ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2366
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ประวัติพระพุทธรูปปางชนะมาร

[คัดลอกลิงก์]


เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นพระบรมศาสดาแห่งศาสนาพุทธ    ได้เสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานแล้ว ณ  ตำบลสาลวัน  แขวงเมืองกุสินารา  ประเทศอินเดีย   บรรดาพุทธบริษัททั้ง หลายในสมัยนั้น ก็พากันโศกเศร้าเสียใจในพระองค์ เหล่ามัลลกษัตริย์ซึ่งครองเมืองกุสินาราในขณะ นั้นก็ช่วยกันจัดงานถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ  เมื่อเสร็จจากการถวายพระเพลิงแล้ว  เหล่ามัลลกษัตริย์ ก็ร่วมกันคิดจะสร้างพระสถูปเจดีย์  เพื่อบรรจุพระบรมธาตุไว้ ณ เมืองกุสินา รา แต่เหล่ากษัตริย์เมืองอื่นๆไม่ยอม    ต่างต้องการที่จะเชิญพระบรมธาตุไปให้ผลเมืองของตนเคารพบูชาจนถึงขั้นจะสู้รบเพื่อแย่งพระบรมธาตุกัน จนกระทั่งโทณพราหมณ์ได้เข้ามาไกล่เกลี่ยให้เหล่ามัลลกษัตริย์ปรองดองและแบ่งพระบรมธาตุกัน
                เมื่อเหล่ามัลลกษัตริย์ได้รับพระบรมธาตุแล้ว  ก็กลับไปสร้างพระสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในบ้านเมืองของตน   จึงเกิดสถูปเจดีย์เป็นรูปเคารพแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่นั้นมา


ที่มาhttp://www.sanooktour.com/article/details.php?article_id=5
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตามประพุทธประวัติได้กล่าวถึงตอนที่พระพุทธเจ้าทรงพระประชวร  ใกล้จะเสด็จเข้าสู่ปริ นิพพาน  พระอานนท์เถรเจ้าผู้เฝ้าถวายการพยาบาล  ได้ทูลปรารภว่า  ที่ผ่านมาเหล่าภิกษุอันเป็นสาวกเคยได้เข้าเฝ้าพระองค์เป็นนิจ   เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่พระนิพพานแล้ว  ก็จะมิได้เข้าเฝ้าพระองค์อีก  คงจะพากันว้าเหว่เศร้าหมองไปตามๆกัน  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงตรัสอนุญาตให้สร้างสังเวชนียสถานไว้  4 แห่ง    เพื่อให้พุทธสาวกที่ใคร่จะเห็นพระองค์ได้ปลงธรรมสังเวช ณ  ที่ใดที่หนึ่ง  สถานที่ๆเหมาะสมคือ
1.  ณ ป่าลุมพินี  แขวงเมืองกบิลพัสดุ์  อันเป็นสถานที่ๆพระองค์ประสูติ  
2. ณ  แขวงเมืองคยา  สถานที่ๆพระองค์ตรัสรู้  
3.  ณ  ตำบลอิสิปตนมฤคทายวัน  แขวงเมืองพาราณสี  สถานที่ๆพระองค์ประทานปฐมเทศนา
4. ณ  ตำบลสาลวัน  แขวงเมืองกุสินารา  สถานที่ๆพระองค์เสด็จเข้าสู่พระนิพพาน
นอกจากนี้ยังมีสังเวชนียสถานขึ้นในภายหลังอีก  2  แห่งคือ
ณ  แขวงเมืองปิบผลิวัน  บรรจุพระอังคาร
ณ  แขวงเมืองกุสินารา    บรรจุทะนานโลหะตวงพระบรมธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
