ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

แง่คิดชีวิตงาม

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คนพิเศษ

ความพิเศษ ชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้นแต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้น อย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึก "ไม่ธรรมดา"ที่จะนึกถึง เรียกว่าเป็น "ความพิเศษ"ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจก็ในเมื่อคำว่า "พิเศษ" หมายถึงความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ
กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิดให้ "ความรู้สึกดีดี" จากจิตใจที่ดีดี ให้ "ความอาทรถึง"จากจิตใจที่นึกถึง ให้ "ความห่วง" จากจิตใจที่เป็นห่วงให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี "สติ" ให้ไปเถอะให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ "คุกกรุ่น" ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้แต่เมื่อให้ไปแล้วต้อง "ไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม"
และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้าง ก็จงหยุดพักตรึกตรองอย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด "สิ่งดีดี" จนกระจัดกระจายเพราะ "การให้ความหมาย" ไม่ใช่ "การตั้งความหวัง"คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกันแต่คนสองคน "จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน"เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่ง "การเรียกร้อง"
"ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ" โดยที่ไม่รู้ตัว มันร้อนนัก หนาวนัก และไม่เป็นสุขเราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่นๆหากเริ่มรู้สึกตัวว่า ความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อยๆ เดินออกมาสูดอากาศเย็นหากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกันและอย่าลืมว่า "ความพิเศษ" ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุด หรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียวทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ พิเศษในเรื่องนั้น พิเศษในเรื่องนี้
ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้ที่เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์อย่างพิเศษกลับมาจงให้ "ความพิเศษ" เป็นชีวิตชีวา เป็นแววตาที่แจ่มใสเป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้ไม่วิ่งหนี แต่ไม่วิ่งตาม ไม่หักห้าม แต่ไม่กระโจนใส่ ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหวแต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทรจงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำเป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้ ที่เย็นที่ตาและที่ใจและที่ตรงนี้ จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า "คนพิเศษ"คนนั้นจะอยู่ใกล้หรือต้องจากกันไกล ความพิเศษ" นั้นก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ ที่เดิม ที่ซึ่งหัวใจข้างซ้ายอยู่ตรงกัน


ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บอล 5 ลูก

หากชีวิตเราเปรียบเสมือนเกมโยนบอล 5 ลูกสลับกันไปในอากาศคล้ายนักเล่นกลบอลทั้ง 5 เปรียบได้กับ งาน, ครอบครัว, สุขภาพ, เพื่อนและจิตใจเราคงต้องบอกว่า งาน นั้นคงต้องเป็นลูกบอลยาง
ซึ่งแม้ว่าเราจะพลาดพลั้งทำตกกี่ครั้งมันก็สามารถที่จะกระเด้งกระดอนกลับมาให้เรานำกลับมาเล่นต่อได้แต่บอลอีก 4 ลูกที่เหลือ คือ ครอบครัว สุขภาพ เพื่อนและจิตใจนั้นเป็นเช่นลูกแก้ว การพลาดพลั้งทำลูกใดลูกหนึ่งตกไปนั้นแม้เป็นเพียงแค่รอยถลอก รอยตำหนิเล็กๆ รอยหัก แหว่งหรือแตกละเอียดก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขให้มันกลับมาเป็นลูกแก้วที่แววใสดังเดิม ไ ด้
ดังนั้นเราจึงควรระลึกอยู่เสมอว่า.....ชีวิตเราคือ.....การต่อสู้ประคับประคองบอลทั้ง 5 ลูกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้สมดุลย์มากที่สุด.....ทำอย่างไรน่ะหรือ ??อย่างแรก.....** จงอย่าประเมินค่าของตัวเองให้ต่ำต้อย โดยการเปรียบเทียบกับคนอื่นพึงระลึกเสมอว่าเราทุกคนล้วนแตกต่าง กันและทุกคนก็มีความพิเศษเป็นของตนเอง โดยเฉพาะอย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า โดยการปล่อยเวลาให้ผ่านไป** จงคิดว่าทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไปคือส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่าเพิ่งละความพยายามเมื่อเจอปัญหา** จงจำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้นเมื่อคุณทิ้งความพยายามของคุณเองอย่ากลัวที่จะยอมรับว่าเราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์ พร้อมในทุกอย่างเพราะการหลงตัวเองจะเปรียบเสมือนผมเส้นบางๆที่บังตาไม่ให้คุณมองเห็นผู้คนรอบข้าง** จงอย่ากลัวการเสี่ยงเพราะมันคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ถึงความกล้าหาญอย่าทิ้งความรักไปจากชีวิต โดยการบอกว่ามันไม่มีทางที่จะหาพบหนทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับความรักคือการรู้จักให้และการรักษาความรักที่ดีที่สุดคือการให้อิสระกับมัน จำไว้ว่ายิ่งคุณพยายามไขว่คว้ามันไว้กับตัวคุณมากเท่าไรมันก็ยิ่งจะจากไปจากคุณได้เร็วเท่านั้นอย่าพิจารณาชีวิตของคุณเร็วเกินไปจนคุณลืมที่จะนึกว่าคุณมาจากที่ไหนและคุณกำลังจะไปที่ใด
พึงตระหนักว่าความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เราต้องการคือความประทับใจจงอย่ากลัวการรับรู้ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆความรู้นั้นไร้น้ำหนักแต่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มันจะติดตัวคุณไปและจะไม่มีใครที่สามารถขโมยมันไปจากคุณได้จงใช้เวลาและคารมอย่างระมัดระวัง
เพราะทุกสิ่งที่ผ่านไปจะไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันจะไหลย้อนกลับ** จงรู้ว่า ชีวิตไม่ใช่การแข่งขันแต่ชีวิตคือการเดินทางคือการสัมผัสรับรู้ในแต่ละก้าวที่เดินไป** และสุดท้าย จงจำไว้ว่า ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง ...



