ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เชือกปะกำช้าง

[คัดลอกลิงก์]
            
   
                                                                           
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมอย่างอารมณ์ดี โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้คุ้นชินกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ว่าตำรงตำแหน่งอะไร ตอนนี้ตนก็ยังไม่มีความสุข ตราบใดที่บ้านเมืองยังไม่เรียบร้อย และประชาชนยังลำบากอยู่ วันนี้ถือว่าตนเป็นเพียงคนของประชาชน ไม่ใช่นักการเมือง จึงมีหน้าที่ทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งใน 4 เดือนที่ผ่านมา ตนไม่เคยหยุดงาน ในหนึ่งสัปดาห์อาจใช้เวลาพักผ่อนไปออกกำลังกายบ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สื่อถือเป็นปรปักษ์กับนายกฯหรือไม่ เพราะมีเสียงล่ำลือว่านายกฯ ไม่ชอบหน้าสื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ใครไปพูดเช่นนั้น ใครปากเสีย สื่อถือเป็นมหามิตรของตนอยู่แล้ว รักกันอยู่แล้ว สื่อที่ทำเนียบก็มีบรรยากาศดี แต่บางเวลาผมก็อาจมีอารมณ์เสียบ้าง เช่น บางเรื่องที่อาจจะซ้ำซ้อนเข้ามาแล้วสื่อไม่เข้าใจเรา ผมก็พยายามพูดเยอะๆ แต่พอผมพูดเยอะมันก็เป็นประเด็นอีก"
ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯว่าใส่แหวนและกำไลอะไร และเชื่อเรื่องโชคลางของขลังหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ชูมือขึ้นมา แล้วชี้ไปที่แหวนและกำไลให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกล่าวว่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องความเชื่อโบราณ แล้วเราทุกคนเชื่อกันหรือไม่ ที่ตนใส่อยู่ตอนนี้ก็มีแหวนพระ แหวนนโม แหวนสมเด็จพระบรมราชินีนาถ แหวนนพเก้า และกำไลหางช้าง ซึ่งใส่มานานแล้ว
เมื่อถามว่าจะเดินทางเยือนประเทศเมียร์ม่าซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างทีมงานดำเนินการเรื่องการเดินทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการประชุม ครม. ในเวลา 14.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่อที่กองบัญชาการกองทัพบกทันที
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำไลหางช้าง ถือเป็นความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่เชื่อว่าผู้ที่มีหางช้างพกติดตัวจะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ และยังมีความหมายในแง่ของอำนาจด้วย จัดว่าเป็นเครื่องรางอีกอย่างที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เครื่องรางช้างที่ทำจากขนหางช้าง เชื่อว่าสามารถป้องกันคุณไสยได้ทุกชนิด จึงมีผู้นิยมนำมาทำแหวน กำไล หรือพกติตดัวไว้ ลำพังแต่ขนหางช้างอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นของทนสิทธิ์ มีความขลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว
ส่วนแหวนนะโม หรือ หัวนอโม(นะโม) คือหัวแหวนที่หล่อด้วยเงินโบราณตรงกลางเป็นอักขระขอมตัวนะ เป็นสิ่งที่นำความสิริมงคล ส่วนแหวนนพเก้า หรือ พลอยนพรัตน์ คือ อัญมณีศิริมงคล 9 อย่าง ถือเป็นสิริมงคลสูงสุด แก่ผู้สวมใส่ มีคุณสมบัติในทางมงคล ป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆและขจัดความไม่เป็นมงคลทั้งหลายให้สิ้นไปได้ หากผู้ใดมีไว้ในครอบครองก็เท่ากับมีมงคลไว้ติดตัว และยังเกี่ยวพันกับดวงดาว ซึ่งมีอำนาจและพลังเป็นคุณวิเศษที่จะนำพาความเจริญรุ่งเรืองและสิริมงคลทั้งหลายมาสู่ผู้สวมใส่
สำหรับแหวนพระสมเด็จพระบรมราชินีนาถนั้น ทราบว่า ตามทำเนียมทหารเสือราชินีจะได้รับแหวนนี้ทั้งหมด โดยทหารรุ่นเก่าที่ตามเสด็จอาจได้รับพระราชทานแหวนดังกล่าวจากพระหัตถ์โดยตรง.

