ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2296
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เกล็ดธรรม : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

[คัดลอกลิงก์]




ดวงดี



คนที่ว่าตนเองดวงไม่ดี นอกจากขาดความเชื่อมั่นในตนเองแล้ว
ยังเท่ากับแช่งตัวเองอีกด้วย ควรคิดอยู่เสมอว่า
ดวงดี ดวงดี ดวงดี เพราะได้คิดดี พูดดี ทำดีแล้ว

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


สัมมาสมาธิ


สมาธิในพระพุทธศาสนา จะต้องเป็นสัมมาสมาธิ
ที่ประกอบพร้อมด้วยองค์อริยมรรค
ผู้ปฏิบัติเมื่อจิตประชุมพร้อมลงสู่อริยมรรคแล้ว
จิตจะดำเนินไปเพื่อความหมดกิเลสเท่านั้น
ไม่เป็นไปเพื่อการพอกพูนกิเลส

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 09:59

วัด

การปฏิบัติธรรมนี้ เราจะไปปฏิบัติที่ไหน อย่างไร
เราเอากายกับใจนั่นแหละไปปฏิบัติ ถ้าหากต่างว่าทุก ๆ ท่านอาจจะตั้ง
ปณิธานว่า เราจะพยายามสร้างห้องพระในบ้านของเรานี้
ให้เป็นวัดน้อย ๆ ขึ้นมา และเราจะทำสมาธิภาวนาอยู่ในห้องพระ
ของเรานี้ ในเมื่อไหว้พระ สวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิภาวนา
ก็มีพระปฏิบัติกิจวัตรอยู่ในบ้านทุกวัน
ถ้าหากภาวนาทำจิตให้สงบเป็นสมาธิขึ้นมาได้เพียงครั้งเดียว
จะมีคุณค่ามากกว่านิมนต์พระตั้งหมื่นองค์ไปสวดมนต์
ให้พยายามหาโอกาสทำที่บ้านให้มากที่สุด
โดยสร้างบ้านของเราให้มันเกิดเป็นวัด

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:00

สันโดษ


สันโดษแปลว่า ความพอ
ไม่ได้หมายความว่าพอเฉพาะเท่าที่มีอยู่
แต่พอตามสติปัญญาความสามารถของตน
มาไขความอยู่ตอนนี้
ใครจะมีความสามารถใช้สติปัญญาของตนเอง
เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง หรือส่วนรวม ขนาดไหน อย่างไร ใช้ไปเถอะ
รวมแล้วคือ อย่าให้เกินขอบเขตของศีลห้าก็แล้วกัน

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:01

ผู้รู้


ผู้รู้ทั้งหลายท่านไม่อวดรู้
คนไม่รู้ชอบอวดรู้ เพราะกลัวคนอื่นเขาจะหาว่าตัวไม่เก่ง
เพราะฉะนั้นนักปฏิบัตินี่
โง่… แสดงความโง่มากเท่าไรก็ยิ่งดี
พระอรหันต์ผู้สำเร็จแล้ว
ไม่เป็นบ้า ทำเหมือนเป็นบ้า
รู้ฉลาดแต่ทำเหมือนโง่
ที่นี้รู้ว่าตัวเองบริสุทธิ์สะอาด
ก็ทำเหมือนปุถุชน นี่คือ ลักษณะของพระอรหันต์



6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:02

ปรารภเรื่องสังขาร



ต่อไปนี้จะลองทายชีวิตของตนเองดู ตกเดือนมีนาคมจะเกิดอะไรหนัก ๆ
ซักอย่างหนึ่งทุกรอบปี ปีอายุ 76 เป็นปีมรณะ ปี 77 พอผ่านจากนี้ไปแล้ว
ไม่มีอะไร แต่ปีอายุ 78 ถ้ารอดปี 78 ไปแล้วถึง 90
คณะศิษย์ที่ฟังอยู่ได้กราบอาราธนาขอให้หลวงพ่อมีอายุถึง 100 ปี
ซึ่งหลวงพ่อไม่รับและได้กล่าวว่า "แล้วแต่พ่อเสี่ยวเขา" เมื่อกราบเรียน
ถามว่าพ่อเสี่ยวหมายถึงอะไร หลวงพ่อกล่าวว่า พ่อเสี่ยวคือ พระยายมราช
ซึ่งต่อมาภายหลังคณะศิษย์ได้กราบอาราธนาขอให้หลวงพ่อมีอายุถึง
100 ปีอีกครั้ง หลวงพ่อท่านกล่าวว่า "เออ… อยู่จนอยู่ไม่ได้นั่นแหละ"
หมายเหตุ : หลวงพ่อปรารภสังขารเมื่อคราวอาพาธที่โรงพยาบาลมหาราช
ขณะนั้นหลวงพ่อมีอายุ 76 ปี (หลวงพ่อละสังขารเมื่ออายุ 78 ปี)


