื่อได้นิมนต์ไปในงาน พิธีพุทธาภิเษก ส่วนใหญ่ท่านจะได้เป็นผู้จุดเทียนชัย หรือไม่ก็ ดับเทียนชัย และมักอยู่ในลำดับต้นๆเสมอการนั่งปรกของท่านไม่มีการหยุดพักแต่อย่างใด ท่านจะนั่งรวดเดียวจึงถอนอารมณ์ออก ทั้งยังสำรวมกิริยาอ่อนน้อมต่อพระผู้ใหญ่จึงได้รับคำชมจากพระผู้ปฏิบัติดีหลายรูปด้วยกัน เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเกษม เขมโก หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ล้วนชื่นชมในลักษณะเดียวกันว่า “ท่านเก่งและมีดีจริง” หลวงพ่อพรหมท่านได้สร้างเสนาสนะภายในวัดขนอนเหนือไว้มากมาย ทั้งนำปัจจัยช่วยเหลือโรงเรียนและสาธารณะประโยชน์เช่น งานสร้างสะพานคอนกรีตเป็นต้น

ยันต์ที่ศิษย์วัดขนอนเหนือตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่นิยมสัก
ยันต์ครู ของ วัดขนอนเหนือ คือ ยันต์เก้ายอด ที่มีคาถาเป็นหัวใจต่างๆกำกับ 3 แถว  เมื่อก่อนหลวงพ่อพรหม สักให้จนสุดท้าย ตำรวจต้องมาขอให้เลิก  ท่านจึงไปสร้างเหรียญที่มียันต์ครู ตำรวจก็ต้องมาขออีกให้ท่านใช้ยันต์ตัวอื่นลงแทน
ยันต์ตัวที่ 2 ที่ต้องสักก็คือ ยันต์เพชรกลับ 2 ตัว เพื่อให้ไปไหนก็ตาม ต้องกลับมาตายที่บ้าน
ยันต์ตัวที่ 3 ที่ลงก็มีให้เลือก พระนารายณ์ ต้องลงกลางหลังเท่านั้น
ยันต์ตัวที่ 4 หนุมานเบิกบาดาล
ยันต์ตัวที่ 5 สิงนพเกล้า
ยันต์ตัวที่ 6 พระบุตร พระลบ ต้องลงตำแหน่งที่ลูบได้ เพื่อทำการปลุก ได้แก่ หัวไหล่ หลังด้านบน สีข้าง 2 ข้าง ยันต์ตัวนี้ หลวงพ่อขัน ได้สักให้กับ เสด็จเตี่ย ด้วยนะครับ
ยันต์พิเศษ สักที่ต้นขา และนะวิเศษต่าง ๆ ที่จะพอลงไปได้ และจะมีนาคเกี้ยวอีก 2 ข้าง ซ้ายขวาของหัวไหล่
ลงครบหมดแล้วต้องมีล้อมด้วยอักขระด้วยกันถึง 3 แถว และปิดทองทั้งหลังยกเครื่องครูปลุกเสกใหญ่อีกรอบจึงจะสมบูรณ์

ปัจจุบันนี้ท่านที่ยังสืบทอดสรรพวิชาการสักยันต์  ตำนานพระบุตร - พระลบ  สายหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ  สายตรงจากหลวงพ่อพรหม คือ พระอาจารย์สาท (โม่ง) ธรรมโชติ อายุ 51 ปี ผู้ดูแลร่างหลวงพ่อพรหม เป็นหลานแท้ ๆของหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ  ท่านอยู่รับใช้หลวงพ่อพรหมมาตลอดและได้ศึกษาเรียนรู้วิชาต่าง ๆ จากหลวงพ่อ โดยเฉพาะวิชาสักยันต์ เก้ายอด พระนารายณ์ พระบุตร - พระลบ หนุมานเบิกบาดาล สิงห์นพเกล้า  นาคเกี้ยว   นะวิเศษต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย  วิชาทำผ้าขอด ....
  
เนื่องจากเมื่อก่อนหลายปีที่ผ่านมาร่างกายท่านไม่เอื้ออำนวย  แต่ปัจจุบันนี้ท่านสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว  ท่านยังสักให้กับลูกศิษย์ของท่านอยู่ครับ  
สำหรับท่านใดที่ผ่านไปแวะไปหาไปกราบหลวงพ่อและพระอาจารย์โม่ง  พูดคุยกับท่านดูครับ   กับตำนานหลวงพ่อพรหม  แห่งวัดขนอนเหนือ ต. บ้านกรด อ. บางปะอิน  จ. พระนครศรีอยุธยา  ปัจจุบันร่างท่านไม่เน่าเปื่อยบรรจุอยู่ในโลงแก้วตั้งอยู่ที่วัดขนอนเหนือ

ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลผู้เกี่ยวข้องทุก ๆ ท่าน  ขอนำมาเผยแพร่เกียรติคุณหลวงพ่อเพื่อศึกษาต่อไปครับ

กราบนมัสการครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
แปลกดีครับวานก่อนฝันว่าหลวงพ่อพรหมสอนวิธี ทำผงกุมารทอง
ปัจจุบันสังขารหลวงพ่อพรหมยังคงอยู่ในกุฏิท่านนะครับ สังขารท่านคงสภาพ ไม่เน่านะครับ  เดินทางไปกราบได้ มีพระหลานชายท่านดูแลอยู่ และสืบวิชาสักมาจากหลวงพ่อ ชื่ออาจารย์โมก เคยสอบถามท่านว่าสักอะไรให้ได้บ้าง ก็มีเริ่มต้นเก้ายอด สักรูปก็มีหนุมาน พระนารายณ์ สิงห์  พระลพ พระบุตร แต่ของท่านจะสักเฉพาะอังคารกะ พฤหัส และต้องจัดเครื่องบูชาบายศรีหัวหมูมาด้วยครับ  ผมเองไม่ได้สักหลอกแต่ชอบไปดูและคุยครับเก็บข้อมูล วัดขนอนเหนือ และขนอนใต้อยู่ติดกันใครมีโอกาสลองแวะไปครับ ที่วัดขนอนใต้รอบโบสถ์มีค้างคาวแม่ไก่ตัวเขื่องๆอาศัยอยู่ตามต้นไม้รอบโบสถ์เป็นร้อยตัว  อยู่กันมาเป็นร้อยปีแล้ว ถือว่าเป็น อเมซิ่งของกรุงเก่าแห่งนึงครับแนะนำเลย
กราบสักการะหลวงพ่อครับ สาธุ
wind ตอบกลับเมื่อ 2013-12-20 17:54
ปัจจุบันสังขารหลวงพ่อพรหมยังคงอยู่ในกุฏิท่านนะครับ ...

ขอบคุณครับ  ขอมูลแน่นมากครับ
จะลองไปดู
wind ตอบกลับเมื่อ 2013-12-20 17:54
ปัจจุบันสังขารหลวงพ่อพรหมยังคงอยู่ในกุฏิท่านนะครับ ...

ถามอีกนิดประดับความรู้ครับ

หลวงพ่อพรหมท่านเคยทำผง กุมารทองหรือเปล่าครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้