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสูญเสีย

"ผมขอโทษครับ คุณเซ็นเตอร์ แต่เราไม่สามารถออกใบขับขี่ใหม่ให้คุณได้ถ้าไม่ได้ตรวจดูเลขประกันสังคมของคุณก่อน" เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ฉันต้องอดทนเพื่อพยายามอธิบายว่า ฉันไม่มีบัตรประกันสังคมแล้ว มันถูกขโมยไปที่สถานีรถไฟพร้อมใบขับขี่ กระเป๋าเงิน บัตรเครดิต บัตรธนาคาร เงินสดกับรูปถ่ายลูกของฉัน ยังไม่เลวร้ายพออีกหรือที่ฉันต้องมาที่นี่วันนี้ ฝ่าการจราจรมาต่อแถวยาวน่าเบื่อที่ทุกคนนึกอยากไปอยู่ที่อื่นแทนที่นี่กันทั้งนั้น ฉันดึงเบอร์บัตรคิว และรอเรียกตัวอยู่เพียงเพื่อจะได้รับฟังว่า "วันนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ดาวน์ครับ แต่คุณจะไปรับใบขับขี่ที่สำนักงานอีกแห่งของรัฐได้ ไปทางตะวันออกสักยี่สิบกิโลเมตร ออกจากทางหลวง 290 ก็ถึงครับ" ทั้งหมดเพื่อความผิดที่ฉันไม่ได้ก่อสักนิด ฉันยังคงประสาทเสียเมื่อนึกถึงว่ามีคนแปลกหน้าคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนที่รีบร้อนในช่วงหลังคริสต์มาสที่สถานียูเนียน แล้วกล้าหาญชาญชัยพอที่จะเปิดกระเป๋าถือของฉันและขโมยกระเป๋าเงินไป ความไม่สะดวกทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้คลี่คลายลงเอยวันนี้เมื่อฉันมาที่นี่ เพียงเพื่อจะพบว่าฉันยังต้องขับรถต่อไปอีก ทีแรกขับเข้าเมืองไปสามสิบนาทีเพื่อขอรับบัตรประกันสังคม แล้วขับอีกครึ่งชั่วโมงไปยังสำนักงานแห่งที่สองด้วยความหวังว่าที่นั่นคอมพิวเตอร์จะทำงาน ยังกับว่าฉันไม่มีอะไรดีกว่านี้จะทำแล้วอย่างนั้นแหละ
ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่ฉันดึงเบอร์บัตรคิวและต่อแถวที่สาม ครั้งนี้ที่สำนักงานประกันสังคม ฉันรู้สึกทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนมาสำหรับเรื่องดี ๆ เด็กเล็กร้องให้โหยหวน ผู้ใหญ่บ่นพึมพำ การถูกบังคับให้เหลือแค่ตัวเลขบนบัตรคิวดูจะดูดอะไรก็ตามที่เหมือนความตั้งใจดีกับความเข้าใจออกจากตัวพวกเราที่กำลังรออยู่ "ผมไม่เคยเห็นที่ไหนหยาบกระด้างเท่าที่นี่มาก่อนเลยในชีวิต" ชายชราใบหน้าคร้ามพร่ำรำพันขณะที่กระแทกไม้เท้าลงบนพื้น "ต้องดึงเบอร์มาก่อนถึงจะยอมตอบคำถามนี่" เขาบ่นว่าอย่างไม่เจาะจงให้ใครฟังเป็นพิเศษ แต่พวกเราพยักหน้าเห็นด้วยในความเงียบ ประสิทธิภาพอันเย็นชาการขาดการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อฉันรู้ว่าฉันยังจะต้องเจออีกมากหลังจากที่ฉันออกจากที่นี่ และทั้งหมดนี้เพราะมีคนกล้าหาญชาญชัยมาขโมยกระเป๋าเงินฉันไป ฉันหวนกลับไปนึกถึงที่มาของความระทมของฉัน และรู้สึกกรามขบเข้าหากันแน่นอีกครั้ง ฉันเคยผ่านฉากนี้มาแล้ว เป็นนาทีที่ไม่ทันตั้งตัว สนใจหลายเรื่องพร้อมกัน มีคนวิ่งสับสนไปมารอบตัว และบ่อยครั้งแค่ไหนที่ฉันเตือนลูกสาววัยรุ่นว่าให้ถือกระเป๋าสะพายคล้องไว้ด้านหน้าเวลาที่อยู่ในฝูงชน ฉันไม่ให้อภัยตัวเองหรือขโมยคนนี้ง่าย ๆ แน่ ๆ ฉันยังคงหงุดหงิดและงุ่นง่าน ไม่ใช่เพราะแค่เจ้าขโมยคนนี้ แต่เพราะความไม่สะดวกอันยืดเยื้อของวัน
เมื่อเสียงเรียกเบอร์ของฉันดังขึ้น ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์และฉันรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งในเสื้อคลุมสีชมพูก้าวขึ้นมายืนข้างฉัน ฉันยังรู้สึกด้วยว่าไม่ใช่คิวของเธอ ฉันนั่งรอมาแล้ว เธอก็ต้องทำเหมือนกันด้วยสิ ฉันคิดในใจ "ขอโทษนะคะคุณ คุณต้องไปดึงเบอร์และรอคิวค่ะ" เสมียนพูดแทน ความขุ่นใจของฉัน " แต่ฉันต้องการแค่……." เด็กเล็ก ๆ สองคนดึงเสื้อคลุมของเธอและทารกในอ้อมแขนของเธอแผดเสียงร้อง เสมียนทวนขั้นตอนซ้ำ ด้วยท่าทีดุเดือดและรำคาญมากขึ้น "ได้โปรดเถอะค่ะ คุณ" ผู้เป็นมารดายังสาวพูดใหม่ ครั้งนี้เธอพูดพร้อมเสียงสะอื้น "ดิฉันต้องการถามแค่…. ที่นี่ใช่ที่ที่ดิฉันจะขอรับใบมรณบัตรของสามีดิฉันไหมคะ" เราหยุดนิ่งกลางคัน ทั้งเสมียนทั้งฉัน เราต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ฉันอยากจะโอบกอดผู้เป็นแม่คนนี้ไว้ เช็ดน้ำตาให้เธอ ช่วยอุ้มทารกที่กำลังร้องให้ปลอบลูกเล็ก ๆ ที่กระสับกระส่ายของเธอ ฉันถอยห่างจากเคาน์เตอร์และพึมพำพูดอะไรออกมาว่าเสียใจและ "เชิญค่ะ" เสมียนพูดกับหญิงสาวผู้โศกเศร้าด้วยน้ำเสียงกระด้าง ก่อนจะส่งแบบฟอร์มที่จำเป็นให้ฉัน ฉันกลับมานั่งลงเขียน แต่ฉันปิดปากเงียบและเจียมเนื้อเจียมตัว ฉันเสียกระเป๋าเงินไปหนึ่งใบ แต่เธอเสียสามี ฉันครุ่นคิดขณะที่กรอกฟอร์มก่อนหน้านาทีนี้การสูญเสียของฉันเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ ฉันขับรถไปยังจุดหมายต่อไปด้วยหัวใจที่นึกขอบคุณ ในความคิดของฉัน ฉันยังเห็นภาพผู้หญิงในเสื้อคลุมสีชมพูอีก และได้ยินเสียงสะอื้นของเธอและแม้แต่ขณะที่ขับรถ ฉันก็สวดให้การสูญเสียของเธอและเริ่มต้นตั้งใจที่จะลืมเรื่องการสูญเสียของตัวเอง
บางครั้งเราเองก็คิดว่าการสูญเสียของเรานี่ช่างยิ่งใหญ่เราแทบจะทนไม่ได้ แต่ถ้าเรามองไปรอบๆข้างเราเราอาจจะเห็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่าของเราน่ะครับ