สวัสสดีครับ ผมสนใจอยากได้เชือกปะกำช้างไว้บูชา ไม่ทราบว่าพี่ๆท่านพอจะแบ่งให้บูชาได้ไหมครับ ยาวสัก5เซ็นก็พอครับ ถ้าพอจะมีท่านเมตตาแบ่งได้ รบกวนติดต่อกลับ dawut_chem@hotmail.com ผมชื่อวุฒิครับ
เชือกปะกำช้างต้องบูชาหรืเปล่าครับ ข้อความที่อ่านมา ชาวกวยเชิญวิญญาณบรรพบุรุษสิงสถิตในเชือกด้วย ผ่านพิธีมาจะเก็บไว้ที่ศาล ....
เผื่อใครไม่ทราบ....


“พรบ. งาช้าง” มีผลบังคับใช้ เตือนขึ้นทะเบียนด่วนใน 90 วัน

      อส. ประกาศ พรบ. งาช้าง มีผลบังคับใช้แล้ว เตือนผู้มีงาช้างบ้านหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างบ้านไว้ในครอบครอง ต้องแจ้งภายใน 90 วัน (22 ม.ค. - 21 เม.ย. 58) ขณะที่ผู้ค้างาช้างบ้าน ต้องมาขอใบอนุญาตก่อนดำเนินการ ฝ่าฝืนมีโทษหนัก จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ย้ำ งาช้างแอฟริกา ผิดกฎหมาย ห้ามมีไว้ในครอบครองและค้าขายเด็ดขาด เตรียมออกปฏิบัติการตรวจสอบปราบปรามเข้มข้นทั่วประเทศ

      นายนิพนธ์ โชติบาล ออส. เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย โดย ครม. ได้มีมติให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉ.แก้ไข เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 เพื่อสกัดกั้นขบวนการค้างาช้างแอฟริกาข้ามชาติผิดกฎหมาย และกำหนดมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการครอบครองและการค้างาช้างในประเทศไทยตามคำแนะนำของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) หากประเทศไทยยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม อาจถูกคว่ำบาตรทางการค้า CITES  เช่น ผลิตภัณฑ์หนังจระเข้ กล้วยไม้ กิ้งก่า หนังงู และนกแก้ว เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 47,000 ล้านบาท

     สำหรับแผนปฏิบัติการงาช้างดังกล่าว ได้กำหนดมาตรการตรวจสอบ จับกุม ปรามปราม และควบคุมการครอบครองและค้างาช้างในประเทศไทย โดยเฉพาะการตราและแก้ไขกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ คือ
      1. การตรา พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉ. 3) พ.ศ. 2557 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 57 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 57
      2. การตรา พรบ.งาช้าง พ.ศ. 2558 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 58 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 58
ซึ่งแผนฯ ดังกล่าว จะส่งผลให้
      1. การครอบครองและค้างาช้างบ้าน และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างบ้าน จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
      2. กรณีที่พบว่ามีการครอบครองและค้างาช้างแอฟริกาที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายถือเป็นความผิดทันที
      3. การตรวจพิสูจน์ชนิดงาช้าง สามารถทำได้โดยการตรวจ DNA โดยภาระดังกล่าวเป็นของผู้ครอบครองและผู้ค้า

     ทั้งนี้ อส. ได้เปิดให้ประชาชนที่ครอบครองงาช้างบ้านและผลิตภัณฑ์จากงาช้างบ้าน รวมทั้งผู้ค้างาช้างบ้าน มาจดทะเบียนการครอบครองและขออนุญาตค้างาช้างบ้าน โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1. ผู้มีงาช้างบ้าน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างบ้านไว้ในครอบครอง ต้องแจ้งการครอบครองต่อเจ้าหน้าที่ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท