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:02

เครื่องวัด


ใครสามารถทำสมาธิจิตลงไปให้สงบลงไปได้แล้ว
สามารถที่จะอ่านจิตใจของตัวเองให้รู้ซึ้งลงไปว่า
สภาพจิตของเราเป็นอย่างไร เรามีกิเลสตัวไหนมากและควรแก้ไขอย่างไร
นี้เป็นจุดแรกที่เราจะต้องอ่านตัวของเราเองให้ออก
จะว่าสิ่งอื่นผิด สิ่งอื่นถูก นั้นไม่สำคัญ แม้ว่าเราจะรู้อะไรผิด อะไรถูก
แต่เป็นเรื่องนอกตัวนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่าเราอ่านจิตใจของเรา
แล้วก็ปรับโทษตัวเอง แล้วก็ตัดสินตัวเอง ว่าตัวเองผิด ตัวเองถูกนั้นแหละ
เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าหากเราไม่สามารถระวังจุดนี้ได้ เราจะปฏิบัติ
หรือบำเพ็ญเพียรภาวนาแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขตัวเองได้



8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:03

อยากมีคุณธรรม



ความปรารถนาของมนุษย์ในสังคมนี้เราพอที่จะสรุปได้กันเพียง 5 ข้อเท่านั้น ว่าเราเกิดมาแล้วเราต้องการอะไร เราต้องการความมีลาภ ต้องการความมียศ ต้องการการสรรเสริญ ต้องการความสุขและอำนาจ ความต้องการเหล่านี้ถูกกระตุ้นเตือนด้วยอำนาจของกิเลส จึงทำให้เราเกิดความทะเยอทะยาน ดังนั้น สิ่งทั้ง 5 นี้ ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสวงหา แต่การแสวงหาก็ควรมีขอบเขต ขอบเขตก็คือศีล 5 ข้ออีกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นศีล 5 จึงเป็นคุณธรรม เป็นขอบเขตของการใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์โดยความเป็นธรรม


9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-3-6 09:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-3-6 10:04

ระลึกถึงความตาย


ความตายโดยปกติที่เราไม่ค่อยจะได้พิจารณาให้รู้เห็นกันได้พระพุทธเจ้าทรงถามพระอานนท์ว่า


"อานนท์ เธอระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง" พระอานนท์ก็ทูลตอบว่า "ข้าพระองค์ระลึกถึงความตายวันละพันครั้ง" พระพุทธเจ้ารับสั่งว่า "อานนท์ยังประมาทอยู่มาก ระลึกถึงความตายวันละพันครั้ง เราตถาคตระลึกถึงความตายอยู่ทุกลมหายใจ"


นี้ลองพิจารณาคำพระดำรัสของพระพุทธเจ้าว่าพระองค์ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจ ท่านกำหนดเอาอะไรที่ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจ ท่านกำหนดเอาลมหายใจเข้า ลมหายใจออกเป็นเครื่องหมายเพราะว่าลมหายใจที่สูดเข้าไปแล้ว ถ้ามันไม่ออกมาก็ตาย ลมหายใจที่ปล่อยออกไปแล้ว ถ้าไม่กลับคืนมาก็ตาย พระพุทธเจ้ากำหนดรู้ลงไปที่ลมหายใจเข้า-ออก เข้า-ออก รู้อยู่ที่ลมหายใจทุกจังหวะลมหายใจ อันนี้เรียกว่าการระลึกถึงความตาย เอาลมหายใจเป็นเครื่องหมายแห่งการเกิดและความตาย เอาลมหายใจเป็นเครื่องหมายแห่งความเกิดและความดับ อันนี้เป็นอุบายระลึกถึงความตายโดยย่อ ๆ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้