             ในครั้งแรกพุทธบริษัทที่สร้างสถูปเจดีย์  มิได้มีพระพุทธรูปประดับแต่อย่างใด  กระทั่งกาลเวลาผ่านไปหลายปี  มีผู้คิดขึ้นมาได้ว่า   ต่อไปภายภาคหน้าจะไม่มีใครจดจำพุทธลักษณะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้    หากจะแกะสลักหรือปั้นโดยการคาดเดาก็เกรงว่า   จะผิดเพี้ยนเป็นการลบหลู่พระบารมีของพระองค์    จึงนิยมสร้างสิ่งสมมุติแทนองค์สมเด็จพระสัม มาสัมพุทธเจ้าไว้สักการะบูชาในรูปแบบต่างๆ     เช่นสลักรูปดอกบัวแทนตอนประสูติ      สร้างแท่นอาสนะแทนตอนตรัสรู้สร้างรูปธรรมจักรและกวางหมอบแทนตอนแสดงปฐมเทศนา สร้างสถูปเจดีย์แทนตอนเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน  และสร้างลอยพระพุทธบาทเป็นต้น
               กาลเวลาผ่านไป  200  ปี  พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ยกพลชาวกรีก  ออกศึกทำสง ครามขยายอนาเขตไปทั่วทวีบยุโรปมาถึงประเทศอิเดียบางส่วนยังไม่ทันทั่วประเทศ   ก็สวรรคตเสีย ก่อน   พวกชาวกรีกระดับแม่ทัพนายกองของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ต่างก็ตั้งตัวเป็นเจ้าแผ่นดิน   ครองบ้านเมืองหลายอาณาเขต   แต่ละอาณาเขตก็ชักชวนชาวกรีกจากภูมิ ลำเนาเดิมให้มาตั้งต้นทำมาหากินในท้องถิ่นที่ตนสร้างขึ้นใหม่    ส่งผลทำให้ชาวกรีกที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอินเดียด้านตะ วันตกเฉียงเหนือ  เรียกว่า  อาณาเขตคันธารราฐจำนวนมาก

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในประเทศคันธารราฐ (  ประเทศปากีสถานในปัจจุบัน ) ชาวเมืองส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนาสืบมาตั้งแต่ครั้งพระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อชาวกรีกมาอาศัยอยู่ในเมืองคันธารราฐมีความสนิท สนมและมีการสมรสกับชาวพื้นเมืองทำให้เลื่อมใสศรัทธาและนับถือพระพุทธศาสนาตามไปด้วย
                อยู่มาจนถึงยุคของพระยามิลินท์  ได้บำรุงพระพุทธศาสนาในประเทศคันธารราชให้รุ่งเรืองขึ้นมาก  มีการสร้างพระพุทธรูปสำหรับเป็นที่เคารพบูชาขึ้น แรกๆเรียกพระพุทธรูปว่า   แบบคันธารราฐ  หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการสร้างพระพุทธรูปตามที่ต่างๆขึ้นมาอีกมากมาย
                คติการสร้างพระพุทธรูปทั่วไป   จะยึดเอาอิริยาบถที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในพระพุทธประ วัติมาสร้าง  โดยเรียกพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเป็น  “ปาง”  ในประเทศไทยมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้น มามากมายหลายปาง ปางที่นิยมสร้างกันมากคือ  ปางสมาธิ ปางสะดุ้งมาร ปางมารวิชัย  แต่ปางชนะมารไม่มีผู้ใดสนใจสร้างเพิ่งจะสร้างขึ้นในปี  พ.ศ  2521โดยอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล ได้แรงบันดาลใจมาจากพระพุทธประวัติ  วันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้  ดังมีเรื่องกล่าวไว้ว่า ในครั้งนั้นพระสิทธัตถะรู้ด้วยพระปรีชาญาณว่า  พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณ   พระองค์จึงสระสรงพระวรกายหมดจดแล้วเสด็จไปประทับนั่งยังโคนต้นโพธิ์ วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ตรงกับวันขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  6  ปีระกา   ก่อนพุทธศก  45  ปี  เวลาเช้านางสุชาดาบุตรีเศรษฐีใหญ่แห่งหมู่บ้านเสนานิคมคิดจะบวงสร้วงเทวดาด้วยการจัดข้าวมธุปายาสไส่ถาดทองนำไปถวายยังโคนต้นโพธิ์   
               
