ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๓. วิรูปักษ์มหาราช
                เทพนครที่ปรากฏในทิศตะวันตกของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานี้ ก็มีลักษณะและความสวยสดงดงามเช่นเดียวกับเทพนครที่ตั้งอยู่ในทิศอื่นๆ เทวาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งครองเทพนครนี้ ทรงพระนามว่า ท้าววิรูปักษ์มหาราช พระองค์ทรงมีบุญญานุภาพมาก รัศมีสดใส มียศเป็นอันมากเทพยดาที่อุบัติบังเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมากมาย ต่างก็ล้วนมีกำลัง มีฤทธิ์มากทั้งนั้น พระองค์เป็นจอมเทพปกครองเทพบริวารในด้านทิศตะวันตกแห่งจาตุมหาราชิกาภูมินี้ โดยผาสุกทุกทิพาราตรี ท้าววิรูปักษ์มหาราชพระองค์นี้ นอกจากจะเป็นจอมเทพปกครองทวยเทวาผู้เป็นบริวารของตนในเทพนครด้านปัจฉิมทิศแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีของพวกนาคอีกด้วย พวกนาคนี้มีฤทธิ์มาก พิษแห่งนาคทั้งหลายมีฤทธิ์กล้า อาจตัดเอาผิวหนังแห่งบุคคลให้ถึงแก่ความตายในพริบตาเหมือนกับคมดาบ และเหล่านาคย่อมรู้ จักนฤมิตตนได้ เมื่อจะเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ บางคราวย่อมนฤมิตตนเป็นงู บางคราวก็เป็นเพศเทวดา บางคราวก็นฤมิตเพศเป็นกระแต เที่ยวไปในราวไพรโดยสุขสำราญ


12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๔. เวสสุวัณมหาราช
                เทพนครอันรุ่งเรืองสวยงาม ซึ่งปรากฏในด้านทิศอุดรคือ ทิศเหนือของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีเทวาผู้ยิ่งใหญ่ทรงพระนามว่า ท้าวเวสสุวัณเป็นจอมเทพผู้ปกครอง ท้าวเธอเป็นมหาราชมีบุญูญานุภาพมาก มีรัศมีมากมียศมาก แม้เทวดาที่อุบัติเกิดเป็นบุตรของพระองค์ก็มีมาก แต่ละพระองค์ล้วนแต่มีกำลัง มีฤทธิ์ มีรัศมี มีอานุภาพมาก ท้าวเวสสุวัณทรงเป็นจอมเทพปกครองหมู่เทวาที่เป็นบริวารของตนอยู่ในเทพนครด้านทิศอุดรแห่งจาตุมหาราชิกาสวรรค์นี้โดยสุขสำราญ ท้าวมหาราชองค์นี้ ยังมีพระนามปรากฏอีกนามหนึ่งว่า ท้าวกุเวร ฉะนั้นพึงทราบว่า ท้าวเวสสุวัณหรือท้าวกุเวรเป็นเทพองค์เดียวกัน คือ ท่านที่ปกครองเทพนครด้านทิศอุดรในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้นอกจากพระองค์จะปกครองทวยเทพในทิศดังกล่าวแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นอธิบดีปกครองพวกยักษ์อีกด้วย

                หากว่าไม่ได้ไปอุบัติเกิดในบริเวณวิมานทิพย์ของเทพองค์ใดทั้งนั้น แต่อุบัติเกิดในที่ว่างระหว่างแดนต่อแดน ไม่ทราบว่าจะเป็นบริวารของเทพผู้เป็นเจ้าของวิมานไหน ในกรณีนี้ องค์เทพผู้ ทรงเป็นอธิบดียิ่งใหญ่กว่าฝูงเทพทั้งปวงในเมืองนั้นย่อมจะเสด็จมาเป็นผู้พิพากษาตัดสิน วิธีพิพากษาของพระองค์ท่านก็คือ หากเทวดาที่เกิดใหม่นั้น เกิดใกล้วิมานของเทพองค์ใด ก็ทรงตัดสินให้เป็นบริวารของเทพองค์นั้น หากว่าอนุมานดูแล้ว สถานที่อุบัติเกิดนั้นกึงกลางพอดี ก็ต้องดูที่หน้าของเทพที่เกิดใหม่ หากว่าหันหน้าเล็งแลไปทางวิมานของเทพองค์ใด พระองค์ก็ตัดสินให้เป็นบริวารของเทพองค์นั้น ถ้าว่าเทวดาผู้เกิดใหม่นั้น ไม่แลดูวิมานของเทพองค์ใดเลย เฉยอยู่เช่นนั้น ท่านอธิบดีผู้พิพากษายิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งปวง ก็ทรงตัดสินเอาเป็นบริวารของพระองค์เองทั้งนี้ เพื่อเป็นการตัดปัญหาเสีย

               

