ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2070
ตอบกลับ: 0
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

รุ่งอรุณแห่งการให้

[คัดลอกลิงก์]
[url=][/url]

                                        รุ่งอรุณแห่งการให้ : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร                                                                
               สองสามีภรรยาเจ้าของโรงแรมและกิจการอสังหาริมทรัพย์ชาวอเมริกัน ในสหรัฐอเมริกา ฝึกปฏิบัติและนับถือพุทธศาสนาเกือบยี่สิบปี เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่พระภิกษุ รวมทั้งฆราวาสที่มาปฏิบัติภาวนาในช่วงสามเดือนฤดูหนาว โดยให้เนื้อที่กว่า ๖๐๐ ไร่ในบริเวณเดียวกับบ้านเป็นที่ภาวนา นอกจากนั้นได้มอบพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นที่พักให้แก่กลุ่มอนุรักษ์ปลาวาฬและสนับสนุนปกป้องสิ่งแวดล้อมไม่ให้ถูกทำลาย

               เราไม่รู้ได้เลยว่าเขาเป็นเศรษฐี เพราะเขาใช้ชีวิตแต่งตัวอย่างธรรมดา อ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน ใจเย็น ไม่ฟุ่มเฟือยหรูหรา ฯลฯ เขาทั้งสองรู้ดีว่าโดยภาระหน้าที่ในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ อาจไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติเต็มที่ในรูปแบบ แต่เมื่อว่างจากการงานเขาจะเข้าร่วมกับผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอ นอกจากนั้นยังอาศัยหน้าที่การงานคือการปฏิบัติธรรม ในทุกห้องของโรงแรมเขาติดคำสั้นๆ ที่ช่วยในการภาวนาทุกห้อง แม้แต่ในห้องพักลูกค้า เช่น กลับมาอยู่กับลมหายใจ ยิ้ม ปล่อยวาง ฯลฯ

               ช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ที่ผ่านมา ณ ที่แห่งนี้ไม่มีงานเลี้ยงฉลองใดๆ คงดำเนินชีวิตอย่างปกติ ผู้เป็นสามีแบ่งปันว่า เราเลี้ยงฉลองด้วยกันทุกวัน จึงไม่จำเป็นต้องหาโอกาสพิเศษ เพราะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่น่ารักของตน ถนอมรักษาน้ำใจทำให้คู่รักมีความสุข ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่เมื่อพลาดหรือทำตัวไม่น่ารัก ก็จะแสดงความรับผิดชอบ สำนึกในความผิดและพยายามปรับตัวใหม่ นั่นคือการเฉลิมฉลอง

               คนในปัจจุบันทุกข์มากกว่าเดิมมากหลายเท่า เพราะเมื่อได้สิ่งใดมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เรายึดมันเต็มร้อยว่ามันคือของของเรา ทำให้หลง อวดตน ทนงตน หยิ่งยโส อหังการ มันมิได้มีความผิดอะไร แต่มันทำให้ใจแคบ กระด้าง ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน นั้นคือที่มาแห่งทุกข์

               เมื่อเรามองดีๆ แรงกายเป็นเพียงส่วนหนึ่งแห่งการได้มาก็จริง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ให้โอกาสเราได้กระทำและได้รับมา ฉะนั้นต่อไปทุกครั้งที่ได้มาไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ต้องตระหนักเสมอว่า ไม่ใช่ของเราคนเดียว เราจึงควรแบ่งปันให้ผู้อื่น ตอบแทนคุณโลก ช่วยเหลือในที่ที่ยังขาด ให้คิดว่าทุกชีวิตคือครอบครัวเรา เราจะสามารถให้ได้กับทุกชีวิต ใจเราจะค่อยกว้างขึ้น อัตตาจะค่อยๆ ลดลง ความสุขจะปรากฏเป็นรูปธรรมมากขึ้น

               เราควรพอใจในการเสพวัตถุแต่น้อยเท่าที่จำเป็น อย่าติดยึดอยู่กับความสบายทางวัตถุเพราะเป็นที่มาแห่งความอ่อนแอทางจิตใจและเพิ่มความทุกข์ภายในมากขึ้น จิตใจจะหยาบขึ้นเรื่อยๆ จนไม่เห็นสิ่งถูกธรรมนองคลองธรรม ยิ่งเสพ เรายิ่งสูญเสียความดีในตัวเอง เพราะเป็นทาสแห่งตัณหาเพิ่มขึ้น จากวัตถุเป็นอำนาจ ชื่อเสียง ฯลฯ เราจะยอมทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุจริตในทุกทางเพื่อให้มาเป็นเจ้าของ แม้ใครทักท้วง ตำหนิก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขัดขวางกิเลสตัณหาที่สิงอยู่ในตัวเราได้

               เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นฝึกได้ พัฒนาจิตใจได้ แต่ถ้ากลับใช้ความเป็นมนุษย์กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องดีงาม นั่นคือการทำร้ายตัวเองอย่างน่าสงสารที่สุด

               เราควรทบทวนและถามตัวเสมอว่า วันนี้เรามีความทุกข์น้อยกว่าเมื่อวานหรือไม่ และต้องตระหนักว่า หน้าที่สำคัญที่สุด คือ ทำให้ทุกข์น้อยลงในทุกๆ วัน โดยฝึกที่จะไม่ยึดสิ่งใดทั้งปวงบนโลกใบนี้ว่าเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายที่หายใจอยู่

               การให้จึงเปรียบเสมือนเครื่องมือในการปฏิบัติในการลดอัตตา ระลึกไว้เสมอว่ามีเพื่อให้ไม่ใช่เพื่อครอบครอง โดยเฉพาะของไหนที่จิตใจหลงยึดชอบมากๆ รีบให้ทันที เราจะรู้เท่าทันจิตใจมากขึ้นว่า ยิ่งยึดนานก็ยิ่งทุกข์นาน

               เมื่อเราให้ได้แบบปล่อยอย่างแท้จริง เราจะค่อยเข้าใจคำว่า 'อิสรภาพ' มากขึ้น

               จิตที่ยึด คือ จุดเริ่มต้นแห่งการเกิด

               ให้ทุกวัน ใจเบาสบาย

               อยากได้ทุกวัน ทุกข์มหันต์ตั้งแต่เริ่ม 'คิด'

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้