เมื่อมาพบเห็นพระสิทธัตถะประทับอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ด้วยอาการอันสงบ    ก็เกิดความเลื่อม ใสศรัทธาคิดว่าเป็นเทวดา  จึงน้อมถาดข้าวมธุปายาสเข้าไปถวาย    พระสิทธัตถะทรงรับข้าวมธุปายาสนั้นไว้        แล้วเสด็จไปยังท่าน้ำเนรัญชรา   ทรงเสวยข้าวมธุปายาสนั้นจนหมด  แล้วทรงถือถาดทองลงสู่แม่น้ำแล้วอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า  ถ้าพระองค์จะได้ตรัสพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ ขอให้ ถาดทองนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป  แล้วก็ทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำเน รัญชรา
                ขณะนั้นด้วยอานุภาพพระบารมีของพระองค์ที่ทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้วได้แสดงให้เห็นอัศจรรย์    ทำให้ถาดทองนั้นลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ  1  เส้น  แล้วก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นเวลาเย็นพระสิทธัตถะเสด็จกลับยังโคนต้นโพธิ์      ระหว่างทางเสด็จได้พบกับคนหาบหญ้าชื่อ โสตถิยะ  เขาได้เห็นพระอาการอันละมุนละไมของพระสิทธัตถะก็เกิดความเลื่อมใสใคร่จะถวายของ   แต่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากหญ้าคา  จึงน้อมหญ้าคาไปถวาย  พระสิทธัตถะทรงรับหญ้าคาแล้วปูลาดเป็นอาสนะแล้วทรงตั้งสัตยาธิฐาน  8   ณ  รัตนบัลลังก์ไต้ต้นโพธิ์นั้นว่า   แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  พระองค์จะไม่ยอมลุกจากที่นั่งนั้นจนกว่าจะตรัสรู้   ถึงแม้จะอดตายในที่นั้นก็ยอม    เหล่าเทพยดาได้ยินสัตยาธิษฐานก็พากันชื่นชมโสมนัสยินดีปรีดา   พากันมาเฝ้ารอพระมหาบุรุษเพื่อที่จะได้สักการ บูชา  หากพระองค์ตรัสรู้
                ฝ่ายพญาวัสวดีมาราธิราชพญามาร ได้ยินมหาบุรุษตั้งสัตยาธิฐานก็อิจฉา  กลัวเจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณพ้นจากอำนาจของตน จึงป่าวประกาศเรียกพลเสนามารนำสรรพอาวุธยกทัพเข้าขัดขวางการบำเพ็ญบารมี
                เมื่อพญามารมาถึงก็สั่งให้เหล่าเสนามารห้อมล้อมพร้อมทั้งประกาศศักดานุภาพของตน  ให้พระมหาบุรุษสะดุ้งตกใจกลัว   ครั้นเมื่อไม่เห็นพระองค์ทรงหวั่นไหว     จึงสั่งให้หมู่เสนามารบุกรุกเข้าทำร้ายด้วยการพุ่งสรรพอาวุธเข้าใส่    แต่สรรพอาวุธทั้งหลายไม่อาจทำอันตรายใดๆ   กลับกลาย เป็นบุปผามาลัยมาบูชาพระสิทธัตถะแทน
                เมื่อพญามารไม่อาจทำร้ายพระองค์ได้  จึงกล่าวว่า ดูก่อนสิทธัตถะ บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญของเรา  ท่านเป็นผู้ไม่มีบุญสมควรจะนั่ง  จงลุกไปเสีย