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้อคิดในการใช้ชีวิต

1. อย่าทำลายความหวังของใครเพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้2. เมื่อมีคนเล่าว่าตัวเขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญอะไรก็ตามเราไม่ต้องไปคุยทับปล่อยเขาฟุ้งไปตามสบาย3. รู้จักฟังให้ดี โอกาสทองบางทีมันก็มาถึงแบบแว่ว ๆเท่านั้น4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ตามริมทางเสียบ้าง5. จะคิดการใดจงคิดการให้ใหญ่ๆเข้าไว้แต่เติมความสุขสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย6. หัดทำสิ่งดี ๆให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิดล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น8. เวลาเล่นเกมกับเด็ก ๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ "สอง"แต่อย่าให้ถึง"สาม"11. อย่าวิจารณ์นายจ้างถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุขก็ลาออกซะ12. ทำตัวให้สบาย อย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้วอะไร ๆ มันก็ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก13. ใช้เวลาน้อย ๆ ในการคิดว่า "ใคร" เป็นคนถูกแต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า "อะไร" คือสิ่งที่ถูก14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ "คนโหดร้าย" แต่เราต่อสู้กับ "ความโหดร้าย" ในตัวคน15. คิดให้รอบคอบก่อนจะให้เพื่อนต้องมีภาระในการรักษาความลับ16. เมื่อมีใครสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน18. เป็นคนถ่อมตนคนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้วตั้งแต่เรายังไม่เกิด19. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด...สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้20. อย่าไปหวังเลยว่าชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม21. อย่าให้ปัญหาของเราทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่ายถ้ามีใครมาถามเราว่า "เป็นยังไงบ้างตอนนี้" ก็บอกเขาไปเลยว่า "สบายมาก"22. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาที่คุณมีมันก็วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่า ๆ กับที่ หลุยส์ ปาสเตอร์ , ไมเคิลแอนเจลโล , แม่ชีเทเรซา, ลีโอนาร์โด ดาวินชี, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรืออัลเบิร์ต ไอสไตน์ เขามีนั่นเอง23. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยวเมื่อเหลียวกลับไปดูอดีตเราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำมากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว24. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น25. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น26. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดี ๆ ใหม่ ๆ และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นอยู่แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น27. คงไว้ซึ่งความเป็นคนเปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น28. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้นจะกระจอกงอกง่อยสักปานใด29. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ "กว้างขวาง" มากกว่าการมีชีวิตให้ "ยืนยาว"30. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ คุณทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า?



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มีดโกนหนวด

กาลครั้งหนึ่ง มีมีดโกนหนวดสวยอันหนึ่งทำงานอยู่ในร้านตัดผมวันหนึ่งไม่มีลูกค้าเลย มันจึงออกจากด้ามไปผึ่งแดดเมื่อมันเห็นพระอาทิตย์ส่องแสงสะท้อนใบมีดราวกับกระจกมันมีความรู้สึกภูมิใจในประกายของมันมากดังนั้น เมื่อมันหวนคิดถึงอดีตที่เป็นเพียงมีดโกนหนวด จึงรำพันว่า"วันหนึ่ง ข้าจะกลับไปในร้านที่ข้าเพิ่งจะออกมาหยก ๆ ไหมนะ" ไม่แน่ ๆ!พระผู้เป็นเจ้าคงไม่โปรดแน่เลยที่ความงามเจิดจ้าจะกลับไปโกนหนวดที่ฟอกสบู่แล้วของผู้คนหยาบคายน่าเกลียดเหล่านั้น !ข้าไม่อยากทำงานเป็นเครื่องจักรกลเช่นนั้นอีกต่อไปรูปร่างที่งดงามของข้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานเหล่านี้หรือ ไม่ใช่แน่!ด้วยเหตุนี้ "ข้าจะไปซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับเพื่อลิ้มรสชาติชีวิตพักผ่อนแสนสงบ"พูดจบ มีดโกนหนวดก็แอบซ่อนตัวอย่างดีเพื่อหลบสายตาคนอื่น ๆ
หลายเดือนผ่านไป วันหนึ่ง มันอยากออกไปสูดอากาศจึงออกจากที่ซ่อนแต่กว่าจะออกได้ก็ลำบากลำบนเต็มทีเมื่อมันมองดูตัวเอง มันก็งุนงงเป็นที่สุด ช่างน่าแปลกใจอะไรอย่างนี้มันผิดหูผิดตาเสียจนเหมือนกันเลื่อยขึ้นสนิมและใบมีดของมันก็ไม่สะท้อนความงดงามของพระอาทิตย์อีกต่อไปมันสำนึกผิดอย่างขมขื่น แต่ไร้ประโยชน์ที่จะเสียใจกับความงามที่หายไปมันร้องไห้กับความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้แล้วนี้ พร้อมกับพูดว่า"อนิจจา! คมมีดที่เสียไปน่าจะได้ใช้งานที่ร้านตัดผมมากกว่า!ความบางเฉียบของคมมีดข้ากลายเป็นอะไรไปใบมีดที่เจิดจ้าของข้าอยู่ที่ไหนตอนี้ข้าถูกสนิมกินจนกร่อน ดูน่าเกลียดน่าชังความทุกข์ของข้าไม่มีทางแก้ได้"
คนขี้เกียจก็เหมือนกับมีดโกนนี้ ไม่ทำงานเอาแต่เพ้อฝันจึงสูญเสียรูปร่างและความคมไปสนิมนั้นคือความเขลาและความเกียจคร้าน



