ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
~ หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย ~
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
~ หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย ~
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
21
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงพ่อมี
เล่าว่า “พอฉันเดินเข้าไปใกล้เด็กผู้หญิงผมจุกนั้น พอได้กลิ่นหอมของข้าวเข้าเท่านั้น ก็รู้สึกหายหิวทันที...เด็กผมจุกตักข้าวเปล่า ๆ ใส่บาตรพระด้วยกิริยามารยาทอันเรียบร้อยองค์ละทัพพีเดียวเท่านั้น แต่ไม่มีกับข้าวอย่างอื่นอีก...เมื่อพระทั้งหมดกลับมาฉันแล้วก็รู้สึกว่า ข้าวนั้นมีสีขาวและเม็ดใหญ่กว่าปกติ เวลาตักใส่ปาก ก็หอมนุ่มนวลอย่างไม่เคยฉันมาก่อนเลย...พอฉันเสร็จแล้วรู้สึกอิ่มไปตลอดทั้งวันเลยทีเดียว” “พระที่ติดตามฉันไปเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ มาใส่บาตรกลางป่าลึก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีบ้านคนอยู่ในละแวกนั้นเลย...ก็เลยเผลอตัวลืมคำตักเตือนของฉัน เดินวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดทาง บ้างก็ว่าเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเจ้าป่าเจ้าเขายุ่งกันไปหมด...ฉันจะหันไปห้ามปรามก็ไม่ได้ เพราะต้องคอยสำรวมใจ ควบคุมสติและอารมณ์อยู่ทุกขณะลมหายใจเข้า ออก...ถ้าหันกลับไปพูดว่าพระท่านแล้วอาจจะเสียอารมณ์ภาวนาได้...อาจจะทำให้เสียการณ์เกิดอันตรายขึ้นกับพระท่านได้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย...ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยพบเห็นสิ่งแปลก ๆ อะไรอีกเลย”
ฉะนั้น ในการออกธุดงค์ของ
หลวงพ่อมี
ในครั้งต่อไป
หลวงพ่อปาน
จึงบอกให้ท่านธุดงค์เพียงองค์เดียว เพื่อเป็นการทดสอบจิตใจว่า เมื่อเดินธุดงค์เพียงองค์เดียว โดยไม่มีเพื่อนร่วมทางแล้ว จะมีความกล้าพอหรือไม่นั่นเอง
ในที่สุดคณะธุดงค์ก็รอนแรมมาถึงจุดหมายปลายทางคือ ดอยสุเทพ เชียงใหม่ และเมื่อได้กราบไหว้ พระบรมสารีริกธาตุ บนดอยสุเทพแล้วก็เดินทางกลับวัดมารวิชัย เหตุการณ์ตอนขากลับนี้ ตลอดทางไม่มีเรื่องราวอะไรที่น่าตื่นเต้นควรแก่การนำมาเล่า จึงขอรวบรัดตัดตอนผ่านไป ซึ่งกว่าจะกลับถึงวัดมารวิชัยก็เป็นเวลาเกือบถึงเทศกาลเข้าพรรษาในปี พ.ศ. 2479 เป็นการออกธุดงค์ครั้งนี้นานนับ 8 เดือนทีเดียว
ดังนั้นเมื่อพระธุดงค์ทั้งหลายเดินทางกลับสู่วัดมารวิชัยโดยสวัสดิภาพ ไม่มีพระภิกษุรูปใดได้รับอันตรายจากการบุกป่าฝ่าดง ซึ่งมีแต่ภัยอันตรายต่าง ๆ นา ๆ รอบด้านเลยแม้แต่น้อย กิตติศัพท์ความมีวิทยาคมแก่กล้าของลูกศิษย์
หลวงพ่อปาน
ที่สามารถให้ความคุ้มครองพระทุกองค์เดินธุดงค์ไปกลับจากเชียงใหม่โดยปลอดภัยในครั้งนี้ จึงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วภายในเขตบ้านแพนสมัยนั้น ชื่อเสียงของ
หลวงพ่อมี