กทม. สามารถแจ้งการครอบครองได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
สำหรับท้องที่ต่างจังหวัด สามารถแจ้งการครอบครองได้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 1-16 และสาขา
ภายในวันที่ 21 เม.ย. 58
หรือสามารถแจ้งได้ทางไปรษณีย์ที่ ตู้ ปณ. 555 ปณศ.จตุจักร กทม. 10900 โดยใช้แบบแจ้งการครอบครองที่ อส. กำหนด
สามารถดาวน์โหลดแบบแจ้งได้ที่ WWW.DNP.GO.TH
ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 09 8950 5436, 08 8206 1223, 09 9563 6658
โทร./โทรสาร 0 2579 4621, 0 2561 4838 ในวันและเวลาราชการ
หรือโทรสายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง

2. ผู้ประสงค์ค้างาช้าง ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. การนำเข้า-ส่งออกงาช้างบ้าน ต้องได้รับอนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เช่นเดียวกับผู้ประสงค์ค้างาช้างบ้าน

      นายนิพนธ์ฯ กล่าวอีกว่า นอกจากการบังคับใช้กฎหมายหลักทั้ง 2 ฉบับแล้ว ยังได้ดำเนินการออกกฎหมายลำดับรอง รวม 17 ฉบับ เช่น ประกาศกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการกำหนดให้ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เพื่อสกัดการค้างาช้างข้ามชาติ และการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการสัตว์พาหนะ โดยกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำหนดตั๋วรูปพรรณช้างแบบใหม่ และเพิ่มข้อมูลวิทยาศาสตร์ เช่น ข้อมูลDNA หมายเลขไมโครชิพ เพื่อป้องกันการสวมทะเบียนช้าง หรือนำงาช้างจากต่างประเทศมาขายโดยอ้างเป็นงาช้างบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้การออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายทั้งหมด จะทำให้สามารถควบคุมการค้างาช้างบ้าน และปราบปรามการลักลอบค้างาช้างแอฟริกาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมากฎมายที่ใช้อยู่เดิม ควบคุมได้เฉพาะการนำเข้าและส่งออกเท่านั้น แต่กฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้แล้วนี้ สามารถควบคุมการค้าและการครอบครองทั้งงาช้างบ้านและงาช้างแอฟริกาได้ทั้งระบบ และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยไม่ถูกคว่ำบาตรทางการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า และจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย