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เพื่อนกับนาฬิกา

ถามอะไรคุณอย่างนึงได้ไหมคะเพื่อนตามความคิดคุณคืออะไร?เค้ามีความสำคัญกับคุณมากแค่ไหน“เทียบกับคนรักของคุณได้บ้าง ฤ เปล่า”ฉันมีบ้างอย่างอยากจะเล่าให้ฟังแค่นั้นเอง
มีนาฬิกาปลุกอยู่เรือน 1มันทำหน้าที่ของมันทุกวันทั้งเข็มยาวเข็มสั้น….ยังคงเดินทางรอบหน้าปัดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตอนเช้าๆๆๆๆๆๆๆๆมันจะส่งเสียงกวนประสาทเสียงที่ทำให้เราต้องตื่นจากความฝันแสนหวานเราตอบแทนมันโดยการเอื้อมมือไป ควานหา”ตบหรือกดมันอย่างแรง”ด้วยความรำคาญ เพื่อให้มันเงียบทั้งๆที่มันก็ช่วยให้เราไม่ไปผิดนัดสำคัญๆอยู่เสมอและถ้ามันเผลอปลุกเราในวันพักผ่อนบางทีเราอาจจะขวางมันทิ้งเสียด้วยซ้ำทั้งๆที่เราก็เป็นคนตั้งเวลาเอาไว้เองบ้างครั้งเราก็มั่วทำอย่างอื่นที่เราเห็นว่าสำคัญมากเสียยิ่งกว่า“นาฬิกา” ที่มันตั้งอยู่ที่เดิมของมันทุกวันเราไม่ใส่ใจมันเท่าไรหรอก จะสนใจมันแค่ตอนเรา“อยาก รู้ เวลา ก็ เท่านั้น เอง”จนกระทั่งวันนึงนาฬิกาเดิมๆเรือนนั่นมันเงียบหายไปคุณไม่รู้หรอกว่ามันเงียบไปเมื่อไรคุณจำไม่ได้หรอกว่าตอนมันเดินครั้งสุดท้าย คือ ตอนไหนคุณได้แต่โทษมันในเช้าวันนั้นว่า“ไอ้นาฬิกา เฮงซวย..ทำไมถึงไม่ปลุก”ทั้งที่มันเงียบไปเพราะคุณ………คุณว่าไหม ว่า“เพื่อนมันเหมือน “นาฬิกาปลุกเนอะ…”ทำไมนะเหรอ……….คุณคิดดูสิ---ความรักระหว่างเพื่อนก็เหมือนการเดินของเข็มนาฬิกานะเดินอยู่ที่เดิมๆๆๆๆๆ แต่ก็เดินไปได้เรื่อยๆๆ ไม่เหนื่อยไม่เบื่อบางครั้งเพื่อนก็เตือนเราบอกเรา แนะนำเราไนบางเรื่องที่เราควรจะฟังแต่เรากลับรำคาญมันพูดทำร้ายน้ำใจเค้า หรือทำให้เค้าเสียใจเพราะคิดว่าคำพูดเตือนของเค้าทำให้คุณรำคาญถึงแม้บางทีคุณก็ทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจแต่ลองสังเกตสิสิ่งที่เพื่อนๆคุณเตือน(ด้วยความหวังดีนั้น)บางทีกลับช่วยคุณได้หลายๆเรื่องหลายครั้งหลายคราวที่คุณมัวแต่ทำเรื่องอื่นให้ความสำคัญกับคนอื่นๆๆและมองข้ามความสำคัญเพื่อนเพราะคุณคิดอยู่เสมอว่า……..ความรักของเพื่อน มันเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาเช่นเดียวกับ นาฬิกา…ที่มันจะเดินไปอย่างนั้น…เหมือนทุกๆวันแต่คุณคงลืมไปว่าสักวันถ่านที่คุณใส่ไว้มันก็ต้องหมดนาฬิกาไม่ได้ละเลยหน้าที่ของมันหากเพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไปมันจะเอาแรงที่ไหนเดินหากไม่มี แบตเตอร์รี่เช่นเดียวกันกับเพื่อนของคุณแม้เค้าจะรักและปรารถนาดีกับคุณมากแค่ไหนก็ตามหากคุณเองไม่เคยใส่ใจหลงลืมไปว่ายังมีเค้าอยู่ก็เปรียบเหมือนดังนาฬิกาที่มันไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ของมันหรอกหากแต่เพียงคุณเองที่ไม่เคยจะเอาใจใส่นาฬิกาเก่าๆเดิมๆเรือนนั้นเลยถึงเวลาหรือยังที่คุณจะหันกลับมามองมองดูนาฬิกาเรือนเดิมไม่สายไปใช่ไหมที่คุณจะใส่ถ่านให้มันอีกครั้งและไขลานให้มันเดินดังเดิมเพื่อให้นาฬิกาเรือนเดิมกลับมาทำหน้าที่หน้าเบื่อเดิมๆอักสักครั้งรักเพื่อนๆทุกคนนนนนนนนนนน