จึงมีผู้คนกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
แต่แทนที่
หลวงพ่อมี
จะดีใจหรือหลงระเริงลืมตัวกับคำสรรเสริญเยินยอต่อคำกล่าวชมของชาวบ้านทั้งหลาย ท่านกลับออกตัวพูดอย่างถ่อมตนว่า เหตุที่เดินทางโดยปลอดภัยในครั้งนี้ เป็นเพราะบารมีของ
หลวงพ่อปาน
และ
หลวงพ่อจง
ที่คอยคุ้มครองปกป้องโดยแท้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
22
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ธุดงค์พบหลวงพ่อแช่ม
หลังจากออกพรรษาในปลายปี พ.ศ. 2479 ก็กราบลา
หลวงพ่อปาน
และ
หลวงพ่อจง
ก่อนออกธุดงค์เช่นเคย แล้วแบกกลดถืออัฐบริขารเดินดุ่มไปเพียงลำพัง ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการธุดงค์ครั้งที่ 5 ของท่าน การเดินทางตั้งต้นที่อยุธยา นนทบุรี เข้าสู่นครปฐม จึงได้มีโอกาสไปกราบนมัสการและเล่าเรียนเวทบางประการกับ
หลวงพ่อแช่ม
ที่วัดตาก้อง ซึ่งกำลังมีชื่อเสียงอยู่ในเวลานั้น
“ปฏิปทาของท่านก็งดงามดีแล้ว แต่แปลกตรงที่ปลูกผักทำสวนครัวเองเท่านั้น และก็รู้สึกว่าชาวบ้านในละแวกนั้นให้ความเคารพนับถือยำเกรงท่านเป็นอย่างดีทุก ๆ คน...”
หลวงพ่อมี
ได้ศึกษาหลักปฏิบัติธรรมภาวนาและวิชาบางประการกับ
หลวงพ่อแช่ม
อยู่ 1 คืน พอวันรุ่งขึ้นเมื่อฉันเช้าเรียบร้อยแล้วก็กราบลา
หลวงพ่อแช่ม
ออกจากวัดตาก้องใฝ่แสวงหาความสงัดวิเวกทางจิตต่อไป โดยมุ่งเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ไปสังขละบุรีจนถึงด่านพระเจดีย์ 3 องค์ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนพม่า จากนั้น
หลวงพ่อมี
ก็เดินอ้อมเข้าจังหวัดอุทัยธานี สุพรรณบุรี แล้วก็ถึงอยุธยากลับเข้า
วัดมารวิชัย
เมื่อกลางเดือน 6 ของปี พ.ศ. 2480
การถือรุกขมูลเพียงลำพังเป็นครั้งแรกของ
หลวงพ่อมี
นี้ ภายในดวงจิตของท่านปราศจากความหวาดกลัวต่อภัยอันตรายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ท่านบอกว่า
“จะเป็นจะตายก็ช่าง เพราะชีวิตนี้ได้อุทิศตนให้แก่บวรพุทธศาสนาหมดสิ้นแล้ว”
ดังนั้น
หลวงพ่อมี
จึงไม่มีความหวั่นไหวแต่ประการใด ซึ่งท่านได้กล่าวเปิดเผยว่า การเดินธุดงค์เพียงลำพังองค์เดียวยังดีกว่าไปกันหลาย ๆ องค์เสียอีก เพราะไม่ต้องไปคอยห่วงพะวงถึงความเป็นอยู่และความปลอดภัยของผู้อื่น อันเป็นภาระรับผิดชอบที่หนักหนาไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะประการที่สำคัญยิ่งก็คือ
การปฏิบัติธรรมภาวนาแต่ลำพัง ทำให้ดวงจิตได้รับความสงบจากความสงัดวิเวกได้เป็นสุขดียิ่งกว่าการปฏิบัติกับหมู่คณะหลาย ๆ องค์ นี่คือเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ อันเป็นประสบการณ์ของ
หลวงพ่อมี
ซึ่งมีค่าต่อนักปฏิบัติที่กำลังใฝ่หาความจริงกันอย่างยิ่ง ก็ขอฝากเป็นข้อคิดสำหรับนักปฏิบัติที่มีความตั้งใจต้องการจะเอาดีกันจริง ๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าจะปฏิบัติอวดชาวบ้าน ทดลองทำดูเล่น ๆ หรือทำตามเพื่อนแบบพวกมากลากกันไปเท่านั้น !