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-20 23:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ถ้าได้เคยสร้างบุญูกุศลไว้มากพอ ก็ไปอุบัติบังเกิดในวิมานของตนเองเพราะว่ามีวิมานคอยต้อนรับอยู่แล้วพร้อมกับบริวาร ไม่ต้องเป็นบุตรธิดาหรือเทวดารับใช้ของผู้ใด เป็นอยู่อย่างอิสระเสรี เสวยสุขอยู่ในเมืองแมนแดนสวรรค์นั้นเมื่อจะกล่าวถึงชีวะความเป็นอยู่ ทวยเทพทั้งหลายย่อมมีสรีระร่างกายเป็นทิพย์ มีรูปโฉมโนมพรรณสวยงามนักหนา กายาเนื้อตัวบริสุทธิ์ ละอาดปราศ-จากมลทินโทษด้วยประการทั้งปวง จะได้มีกลิ่นเหม็นและกลิ่นร้ายในกายของเขาเช่นมนุษย์เรานี้ แม้แต่ลักนิดหนึ่งเป็นไม่มีเลย และเขาย่อมจะเนรมิตกายใหัใหญ่โต หรือเล็กเท่าใดก็ได้ตามจิตปรารถนา เพราะกายาของเขาเป็นทิพย์ เทวดาซึงมีจำนวน ๒๐-๘๐ องค์ อาจจะเนรมิตตนลงให้อยู่ในลถานที่เล็กน้อยประมาณเท่าปลายเส้นผมก็ย่อมทำได้ ในข้อนี้พึงเห็นตัวอย่าง เช่น กาลเมื่อฝูงเทพยดาทั้งหลายพากันมาเฝ้าสมเด็จพระบรมโลกนาถเจ้าองค์พระชินสีห์ บางทีมากันมากตั้งแสนโกฏิเพื่อลดับพระธรรมเทศนา ถ้าว่าเมื่อไม่เนรมิตกายแล้วไซร้ เขาจักได้ที่ ๆ ไหนเป็นที่ฟังธรรมเล่า ฉะนั้น เขาจึงพากันเนรมิตกายลงให้เล็กนักหนา แล้วตั้งใจสดับพระธรรมเทศนาได้โดยสะดวกง่ายดาย

                ฝูงเทพยดาทั้งหลายย่อมบริโภคสุธาโภชนาหารอันเป็นทิพย์ทุกวารวันสุธาโภชนาหารนั้นย่อมแห้งเหือดหายไปในกายของเขาจนหมดสิ้นจะได้มีมูตรคูถมีกลิ่นเหม็นรัายกาจเช่นมนุษยชาติก็หาไม่ ตราบใดที่ยังเป็นเทพอยู่ในสรวงสวรรค์ อุปัทวันตรายอันเกิดแต่โรคภัยไข้เจ็บ ย่อมจะไม่มาเบียดเบียนบีฑาแม้แต่นิดหนึ่งเลย เขาย่อมเป็นอยู่อย่างสุขสำราญ ชื่นบาน นักหนา และทรงผ้าผ่อนเครื่องประดับอลังการอันเป็นทิพย์ มีรัศมีรุ่งเรืองส่องสว่าง ก็ผัาทิพย์ภูษาที่เทวดาทั้งหลายนุ่งห่มนั้น อย่าพลันเข้าใจว่าเป็นผ้าอย่างเมืองมนุษย์ โดยที่แท้ ผ้าของเขาเป็นผ้าทิพย์ผืนเล็กนิดเดียว มีปริมาณเท่าดอกปีบเท่านั้น ครั้นเขาคลี่ออกจะนุ่งห่มนั้น กลับพลันใหญู่ยาวและกว้างพอแก่ร่างกายของเทพยดาผู้เป็นเจ้าของ รัศมีทั้งผอง คือ รัศมีแห่งอาภรณ์วิภูษิตต่างๆ ก็ดี รัศมีแห่งวิมานที่สถิตอยู่ก็ดี รัศมีแห่งกายตัวเทพยดาเองก็ดี ย่อมส่องสว่างรุ่งเรืองนักหนา เมื่อเทวดามากต่อมากต่างก็มีรัศมีรุ่งเรืองส่องสว่างเช่นนี้ ราตรีค่ำคืนอันมืดมัวในสวรรค์เทวโลกจืงไม่มีเหมือนอย่างมนุษยโลก มีแต่ทิวาวารปรากฏเป็นดุจกลางวันอยู่เป็นนิจกาลไม่มีกิจด้วยการตามประทีปแสงไฟน้อยใหญ ให้เหนื่อยยากก็สว่างไสวไปเอง ด้วยอำนาจแห่งรัศมีเงินทองแก้วเก้าเนาวรัตน์อันเป็นทิพย์ซึ่งเกิดจากบุญูญูานุภาพที่เทพยดาทั้งหลายได้พากันสร้างสมอบรมมาแต่ปางบรรพ์
                ชีวิตความเป็นอยู่ที่พรรณนามานี้ เป็นการกล่าวถึงทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์จาตุมหาราชิกาภูมิชั้นสูง นอกจากนี้ ยังมีเหล่าเทพยดาชั้นต่ำที่นับเนื่องในสวรรค์ชันนี้ ซึ่งมีอยู่ในสถานที่ต่างๆ อีกมากมาย เช่น เทวดาบางพวกมี วิมานอยู่บนยอดเขา บางพวกมีวิมานอยู่ที่แง่ภูเขาบรรพต บางพวกมีวิมานอยู่บนอากาศ บางพวกมีวิมานอยู่บนต้นไม้
                อายุ ทวยเทพที่สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ มีอายุได้ ๕๐๐ ปีทิพย์ นับได้เก้าล้านปี ด้วยการคำนวณปีแห่งมนุษยโลกเรานี้ บุรพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติเกิดเป็นเทพยดาเสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นนี โดยมากเมื่อเป็นมนุษย์ เขาเป็นคนมีจิตบริสุทธิ์ พยายามหาความดีใส่ตน สนฺตุฏโฐเป็นคนสันโดษยินดีแต่ของ ๆ ตน เป็นหัวหน้าชักชวนคนทั้งหลายให้ประกอบการอันเป็นบุญกุศล ครั้นแตกกายวายชนม์ กุศลกรรมจึงนำมาให้อุบัติเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ ตามปรารถนา

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้