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รักที่สมองหรือหัวใจ

....ถ้าใครตอบคำถามได้ว่า รักคนคนหนึ่งเพราะอะไร นั่นเป็นรักจากสมอง สมองมักมีเหตุผล มีคำตอบ ในการที่ต้องรัก และอาจไม่ใช่รักแท้ เพราะรักแท้ เป็นรักที่ไม่มีคำตอบ รักจากความรู้สึก รักเพราะรู้สึกรัก สังเกตง่าย ถ้ารักจากสมอง ชีวิตรักเหมือนอยู่ในโลกความจริง มักไม่อ่อนหวาน ทำอะไรก็มีแผนการ มีเหตุผล มีคำอธิบายร้อยแปด.......ต่างจากรักที่มาจากความรู้สึก ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน อ่อนหวาน อบอุ่น ใช้หัวใจในการตัดสิน กลายเป็นคนไม่มีสมอง...ถ้าใครบอกว่ารักคุณเพราะอะไร พึงจำไว้ว่า รักแท้จะไม่มีเหตุผล จะไม่มีคำว่าอะไร มาทำให้รัก เพราะถ้าบอกว่ารัก เพราะคุณสวย เมื่อความสวยหมด อาจเลิกรักได้ หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคนดี วันหนึ่งก็อ้างได้ว่า ตอนนั้นเห็นคุณเป็นคนดีได้อย่างไร... หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคุณ ก็คงเบื่อที่จะหาคำอื่นมาพูด คำนี้ใช้ง่ายที่สุด........จงฟังคนที่บอกว่า รักคุณ และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรัก นั่นเเสดงว่าใช้หัวใจรัก ไม่ว่าวันข้างหน้า คุณจะเป็นอย่างไร หัวใจก็จะยังไม่มีเหตุผลในการรักอยู่ดี...จะเลือกคนที่ใช้หัวใจรัก หรือคนที่ใช้สมองรัก.....ขึ้นอยู่กับคุณ



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เสน่ห์ของความต่าง

เรื่องของคน 2 คน …..ที่แตกต่างกันเกือบทุกด้านยกเว้น.....ความรู้สึกที่มีให้กันเขาชอบดำ.......เธอชอบขาวเขาชอบเพลงใต้ดิน........เธอฟังเพลงสบายๆเขาตัวสูง........เธอไม่สูงเขาเรียนไม่เก่ง........เธอท็อปเกือบทุกวิชาเขาเก่งกีฬา.........เธอไม่เคยวิ่งทันใครเค้าเขาชอบเสียงเครื่องยนต์........เธอเกลียดความเร็วเขาชอบฝน......เธอกลัวเสียงฟ้าร้องเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เรื่องมาก..........เธอร่าเริงและจำเป็นต้องมีคนอยู่รอบด้านเขาเก็บความรู้สึกและระบายลงสมุดบันทึก........เธออ่อนไหว ขี้เหงา และช่างรู้สึกเขาน้ำตาซึมเพราะมองไม่เห็นค่าของตัวเอง........เธอร้องไห้ให้ความเดียวดายที่เกาะกุมหัวใจเขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ.....เธอชอบมิตรภาพที่ใครต่อใครมอบให้แต่กระนั้น ……..ผู้คนมากมายที่รายล้อมก็ไม่ได้ทำให้เธอหายว้าเหว่ทุกครั้งที่เขาเหงา……..เธอจะนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่เรียกร้องความสนใจทุกครั้งที่เธอร้องไห้ ……….เขาไม่มีคำปลอบโยน เพียงแค่กุมมือเธอไว้ทุกครั้งที่เขามองเห็นเงาตัวเองในกระจก…..เขาจะเห็นเพียงผู้ชาย...ที่ไร้ความสามารถและไม่มีความสำคัญกับใครแต่เธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนึง.....ที่สามารถปกป้องเธอได้และมีค่ามากมายสำหรับเธอทุกครั้งที่ฝนตก …….เธอจะนั่งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้องฝนพัดพาความเหงามาให้ เสียงฟ้าร้องเรียกความกลัวมาใกล้แต่ทุกครั้งที่ฝนตก เขาจะโทรศัพท์หาเธอและจะอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งฝนหยุดตก......แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำเขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่ไม่เคยรู้สึกอึดอัดเขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่เหมือนกับได้พูดคุยกันตลอดเ วลาเขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกอุ่นในใจเขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นนี่คือเสน่ห์....ของความแตกต่าง