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
23
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิญญาณหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ยนอก จ.สมุทรปราการ
ปลายปี พ.ศ. 2480 อันเป็นการรุกขมูลครั้งสุดท้ายของ
หลวงพ่อมี
ในเช้าวันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อมีเตรียมหาสถานที่ปักกลด ก็มาพบกับขบวนพระธุดงค์คณะหนึ่ง ซึ่งต้องกล่าวว่าเป็น
“ขบวนธุดงค์”
เพราะเหตุว่า มากันเป็นหมู่คณะที่มีทั้งพระภิกษุ และแม่ชีมีจำนวนมากกว่าร้อยรูป กำลังปัดกวาดสถานที่สำหรับปักกลดอยู่ ณ ที่แห่งนั้นเช่นกัน
หลวงพ่อมี
เห็นขบวนพระธุดงค์แล้ว บังเกิดความเลื่อมใสในตัวพระอาจารย์ที่เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมพระภิกษุและแม่ชีนับร้อยรูป ออกธุดงค์ด้วยกิริยาอันสำรวมและมีวินัยอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ ท่านต้องไม่ใช่เป็นพระภิกษุธรรมดาอย่างแน่นอน
เมื่อดวงจิตของ
หลวงพ่อมี
บังเกิดความสัมผัสอันประหลาดดังนี้แล้ว ท่านจึงสอดส่ายสายตามองหา ก็บังเอิญพบเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมีลักษณะพิเศษ นั่งขัดสมาธิโดดเด่นอยู่บนโขดหินห่างจากกลุ่มพระธุดงค์ขึ้นไปทางเหนือ
หลวงพ่อมี
จึงเดินตรงไปกราบนมัสการท่านทันที
หลวงพ่อมี
เล่าว่า ท่านยังจำลักษณะของพระภิกษุรูปนั้นได้ติดตา เพราะว่าท่านมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร คือมีรูปกายสูงใหญ่ดุจคนโบราณ ห่มผ้าจีวรสีกรักมองดูดำทะมึน แต่ก็มีลักษณะราศีงดงามอย่างบอกไม่ถูก จนทำให้ภายในจิตใจของหลวงพ่อมี บังเกิดความเลื่อมใสท่านมากยิ่งขึ้น
“ผมมากราบนมัสการหลวงพ่อขอให้ช่วยแนะนำหลักการปฏิบัติธรรมกับผมบ้างครับ”
หลวงพ่อมี
เข้าไปกราบนมัสการท่านแล้ว เอ่ยปากขอเล่าเรียนธรรมปฏิบัติทันที โดยไม่มีการอ้อมค้อมตามแบบฉบับชอบพูดตรง ๆ ของท่านอย่างฉะฉาน หลวงพ่อองค์ใหญ่ยกมือขึ้นรับไหว้ แล้วพูดด้วยสำเนียงเสียงอันดังกังวานอย่างมีอำนาจขึ้นโดยไม่ได้ขยับตัวว่า
“ที่ท่านทำมานั่นดีแล้ว...ถูกต้องแล้ว ผมไม่มีอะไรจะสอนท่านอีก...ขอให้ท่านเจริญรอยตามพระพุทธองค์ท่านไว้...”
