|
พญานาคคืออะไร
เมื่อพูดถึงความเป็นพญานาค ต้องรับว่าเกิดจากความเชื่อ ซึ่งยากจะหาข้อบ่งชี้ หรือพิสูจน์ให้เห็นจริงได้เปรียบเสมือนเรื่องผี ที่มีทั้งผู้เชื่อว่ามี และไม่เชื่อว่ามี แต่พญานาคก็มีเรื่องราวกล่าวถึงมากมายทั้งในตำรา และคำบอกเล่าของผู้รู้ ผู้เคยสัมผัส
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงกำเนิด ๔ แห่งพญานาคเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
๑. พญานาคเกิดจากไข่
๒. พญานาคเกิดจากครรภ์
๓. พญานาคเกิดจากเถ้าไคล หรือที่ชื้นแฉะ
๔. พญานาคเกิดขึ้นเองคล้ายเทวดา
ในที่นี้จะกล่าวถึงการเกิดขึ้นเองอย่างเทวดา พญานาคเป็นชาติภพอีกชั้นหนึ่ง มีความละเอียดและพิเศษกว่าสัตว์โลกหรืองูทั่วไป คือ มีสภาวะเป็นทิพย์ มีกำเนิดในลักษณะเดียวกับเทวดา เป็นการเกิดแบบที่เรียกว่า โอปปาติกะ โดยมีบุพกรรมเป็นตัวกำหนด
ภพภูมิของพญานาค คือหนึ่งในภพภูมิของเทวดา ซึ่งมีอยู่ ๑๖ ชั้น (ดังที่ปรากฏในบทสวดธรรมจักกัปปวัตนสุตตัง) โดยแบ่งเป็นกามาวจรภพ ๖ ชั้น และ อกามาวจรภพ ๑๐ ชั้น เหตุที่แบ่งออกมาเป็น ๒ กลุ่ม ก็เพราะว่าทั้ง ๒ กลุ่ม มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มแรกที่มี ๖ ชั้นนั้น เป็นภพภูมิที่ยังติดอยู่ในสุข ยังเสพย์กาม กามาวจรภพ เป็นภพภูมิของเทวดาชั้นต่ำ ส่วนกลุ่มหลังที่มี ๑๐ ชั้นนั้น ไม่ติดอยู่ในกามแล้วเรียกว่า อกามาวจร เป็นภพ ภูมิของเทวดาชั้นสูง
๖ ชั้นของกามาวจรภพ มีดังนี้
๑. ภุมมานัง (ชั้นต่ำสุด)
๒. จาตุมมะหาราชิกา โดยมีชั้นละเอียดกว่าซ้อนอยู่อีกชั้น เรียกว่า จาตุมะหาราชิกานัง แต่ก็ถือว่าเป็นชั้นที่ ๒ ด้วยกัน
๓. ตาวะติงสา เรานิยมเรียกชั้นนี้ว่า ดาวดึงส์ จนถึงชั้นเปรียบเทียบว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และในชั้นนี้ยังมีรายละเอียดเข้าไปอีก คือ ตาวะติงสานัง
๔. ยามา ก็มีซ้อนกันอีกชั้นหนึ่งที่ละเอียดกว่าคือ ยามานัง
๕. ตุสิตา ที่เรียกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต ก็ยังมีที่ละเอียดเข้าไปอีกคือ ตุสิตานัง
๖. นิมมานะระตี ซึ่งละเอียดประณีตเข้าไปอีกเป็น นิมมานะระตีนัง, ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี และ ปะระนิมมิตะวะสะวะตีนัง
กล่าว คือ ๖ ชั้นภพภูมิแรกนี้เป็นภูมิของเทวดาชั้นหยาบ จากชั้นที่ ๗ ขึ้นไปเป็นชั้นละเอียดและสูงกว่าจนถึงชั้นสุดท้าย คือชั้นที่ ๑๖ ที่เรียกว่าชั้นอะกะนิฏฐะกา รวมแล้วเรียก ๑๐ ชั้นนี้ว่า ชั้นพรหม หรือสวรรค์ชั้นพรหม ส่วน ๖ ชั้นแรกเป็นชั้นต่ำ และไม่ถือว่าเป็นพรหม ภพภูมิของพญานาคนั้นอยู่ชั้นแรกสุดคือ ชั้นภุมมานัง ซึ่งไม่มีความโลภ แต่ยังมีราคะ และโทสะ พญานาคจึงมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัว
ภพภูมิชั้นภุมมานัง ยังคงเป็นภพภูมิของเทวดาที่มีทิพยอำนาจเหนือธรรมดา และอยู่ใกล้ชิดภพภูมิของมนุษย์มากที่สุด แหล่งกำเนิดของพญานาค มีทั้งบนบกและในน้ำ เรียกตามพระไตรปิฎกว่า ถลชะ เกิดบนบก และ ชลชะ เกิดในน้ำ
กำเนิดพญานาคในแบบอุบัติขึ้นเอง ที่เรียกว่า แบบโอปปาติกะนั้น เกิดได้ทั้งบนบกและในน้ำคือนอกจากจะอาศัยบุพกรรมเป็นตัวกำหนดแล้วยังอาศัย สัญญาเป็นตัวพาให้เกิดด้วย
พญานาคที่เกิดบนบกและในน้ำ มีการดำเนินชีวิตเหมือนกัน คือเป็นไปด้วยอำนาจทิพย์ สุดแต่จิตปรารถนา โดยมีเรือนกายที่ประกอบด้วยธาตุ ๓ คือ ธาตุน้ำ, ธาตุลม และธาตุไฟ สามารถไปไหนมาไหนได้ทุกที่ และเสวยสมบัติทิพย์เหมือนเทวดา
ส่วนฤทธิ์และอำนาจของพญานาคจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมที่เคยสร้าง ไว้ในอดีตชาติเป็นตัวส่งผลดลให้ รวมทั้งรูปลักษณ์ของพญานาคเท่าที่มีผู้พบเห็นก็จะแตกต่างกันไปด้วย พญานาคตนใดบำเพ็ญเพียรภาวนาสร้างกุศลจะยิ่งมีลักษณะงดงาม และสามารถเนรมิตกายได้หลายรูปแบบ ด้วยความที่เป็นเพียงภพภูมิแรกสุดของเทวดา พญานาคจึงมีหลากหลายสายพันธุ์ และหลายอุปนิสัย ทั้งใจดีและดุร้าย ดังเช่นความเชื่อของชาวหลวงพระบาง ยังเชื่อว่าหลวงพระบางเป็นแดนแห่งพญานาค และมีพญานาคอยู่ที่นั่นมากถึง ๑๕ ตระกูล ถ้าจะเปรียบกับภพภูมิของมนุษย์ก็จะเหมือนชาติพันธุ์ของมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์ มีทั้งไทย เขมร จีน ฝรั่ง แขก และคนผิวดำ เป็นต้น
|
ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง
คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน
x
|