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หน้าที่ของนาฬิกา

ณ ห้องนั่งเล่นของบ้านหรูสไตล์ตะวันตกหลังหนึ่งมีนาฬิกาเรือนงามเรือนหนึ่งประดับเด่นอยู่บนผนังของห้องนั่งเล่นนั้นเข็มนาฬิกาทั้งสามบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามนี้ต่างภูมิใจในหน้าที่ของพวกตนที่ได้บอกเวลาอย่างเที่ยงตรงแก่เจ้าของบ้านและผู้มาเยือนมาโดยตลอด
วันหนึ่งเจ้าเข็มวินาทีสีแดงสดรูปร่างเพรียวบางรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องตรากตรำเดินอยู่บนหน้าปัดตลอดเวลาอย่างเหน็ดเหนื่อยในขณะที่ในวันหนึ่งๆเจ้าเข็มสั้นและเจ้าเข็มยาวไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไรเลยเจ้าเข็มวินาทีจึงรู้สึกว่าตนถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างมาก จึงโวยวายออกไปว่า“ ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ พอทีเถอะข้าเหนื่อยเหลือเกินกับการทำหน้าที่ของข้าพวกเจ้าเอาเปรียบข้า ข้าไม่เคยได้พักอย่างพวกเจ้าบ้างเลยข้าไม่อยากเดินอีกต่อไปแล้ว พอกันที “เมื่อได้ฟังดังนั้น .......เจ้าเข็มสั้นจึงบอกกับเจ้าเข็มวินาทีไปด้วยเสียงอันแหลมเล็กว่า“ โอ๊ะ.........โอ!! โถๆๆๆเจ้าเข็มวินาทีเอ๋ยเจ้าหาว่าพวกข้าเอาเปรียบงั้นรึ?เจ้าจงมองดูรูปร่างของข้าสิ อ้วนอุ้ย อ้ า ยและยังตัวสั้นเตี้ยแถมข้ายังมีหัวที่โตมากอีกต่างหากข้าต้องแบกหัวหนักๆนี้ไว้ตลอดเวลาเลยกว่าข้าจะเดินได้แต่ก้าวนี่ช่างยากลำบากกว่าเจ้าเป็นไหนๆแล้วอย่างนี้เจ้าจะมาหาว่าข้าเอาเปรียบเจ้าได้อย่างไรกัน”เจ้าเข็มยาวก็กล่าวเสริมว่า“ เจ้าเข็มวินาทีเอ๋ยเจ้าคงไม่รู้หรอกนะว่าข้าแอบอิจฉาเจ้าที่เจ้ามีรูปร่างเพรียวบางสามารถเดินได้อย่างคล่องแคล่วและมีสีแดงสดใสสะดุดตาเช่นเจ้านี้ ผิดกับข้านักที่ตัวดำและหนาเทอะทะ ““ ไม่จริง พวกเจ้าโกหก ไม่ต้องมาหลอกข้าซะให้ยากบอกว่าข้าดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่มาเป็นข้าดูบ้างล่ะข้าจะได้พักผ่อนเสียที “เจ้าเข็มวินาทีกระแทกเสียงเจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามจึงสลับหน้าที่กันโดยที่เจ้าเข็มสั้นทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มยาวขณะที่เจ้าเข็มยาวทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มวินาทีส่วนเจ้าเข็มวินาทีได้แต่นอนดูเพื่อนๆเดินตามหน้าที่ใหม่มันดีใจมากที่ไม่ค่อยได้เดินสักเท่าไรเพราะมันทำหน้าที่แทนเจ้าเข็มสั้นทันใดนั้นเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เกิดความประหลาดใจมากที่เห็นนาฬิกาเรือนงามบนผนังเดินผิดปกติกึก...กึก..........กึก........เจ้าเข็มวินาทีสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของนาฬิกา“ โอ๊ย......... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? “ เจ้าเข็มวินาทีถามขึ้น“ แย่แล้ว..... พวกเราไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วหรือนี่ทำไมเขาถึงยกนาฬิกาที่เราอยู่ลงจากผนังเสีย ? เราจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้ “เจ้าเข็มสั้นพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ“ เมื่อพวกเราต่างไม่ได้ทำตามหน้าที่ของตนนาฬิกาเรือนนี้ก็ไม่สามารถบอกเวลาได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิมได้อีกแล้วเจ้าของบ้านเขาคงเห็นว่าเราคงหมดประโยชน์แล้วล่ะแต่ข้าว่ามันคงไม่สายเกินไปนะ ที่พวกเราจะทำให้นาฬิกาเรือนที่เราอยู่นี้มีคุณค่าขึ้นอีกครั้งโดยที่เราต้องทำตามหน้าที่ของแต่คนตามเดิม “เจ้าเข็มยาวบอก“ ข้าผิดไปแล้ว เพราะข้าคนเดียวทำให้พวกเราหมดคุณค่าไป “เจ้าเข็มวินาทีพูดด้วยความสำนึกผิดแล้วเจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็กลับมาทำหน้าที่ของพวกตนตามเดิมเมื่อเจ้าของบ้านเห็นว่านาฬิกาเรือนงามของเขาสามารถบอกเวลาได้ตามปกติแล้วเขาจึงนำนาฬิกาเรือนนั้นไปแขวนที่ผนังห้องนั่งเล่นตามเดิมเจ้าเข็มนาฬิกาทั้งสามก็เดินบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนงามตามหน้าที่ของพวกตนอย่างมีความสุข
จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์เป็นการสรรค์สร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต.