ว่าแล้วท่านก็สอนวิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระนิพพานตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกำชับให้หลวงพ่อมีหมั่นเพียรปฏิบัติต่อไปจนถึงที่สุด เพื่อให้หมดสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสทั้งมวล ไม่ติดอยู่ในสงสารวัฏอันเป็นการดับทุกข์ซึ่งมีแต่ความเป็นสุขยิ่งกว่าความสุขทั้งปวง
หลวงพ่อมี
ได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากพระภิกษุรูปนั้นแล้ว พอสมควรแก่เวลาก็กราบลาท่าน และเมื่อเรียนถามชื่อของท่านแล้วก็ทราบโดยละเอียดว่าท่านเป็นใครมาจากไหน
“ฉันชื่อปาน อยู่วัดคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ มาคอยคุ้มครองพระท่านออกรุกขมูล”
พอ
หลวงพ่อ
มีทราบว่า ท่านคือ
หลวงพ่อปาน
อยู่วัดคลองด่านเข้าเท่านั้น ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านเป็นอย่างดี เพราะทราบว่าท่านถึงแก่มรณภาพไปนานแล้ว แต่หลวงพ่อมีก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจให้เสียกิริยาตามที่
หลวงพ่อปาน
วัดบางนมโค ท่านเคยกล่าวย้ำสั่งสอนเป็นนักเป็นหนาว่า
ถ้าพบเห็นสิ่งแปลก ๆ ในระหว่างรุกขมูลอย่าได้สงสัยไตร่ถามเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะไม่ได้พบเห็นสิ่งลี้ลับอันมหัศจรรย์นั้นอีก และอย่าเก็บเอาสิ่งที่เห็นนั้นมาวิพากษ์วิจารณ์หรือเก็บเอามาคิดจนเสียเวลาภาวนา
หลวงพ่อมี
จึงกราบลา
หลวงพ่อปานวัดคลองด่าน
แล้วถอยกลับมาเข้าสู่กลดของตนเอง กระทำสมาธิภาวนาตามกิจวัตรประจำวันเรื่อยไป จนถึงรุ่งเช้าก็ถอยกลด ออกเดินรุกขมูลต่อไป
ในภายหลังที่
หลวงพ่อมี
กลับถึงวัดและได้เล่าเรื่องราวที่ได้พบกับ
หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน
ให้กับ
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
ฟัง จึงทราบว่า
หลวงพ่อปาน
วัดคลองด่านท่านถึงแก่กาลมรณภาพไปนานเกือบ 30 ปีแล้ว มีผู้รู้ประวัติ
หลวงพ่อปาน
วัดคลองด่านเป็นอย่างดีกล่าวว่า ดูจากลักษณะพระภิกษุที่หลวงพ่อมีพบแล้วอ้างว่าเป็นหลวงพ่อปาน อยู่วัดคลองด่านนั้น คงจะเป็นตัวท่านจริง ๆ เพราะตามประวัติวัดก็บอกไว้แล้วว่า
หลวงพ่อปาน
ท่านมีรูปร่างใหญ่โต และพูดจาเสียงดังฟังชัด ซึ่งจะเป็นหลวงพ่อปานองค์อื่นไปไม่ได้ เนื่องจากวัดคลองด่าน มีหลวงพ่อปานองค์นี้องค์เดียวเท่านั้น ที่มีรูปร่างสูง ใหญ่เช่นนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
24
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ดังนั้น พระภิกษุที่หลวงพ่อมีกราบนมัสการ ระหว่างทางต้องเป็นดวงวิญญาณของ
หลวงพ่อปาน
วัดคลองด่านที่มาคอยให้ความคุ้มครองศิษย์ของท่านทั้งหลาย ที่มาถือรุกขมูลตามที่ท่านบอกนั่นเอง ! ในการออกรุกขมูลของหลวงพ่อมีครั้งนี้ใช้เวลาแค่ 6 เดือนเท่านั้น ท่านก็เดินธุดงค์กลับเข้าวัดบางนมโค ก่อนที่จะเข้า
วัดมารวิชัย
เมื่อเดือน 6 ในปี พ.ศ. 2481 เนื่องจาก
หลวงพ่อมี
ท่านเป็นห่วงอาการอาพาธของ
หลวงพ่อปาน
เป็นอย่างมาก เพราะท่านเคยประกาศว่าจะถึงแก่มรณภาพภายในเดือน 8 ของปีนี้แล้ว
สิ้นสุดการออกธุดงค์
การถือธุดงค์ของ
หลวงพ่อมี
6 ครั้ง ต้องสิ้นสุดลงแค่ 7 ปีเท่านั้น (2475 – 2481) เพราะเดิมทีท่านได้ตั้งใจจะออกธุดงค์ตลอด 10 ปี แต่บังเอิญมีสาเหตุถูกตั้งเป็นเจ้าอาวาส
วัดมารวิชัย