[size=1em]วันแรกของการเปิดรับลงทะเบียนแจ้งการครอบครองงาช้างบ้าน มีประชาชนทยอยมาลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง หลังกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชบังคับใช้ พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 ด้านผู้ค้า ผู้นำเข้า และส่งออกงาช้างบ้าน จะต้องขอใบอนุญาตก่อนดำเนินการ หากฝ่าฝืนโทษหนัก ส่วนผู้ที่จะทำการค้างาช้างรายใหม่ ต้องรอให้มีกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา4แห่ง พ.ร.บ.งาช้างบังคับก่อน จึงจะสามารถยื่นคำขออนุญาตค้างาช้างได้ตามกฎกระทรวง
โดยประชาชนที่มีงาช้างไว้ในครอบครอง จะต้องแจ้งการครอบครองาช้างโดยมี 2 กรณี ได้แก่ ผู้ที่มีงาช้างอยู่ก่อน ประกาศ พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 ต้องแจ้งการครอบครองภายใน 90 วันคือต้องไม่เกินวันที่ 21 เมษายน 2558 หากไม่แจ้งภายในระยะเวลากำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท
กรณีที่ 2 ได้งาช้างมาหลังจากประกาศพ.ร.บ.งาช้างพ.ศ.2558 ต้องแจ้งการครอบครองภายใน 30 วันนับตั้งแต่ได้งาช้างนั้นมา หากฝ่าฝืนไม่แจ้งการครอบครองภายในกำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 3 ล้าน
กรณีประชนชนมีไว้ในครอบครองโดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า อย่างละไม่เกิน 2 ชิ้นต่อคน รวมไม่เกิน 4 ชิ้นต่อคน และไม่เกิน 12 ชิ้นต่อครัวเรือน และน้ำหนักรวมไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม อาจใช้สิทธิ์ไม่ต้องแจ้งการครอบครองได้แต่จะไม่สามารถจำหน่าย จ่าย โอน หรือทำการค้าได้ เว้นแต่ตกทอดทางมรดก โดยผู้รับมรดกต้องครอบครองไม่เกินจำนวนดังกล่าวด้วย
ขณะที่ผู้ค้า ผู้นำเข้า และส่งออกงาช้างบ้าน ต้องมาขอใบอนุญาตก่อนดำเนินการ ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการตรวจพิสูจนะว่ามีงาช้างที่มาขึ้นทะเบียนเป็นงาช้างแอฟริกา ผู้ที่มาขึ้นทะเบียนจะมีความผิดทันทีเพราะกฎหมายห้ามมีไว้ในครอบครองและค้าขายอย่างเด็ดขาด
เมื่อแจ้งการครอบครองงาช้างต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแล้ว ผู้ค้างาช้างสามารถค้างาช้างต่อไปได้ โดยต้องจัดทำบัญชีการได้มาของงาช้าง บัญชีการแปรรูปและบัญชีการค้างาช้างและที่สำคัญงาช้างที่จะทำการค้าได้ต้องเป็นงาช้างที่ได้มาจากช้างที่เป็นสัตว์พาหนะตามพ.ร.บ.สัตว์พาหนะและต้องได้รับการตรวจสอบจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนเท่านั้น
ส่วนผู้ที่ประสงค์จะทำการค้างาช้างรายใหม่หลังจากมีการใช้บังคับพ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558ยังไม่สามารถยื่นคำขออนุญาตค้างาช้างได้ ต้องรอให้มีกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา4แห่งพ.ร.บ.งาช้างบังคับก่อนจึงจะสามารถยื่นคำขออนุญาตค้างาช้างได้ตามกฎกระทรวง
ประชาชนที่ครอบครองงาช้างในเขตกรุงเทพมหานครสามารถขึ้นทะเบียนได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในต่างจังหวัดสามารถแจ้งการครอบครองได้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาทุกสาขา ภายในวันที่ 21 เมษายน 2558 หรือสามารถแจ้งการครอบครองได้ทางไปรษณีย์ที่ ตู้ ปณ.555 ปณศ. จตุจักร กทม.10900 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือดาวน์โหลดแบบแจ้งการครอบครอง ที่เว็บไซต์ [size=1em]www.dnp.go.th หรือสายด่วน1362 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทร 09-8950-5436, 08-8206-1223, 09-9563-6658 โทร/โทรสาร 0-2579-4621, 0-2561-4838 ในวันและเวลาราชการ

26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-2-11 07:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมัยก่อน...ชาวช้างจะห่วง ทุกสิ่งอย่างที่ได้จากช้างมากๆๆ

ไม่มีความดิตจะขายเลย.....ตาผมท่านก็เคยเลี้ยงช้าง ท่านบอกว่า ช้างคือคนในครอบครัว
จริงครับ สมัยก่อนยายเล่าว่าที่บ้านมีช้าง 1 เชือก รักมากเหมือนคนในบ้านเลย
28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-2-11 10:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เพราะเหตุนี้ปะกำช้างจึงกลายมาเป็นเครื่องราง

ที่มีคุณวิเศษในตัว ทั้งทางด้านการข่มคุณไสย์ คุณผีคุณคน ป้องกันอาถรรพ์

เป็นเมตตามหานิยมต่อผู้ที่ได้ครอบครอง


30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-2-12 07:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

เชือกปะกำ...ทำจากหนังควาย ที่ตายเพราะถูกฟ้าผ่าหรือเปล่าครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้