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-8 22:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หน้าที่ของนาฬิกา

ถ้าสามารถย่อประชากรโลกลงเหลือเพียง 100 คนโดยยังคงสัดส่วนต่าง ๆ ของประชากรไว้อย่างถูกต้องจะมีสภาพดังนี้
57 คน เป็นชาวเอเชีย21 คน เป็นชาวยุโรป14 คน อยู่ทางฝั่งตะวันตก ทั้งทางเหนือและใต้8 คน เป็นพวกอัฟริกัน
52 คน เป็นผู้หญิง48 คน เป็นผู้ชาย
70 คน เป็นพวกที่ไม่ใช่ผิวขาว30 คน เป็นพวกผิวขาว
70 คน ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์30 คน นับถือศาสนาคริสต์
89 คน เป็นพวกที่มีเพศชัดเจนและชอบเพศตรงข้าม11 คน เป็นพวกที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพศอะไรและชอบเพศเดียวกัน
6 คน เป็นพวกที่ร่ำรวยมาก และมีทรัพย์สมบัติเท่ากับ 59% ของความมั่งคั่งทั้งโลกรวมกัน โดยทั้ง 6 คนนี้เป็นชาวอเมริกัน80 คน อาศัยอยู่ในบ้านที่มีสภาพต่ำกว่ามาตรฐาน70 คน อ่านหนังสือไม่ออก50 คน เป็นโรคขาดอาหาร1 คน กำลังจะตาย และ 1 คนกำลังจะเกิด1 คน มีโอกาสเรียนจนจบปริญญาตรี1 คน มีคอมพิวเตอร์ใช้
เมื่อมองโลกจากมุมข้างต้นนี้ เห็นได้ชัดว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากรวมไปถึงจะต้องมีการยอมรับ และการทำความเข้าใจในสภาพปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญอย่างเห็นได้ชัด
เรื่องต่าง ๆ อีกหลายเรื่องที่น่าคิดด้านล่าง .....ถ้าท่านตื่นขึ้นในตอนเช้าและมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยถือว่าท่านโชคดีกว่าคนอีกเป็นล้านที่ไม่มีชีวิตรอดผ่านสัปดาห์นี้ไปได้
ถ้าท่านไม่เคยอยู่ในสภาพสงคราม ไม่เคยติดคุกไม่เคยถูกทรมาณ ไม่เคยอดอยาก ท่านดีกว่าอีก 500 ล้านคนในโลกนี้
ถ้าท่านอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับ ถูกทรมาณหรือถูกฆ่า ท่านโชคดีกว่าคนอีกสามพันล้านคนในโลกนี้
ถ้าท่านมีอาหารเก็บในตู้เย็น มีเสื้อให้ใส่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีหลังคาและมีที่ให้หลับนอนท่านร่ำรวยกว่าคนอีก 75% ของโลกนี้
ถ้าท่านมีเงินในธนาคาร, มีเงินในกระเป๋า,และมีเศษสตางค์ทิ้งไว้ในถ้วยที่ไหนซักแห่งท่านเป็นหนึ่งใน 8% ของประชากรที่รวยที่สุดของโลก
ถ้าพ่อแม่ของท่านยังมีชีวิตอยู่ และยังอยู่ด้วยกันถือเป็นเรื่องประเสริฐที่เกิดขึ้นยากมากแม้แต่ในอเมริกาและแคนนาดา
ถ้าท่านได้อ่านข้อความนี้ ถือว่าท่านโชคดี 2 ชั้นที่มีบางคนคิดถึงท่าน และเหนือกว่านั้นท่านโชคดีกว่าคนอีกสองพันล้านคนในโลกนี้ที่อ่านไม่ออกเลย
บางคนเคยพูดไว้ว่า : เรื่องที่ผ่านพ้นไปอย่างไร ก็จะกลับมาอย่างนั้น
ทำงานเหมือนกับท่านไม่ต้องการเงิน (ทำเพราะรักงาน)รักให้เหมือนกับท่านไม่เคยเจ็บปวดเต้นให้เหมือนกับไม่มีใครดูร้องเพลงให้เหมือนกับไม่มีใครฟังใช้ชีวิตบนโลกนี้อย่างมีความสุขเสมือนอยู่บนสวรรค์
สุขสันต์ในทุกๆวัน เพราะตราบใดที่เรามีลมหายใจอยู่นั่นเท่ากับว่า เรามีโอกาสได้ทำดี ได้พบกับประสบการณ์ชีวิต. . .สีสันของชีวิต!!!



ที่มา http://www.watpon.com/life/life1.htm
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้