                พระมหาบุรุษตรัสตอบว่า  ดูก่อนพญามาร  บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญที่เราได้บำเพ็ญมานานนับประมาณหามิได้ เราผู้เดียวเท่านั้นที่สมควรจะนั่ง
                พญามารกล่าวคัดค้านว่า  ท่านกล่าวคำไม่เป็นจริง  ท่านมีใครเป็นพยาน
                พระมหาบุรุษทรงดำริในใจว่า  ในที่นี้มีแต่เสนามาร ไม่มีใครหาญกล้ามาเป็นพยานได้   จึงตั้งสัตยาธิฐานว่า   ดูก่อนแม่นางธรณีเอ๋ย  เธอจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของเราในกาลบัดนี้เถิด
                พระนางวสุนธราเจ้าแม่ธรณีไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ต่อไปได้จึงแทรกปฐพีขึ้นมาปรากฏกายทำอัญ ชลีอภิวาทพระมหาบุรุษแล้วประกาศให้พญามารทราบว่า พระมหาบุรุษเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ ได้บำเพ็ญบุญมามากมายตลอดกาลเหลือที่จะประมาณได้  แม้แต่น้ำกรวดที่หลั่งลงบนมวยผมข้าพ เจ้าก็เหลือที่จะคณานับ กล่าวจบก็ปล่อยมวยผมบีบน้ำที่พระมหาบุรุษกรวดสะสมไว้ในอดีตเป็นอเนกชาติให้หลั่งไหลออกมามากมายกลายเป็นทะเลหลวงกระแสน้ำพัดพาเอาพญามารและหมู่เสนามารลอยไปสุดขอบฟ้าจักรวาล   พญามารตกตะลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ  ด้วยความกลัวภัย   พนมมือนมัสการเปล่งคำสรรเสริญในบุญบารมียอมรับความปราชัย   แล้วรีบอันตรธานหนีหายไปจากที่นั้นโดยรวดเร็ว

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อพระมหาบุรุษทรงกำจัดมารและหมู่เสนามารให้ปราชัยไปด้วยพระบารมีแล้ว    ก็ทำให้พระองค์เบิกบานพระทัยได้ปิติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฏิบัติธรรมภาวนามากขึ้นดัง นั้นพระองค์จึงมิได้ปล่อยให้เสียเวลา ทรงตั้งพระทัยเจริญภาวนาสมาธิจนจิตแน่วแน่ปราศจากอุปกิ เลส  จิตสุขุมโดยลำดับและตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าในที่สุด ดังมีเรื่องราวให้ศึกษาในหนังสือพระพุทธประวัติและภาพจิตกรรมฝาผนังตามวัดและตามถ้ำต่างๆ
               จากพุทธตำนานดังกล่าวนี้ทำให้เชื่อได้ว่าบารมีของพระพุทธเจ้าและบารมีของพระแม่ธรณีที่สามารถเอาชนะพญามารและหมู่เสนามารมาได้นั้น  จะช่วยทำให้ผู้ที่มีไว้กราบไหว้บูชาเป็นประจำทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มีโชค  มีลาภ  มีความ สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา  และชนะมาร  ชนะอุปสรรค   ชนะศัตรูคู่แข่ง  ชนะวิบากกรรมทำให้เรื่องที่ร้ายๆกลับกลายเป็นดีขึ้นได้ ดุจเดียวกันกับหญ้าคาที่โสต ถิยะถวายแก่พระสิทธัตถะที่แสดงอัศจรรย์ขุดลากถอนโคนและเผาไม่ตายมาถึงทุกวันนี้