ทำการบูรณะอุโบสถที่กำลังชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา จนพระภิกษุสงฆ์ทำสังฆกรรมไม่ได้ ให้มั่นคงถาวรยิ่งขึ้นสืบต่อไป
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
25
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสร้างพระเครื่อง
ในสมัย
หลวงพ่อนิล
วัดหน้าต่างใน น้องชายคู่บารมีขององค์ท่าน
หลวงพ่อจง
วัดหน้าต่างนอก เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ได้กล่าวคำทำนายอนาคตของ
หลวงพ่อมี
ต่อหน้าองค์ท่าน
หลวงพ่อจง
ไว้ว่า
“หลวงพ่อมี จะมีชื่อเสียงเมื่ออายุมากแล้ว แต่จะค่อย ๆ มีชื่อเสียงเหมือนกับหลวงพ่อจง ไม่โด่งดังตูมตามเหมือนกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”
การที่หลวงพ่อนิล วัดหน้าต่างในกล่าวคำเปรียบเทียบหลวงพ่อมีดังนี้ เนื่องจากในยุคสมัยนั้น ชื่อเสียงกิตติคุณขององค์ท่านหลวงพ่อปาน โสนันโท แห่งวัดบางนมโค โด่งดังมากกว่าหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อีกทั้งยังมีลูกศิษย์ลูกหาหลัก ๆ มากกว่าหลวงพ่อจงเสียอีกด้วย สังเกตได้จากวิชาอาคมที่องค์ท่านหลวงพ่อมี นำมาใช้จึงมักจะเป็นวิชาจากหลวงพ่อปาน ส่วนพระเลขพระยันต์ ที่องค์ท่านหลวงพ่อมีใช้เป็นยันต์หลักประจำตัวตลอดมานั้น ท่านใช้ยันต์พระพรหม 4 หน้า ของหลวงพ่อเขียน พระอาจารย์หลวงน้า วัดบ้านพร้าวนอก ปทุมธานีผู้เรืองวิชา
มาบัดนี้ หลวงพ่อมีท่านมีสิริอายุ 87 พรรษา คำทำนายของหลวงพ่อนิล วัดหน้าต่างนอกในครั้งกระนั้นตรง ๆ จะ ๆ เมื่อเหตุการณ์และสานุศิษย์ ต่างได้เห็นในพลังคุณ ในพุทธคุณที่องค์ท่านหลวงพ่อมีใช้เวลาผ่านมาในพรรษาถึง 65 พรรษา ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วแคว้นในปัจจุบัน ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทั้งใกล้และไกลต่างเดินทางเข้าขอพร ขอของดีกับหลวงพ่อมี ที่วัดมารวิชัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังเกตได้จาก ไม่ว่าหลวงพ่อมี ท่านสร้างและปลุกเสกพระเครื่องหรือวัตถุมงคลใด ๆ ออกมา ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมชมชอบจากพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวางทุกอย่างเป็นเพราะ
ของท่านใช้ได้ผล
กาลเวลาที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์แล้วว่า ชื่อเสียงขององค์ท่านหลวงพ่อมี โด่งดังมาได้อย่างไร ท่านผู้อ่านที่ติดตามมาถึงบรรทัดนี้ คงไม่แปลกใจเพราะได้ทราบในปฏิปทาและศีลาจารวัตร ตลอดถึงเรื่องเวทวิทยาคมที่องค์ท่านศึกษา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วมากล้นด้วยความเพียบพร้อม คือเป็นประกาศกิตติคุณมาตั้งแต่ครั้งกระโน้นก็ว่าได้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
26
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระคาถาปลุกเสกพระ
หลวงพ่อมี
มอบประสิทธิ์ประสาทพระคาถาปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังทุกชนิดของท่านแด่ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ทั้งยังใช้ปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังได้ทุกอย่าง และทุกสำนักอีกด้วย เพราะเป็นพระคาถาจากพระคัมภีร์โบราณเก่าแก่ของ
หลวงพ่อสุวรรณ
อดีตเจ้าอาวาสผู้เรืองวิทยาคมองค์ที่ 2 ของ
วัดมารวิชัย
ดังนี้
ตั้ง
“นะโม”
3 จบแล้วว่า...
“อิสวาสุ ตะโนติ กุสะลังธัมมังตะโนติ ธัมมะเทสะนัง กุสะลังธัมมังตัณหายะ วิจะรันตานัง ตัณหานะคาตัง นะมามิหัง”
ท่านให้ปลุกเสก 3-5-7 หรือ 9 คาบ ก็ได้ยิ่งมากยิ่งดี ข้อสำคัญจะใช้ไปในทางไหนควรอธิษฐานกล่าวคำอาราธนาก่อนทุกครั้ง จะประเสริฐยิ่งนักแล
“พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธัมมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า คุณพระบิดามารดา คุณครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ คุณพระพรหม เทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้ข้าพเจ้า (ปรารถนาสิ่งใด ให้ว่าสิ่งนั้นเพียงประการเดียว)...สรรพพุทธาประสิทธิ์ สรรพธัมมาประสิทธิ์ สรรสังฆาประสิทธิ์ สรรพสิทธิ์ ภะวันตุเม”
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
27
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สร้างพระเครื่องอิทธิมงคล
เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ของ
หลวงพ่อมี
ปี พ.ศ. 2507 เป็นเหรียญยอดนิยมที่มีสนนราคาสูงเล่นหากันในวงการพระเครื่องถึงหลักพันต้น ๆ ก็ยังหายาก และไม่ค่อยจะมีใครปล่อยหลุดมือง่าย ๆ กล่าวคือ ประสบการณ์ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรีของเหรียญรุ่นแรกเด่นชัดมาก เพราะเคยมีผู้ถูกฟันด้วย มีดพร้า คือมีดขอขนาดใหญ่ ด้ามยาวมีปลายเป็นขอคมมาก ใช้สำหรับเกี่ยวตัดต้นอ้อยฉับเดียวขาดครั้งละหลาย ๆ ลำ แต่มีดพร้าที่ว่าคมแสนคมยังฟันคอ ผู้ที่มีเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อมีไม่เข้ามาแล้วหลายราย ! ที่เคยถูกแทงด้วย มีดปลายแหลม จนเสื้อทะลุแต่ไม่เข้าก็มีหลายราย ประสบการณ์จากการถูกยิงด้วยปืน ชนิดที่ห้อยเหรียญเดี่ยว ๆ อยู่บนคอ ไม่เคยเข้าเลยสักรายเดียว เรียกว่ามีผู้เคยถูกยิงด้วยปืนไม่เข้ามาแล้วหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปืนลูกโดด ปืนลูกซองแผด ปืนจุด 38 และปืนคอลท์ตราควายไทยประดิษฐ์ ที่ผ่านการปลุกเสกประจุอาคมซึ่งนักแสดงลูกทุ่งชอบใช้ยิงคัดทำลายอาคมต่าง ๆ ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ สำหรับปืนเอ็ม 16 อาวุธสงครามร้ายแรงยังไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ใคร ๆ ก็เชื่อว่า “กันได้แน่” ! เพราะเคยมีผู้ใช้ติดตัว เหยียบกับระเบิดไม่เป็นอะไรมาแล้ว อาวุธอย่างอื่นเห็นทีไม่ต้องพูดถึง และประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อปีที่แล้ว ลูกเขยลุงสำแล ธนสนธิ์ ถูกลอบยิงด้วย ปืนเอ็ม 16 เสียชีวิต ส่วนลูกสาวถูกยิงทะลุฝ่ามือ ที่ยกขึ้นป้องหน้าอก แต่ลูกกระสุนสงครามที่ยิงทะลุฝ่ามือ 2 นัด นัดหนึ่งยิงถูกสร้อยคอขาด ไม่ระคายผิว ! อีกนัดหนึ่งยิงถูกพระของหลวงพ่อมีเลี่ยมพลาสติกแตกละเอียด แต่ก็ไม่ระคายผิวเช่นกัน ! ลูกสาวลุงสำแล
ซึ่งเป็นน้องของ
หลวงพ่อมี
ไม่ได้ห้อยเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อมี เพียงแต่ห้อยภาพถ่ายเล็ก ๆ เป็นกระดาษขาว-ดำ เลี่ยมพลาสติกอยู่บนคอภาพเดียวเท่านั้น... เป็นภาพถ่ายรุ่น 2 หลวงพ่อมีสร้างและปลุกเสก เมื่อปี พ.ศ. 2522 นี่เอง ! ภาพถ่ายรุ่นนี้จึงได้รับการขนานนามว่า
“รุ่นเอ็มสิบหก”