               สังเกตุกันหรือไม่ว่า หญ้าคาเผาเท่าไหร่ๆก็ไม่ตาย  เวลาพระท่านปลุกเสกวัตุถุมงคล  ท่านจะนำหญ้าคามาปูลองนั่งเพื่อเพิ่มความขังและความศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้ง    อาจารย์วัลลภท่านบอกว่า    ถ้าใครสร้างพระพุทธรูปปางชนะมารถวายวัดอุทิศให้กับวิญญาณใด วิญญาณนั้นจะอโหสิกรรมให้เรื่องของกรรมและวิบากกรรมจะคิดว่าไม่สำคัญคงไม่ได้  ถึงแม้ปัจจุบันโลกจะพัฒนาการทางด้านวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้าไปได้ไกลถึงต่างดาวและย่อโลกให้เล็กลงได้แล้วก็ตาม  แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถที่จะพัฒนาการทางด้านชีวิตให้หนีพ้นจากกฎแห่งกรรมไปได้  ใครทำกรรมใดไว้  ก็ยัง คงต้องได้รับผลของกรรมและวิบากกรรมนั้นเป็นสิ่งตอบแทนเสมอ ไม่ว่าบุคคลคนนั้นจะเป็นคุณหญิงคุณนาย  ไฮโซ - โลโซ  อย่างไร เมื่อทำกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนองเหมือน กันหมด ไม่ยกเว้นแม้แต่ชาวต่างชาติ   จะมีผิดกันบ้างก็ตรงที่ใครจะได้รับผลของกรรมและวิบากกรรมนั้นช้าหรือเร็วกว่ากันเท่านั้น
              โดยเฉพาะผลกรรมที่เกิดจากการทำแท้งนั้น  ให้โทษร้ายแรงทันตาเห็น  ไม่ต้องรอไปถึงภพหน้าหรือชาติไหนๆในชาตินี้ก็สามารถทำให้ผู้ที่ทำแท้งมีอันเป็นไปต่างๆนานาได้  อย่างเช่น  ทำให้ทำมาหากินไม่ขึ้น  เก็บเงินเก็บทองไม่อยู่  ครอบ ครัวแตกแยก  มีสุขภาพเจ็บป่วยเป็นประจำ  บางรายถึงกับทำให้ล้มละลายหมดเนื้อหมดตัว  หรือไม่ก็ทำให้มีบุตรพิกลพิกาลไปก็มี
และผลของกรรมและวิบากกรรมที่เกิดจากการทำแท้งนั้น ไม่ใช่จะให้โทษแต่เฉพาะผู้เป็นแม่ที่ไปทำแท้งเท่า นั้น  ยังมีผลไปถึงผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ  หรือบังคับให้คนไปทำแท้งอีกด้วย หากใครไม่เชื่อก็ลองไปดูตัวอย่างจากคนที่เคยทำแท้งหรือแท้งเองมาแล้วก็ได้ ดูสิว่ามีใครไม่ได้ รับผลกรรมและวิบากกรรมดังกล่าวนั้นมาบ้าง
              วิธีที่จะทำให้วิญญาณของลูกที่ถูกทำแท้งและวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้เร็ว ๆ ก็คือการสร้างพระพุท ธรูปปางชนะมารถวายวัดอุทิศให้กับวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรนั้นไป   สาเหตุที่เลือกสร้างกันแต่เฉพาะพระพุทธรูปปางชนะมาร   เพราะเห็นว่าวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรนั้นเปรียบ เสมือนมารของคนเราเหมือนกัน    ดังนั้นการสร้างพระพุทธรูปถวายวัดเพื่อเอาชนะมารให้ได้ผลจึงเลือกสร้างกันแต่เฉพาะพระพุทธรูปปางชนะมารดังกล่าว เคยมีคนสร้างพระพุทธรูปปางอื่นแทนไปให้แล้วไม่ได้ผลมาแล้ว   
การสร้างพระพุทธรูปปางชนะมารถวายวัดนำทางให้ดวงวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรไปผุดไปเกิด  ได้แรงบันดาลใจและเหตุผลมาจากการที่คนนำศพจากโรงพยาบาลไปวัด   ต้องนิมนต์พระสงฆ์นำทาง  หรือแม้แต่การนำศพจากบ้านไปวัดก็ต้องนิมนต์พระสงฆ์นำทาง  รวมถึงการนำศพขึ้นเมรุจะเผา   ก็ยังต้องนิมนต์พระสงฆ์องค์เณร  เดินนำหน้าศพก่อนเผาเสมอ   

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-26 21:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้