ขนาดภาพถ่ายเล็ก ๆ ของหลวงพ่อมียังมีพุทธานุภาพมหาศาล สามารถป้องกันปืนเอ็ม 16 ได้ อิทธิมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อมีจึงถูกผู้รู้เสาะหากันอย่างเกรียวกราว ซึ่งก็เป็นที่แน่นอน เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อมีจึงมีผู้เสาะแสวงหาอย่างกว้างขวางขึ้น ค่านิยมก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ประสบการณ์ในเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อมีทางด้านอื่น ๆ ยังมีอีกมาก เช่น ถูกรุมตีด้วยไม้จนน่วมไปหมดทั้งตัวถึงกับเสียสติ ก็ยังไม่แตก ! ไม่ตาย ! ทางด้านอุบัติภัย แคล้วคลาด ทางท้องถนนก็รอดพ้นจากภยันตรายมาแล้วราวปาฏิหาริย์นับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่ทางด้านเขี้ยวงา เช่น สุนัขกัด งูกัด หรือถูกประหลาดุกยักษ์ก็ไม่มีใครเป็นอะไรเลย แม้แต่น้อย บรรดาชาวไร่ชาวนาละแวกวัดมารวิชัย ได้ประจักษ์เห็นความศักดิ์สิทธิ์ในเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อมีมามากแล้ว ดังนั้นชาวบ้านที่มีอยู่จึงหวงแหนกันมากขนาดเหรียญสึก ๆ ที่ใช้แล้ว ชาวกรุงเทพฯ เสนอราคาให้ถึง 3-4 พันยังไม่มีใครยอมออกง่าย ๆ ทั้งที่คนส่วนใหญ่จะจน และยังเช่านาหลวงทำนาอยู่ก็ยังไม่ปล่อย เพราะเหตุที่นับถือและใช้ได้ผลดีจริงนั่นเอง
หลวงพ่อมี พระเถราจารย์จอมขมังเวทผู้มีสิริอายุในตอนนั้น 75 ปี เล่ากรรมวิธีการปลุกเสกเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายฟังอยู่เสมอว่า “ฉันยกเหรียญที่อยู่ในหีบไปให้หลวงพ่อจง หน้าต่างนอก ปลุกเสกถึงที่นอน 7 วัน ยกไปให้หลวงพ่อสังข์ วัดน้ำเต้า ปลุกเสกอีก 7 วัน...แล้วนิมนต์พระคุณเจ้าเก่ง ๆ ของอยุธยามาทำพิธีปลุกเสกในโบสถ์อีก 4 องค์ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ...หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช และหลวงพ่อบุญ วัดบางกระทิง และหลวงพ่อเจาะ ประดู่โลกเชษฐ์...พิธีปลุกเสกนั่นทำกันตั้งแต่เช้า ฉันก็เข้านั่งด้วย รวม 5 รูปตลอดคืนยันรุ่ง”
จากการเปิดเผยของ
หลวงพ่อมี
นี้เอง ทำให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหานิยมใช้เหรียญรุ่นแรกกันมาก เพราะอาศัยที่ผ่านการปลุกเสกจากหลวงพ่อจงถึง 7 วัน จึงเชื่อในพุทธคุณ
“สามารถใช้แทนเหรียญหลวงพ่อจงได้เป็นอย่างดี”
ทั้งยังได้รับการปลุกเสกจากพระอาจารย์ผู้เรืองวิชาอีก 4 องค์ ดังกล่าว ซึ่งล้วนเสียชีวิตไปหมดแล้ว
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
28
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหรียญรุ่นแรก ยิง 3 ครั้ง ปืนแตก
คุณกลมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองอิทธิมงคลของหลวงพ่อมีให้ฟังต่อไปว่า “ผมได้พระทุกอย่างของหลวงพ่อไปแล้ว ต้องนำมาทดลองทุกครั้ง...ไม่ใช่ผมจะไม่เชื่อถือท่านนะครับ แต่ผมอยากจะรู้ว่า พระแบบไหนใช้ทางไหนบ้าง เรียกว่าเคยทดลองยิงมาแล้วทุกอย่าง...บางอย่างก็ยิงไม่ออก บางอย่างก็ยิงออกแต่จ่อยิงใกล้ ๆ ไม่เคยถูก มีพระบางอย่างยิงถูกกระเด็นไปไกล แต่ไม่มีรอยถูกลูกปืนยิงเลยก็มี” “เท่าที่คุณพี่เคยทดลองมาแล้ว มีพระอะไรของหลวงพ่อที่ยิงไม่ออกบ้างครับ?” ผู้เขียนซักถามต่อด้วยความสนใจ “ก็มีเหรียญของหลวงพ่อรุ่นแรก...รุ่นฉลองพระครูนั่นแหละที่ยิงถึง 3 นัด ไม่ออก แต่พอยิงนัดที่ 3 ปืนแตก...ผมจึงไม่กล้ายิงพระรูปหล่อ 3 นัด เพราะกลัวปืนแตกอีก...แล้วก็มีตะกรุดโทน เคยยิงออกบ้างไม่ออกบ้าง จึงมาถามหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่า...ไม่ได้ลงมหาอุดทุกดอก” !
“แล้วพระผง เหรียญ แหวนต่าง ๆ และพระเมฆพัดเล่าครับ คุณพี่ทดลองแล้วได้ผลยังไงบ้าง?” “พระของหลวงพ่อใช้ดีทุกทางละครับ ส่วนใหญ่จะใช้ดีทางด้านแคล้วคลาดและคงกระพัน...ที่เมตตาดีก็มีเพราะมีคนพบประสบการณ์มากมายแล้วทุก ๆ ด้าน ถ้าคุณไม่เชื่อให้ไปถามชาวบ้านแถวนี้ดูก็ได้รู้ดีทุกคน ขึ้นชื่อว่าเป็นพระของหลวงพ่อแล้ว ใครได้พระอะไรก็ใช้ติดตัวกันอย่างนั้น ไม่ได้จำกัดรุ่น ขอให้เป็นพระของหลวงพ่อก็ใช้ได้” คุณกมลกล่าวอธิบาย “คุณทดลองยิงผ้ายันต์รอยมือแล้วหรือยัง?”
“ยังครับ ผมเห็นหลวงพ่อท่านตั้งใจทำพิธีพิมพ์มือและปลุกเสกในโบสถ์แล้ว ผมเชื่อว่าต้องเป็นของดีแน่ ๆ เพราะไม่เคยเห็นหลวงพ่อทำพิธีจริงจังอย่างนี้มานานแล้ว” !
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
29
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-18 12:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รถคว่ำ 2 ครั้ง ไม่เป็นอะไร
“คุณกมลใช้พระอะไรของหลวงพ่อประจำตัว?” “อ๋อ...ก็เหรียญรุ่นแรกนะครับ เพราะเคยมีประสบการณ์รถคว่ำมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่เป็นอะไรเลย จึงมาขอบวชอยู่กับหลวงพ่อครั้งแรกนานมาแล้ว ได้เหรียญมาใหม่ ๆ ก็เจอเลย ครั้งที่ 2 เมื่อ 5 ปีที่แล้ว รถคว่ำตรงทางโค้งหน้าวัดสามกอ มีคนตายและบาดเจ็บสาหัสทุกคน แต่มีอยู่คนหนึ่งชื่อ ลุงจอง นามสกุล อื้อฉาว อายุเกือบ 60 ปีแล้วก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย ได้ถามแกแล้วก็ มีเหรียญรุ่นแรก ของหลวงพ่อเหมือนกัน” “เท่าที่คุณพี่ได้ยินได้ฟังมา ยังมีใครอีกบ้างที่มีประสบการณ์การใช้พระของหลวงพ่อ?” “ก็มีอยู่หลายคน เอาเฉพาะลูกชายผมเอง ชื่อ ธวัชชัย ตอนนี้อายุ 19 แล้ว เมื่อ 2 ปีก่อน ไปเยี่ยมลุงที่พระประแดง รถปิคอัพคว่ำกลางทางก็ไม่เป็นอะไร ในตัวก็มีเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อเหมือนกัน น้องชายผมเป็นตำรวจชื่อนายดาบประมวล ประจำอยู่ที่วัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี ก็ใช้เหรียญ และตะกรุด ของหลวงพ่อ เคยถูกผู้ก่อการร้ายยิงไม่เข้ามาแล้ว เรียกว่ามีประสบการณ์หนัก ๆ มาแล้วอย่างโชกโชนทางด้านชายแดน”
นี่คือเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับปาฏิหาริย์อิทธิมงคลวัตถุ
หลวงพ่อมี เขมธัมโม
พระอาจารย์จอมขมังเวทแห่ง
วัดมารวิชัย
ซึ่งผู้เขียนได้สัมภาษณ์ผู้พบประสบการณ์อย่างสด ๆ ร้อน ๆ มาแทรกเรื่องให้ท่านผู้อ่านคลายความเคร่งเครียดลงไปบ้าง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54675
30
#
โพสต์ 2013-12-12 00:11
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบนมัสการครับ
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
3
4
/ 4 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...