ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตะกรุดอาถรรพ์คุ้มดวงคู่บารมี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-6-6 13:36

เพียงไม่ถึงนาที อาตมาภาพไม่ติดใจ เดินเลยเข้าไปในห้องเบื้องหน้า พอย่างล้ำล่วงเข้าไปก็ต้องยืนนิ่งด้วยความประหลาดพิสดารยิ่งของห้องนั้น มีโต๊ะเท้าสิงห์พื้นไม้สีดำดุจสีนิล ลายทองคำสลักด้วยลวดลายละเอียดยิบ สูงเสมอเอว ยาวประมาณ ๒ วา กว้าง ๑ วา ขาโต๊ะแกะสลักเสลาด้วยลวดลายที่งามเหนือลวดลายที่ได้พบเห็น ขอบโต๊ะก็เช่นกัน แต่ที่มหัศจรรย์อย่างยิ่งก็คือ บนโต๊ะนั้นมีกระถางสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวประมาณ ๑ ศอกคืบ กว้างประมาณคืบครึ่ง สูงจากพื้นโต๊ะที่วางเท่ากับความกว้าง ตัวกระถางเป็นสีมรกตใสจาง ในกระถางมีทองคำแท่งเนื้อเยี่ยมยาวกว่ากล่องไม้ขีดไฟสักสองนิ้วมือเรียง กว้างขนาดกล่องไม้ขีดไฟ วางเรียงเป็นระเบียบเต็มถึงขอบปากกระถาง โต๊ะที่ว่านี้ในห้องนั้นนับดูได้สี่สิบโต๊ะ วางเรียงเป็นหมู่ ๆ ละ๔ โต๊ะ ระหว่างช่องของหมู่ กว้างพอเดินเรียงเดี่ยวได้ตลอดส่วนช่องทางเดินระหว่างหมู่ใหญ่ ต่อหมู่ใหญ่ กว้างพอ ๒ คนเดินเรียงกันได้สบาย อาตมาภาพลองแงะหยิบขึ้นมาดูเห็นความหนาประมาณ ๑ นิ้วฟุต มีน้ำหนักเท่าที่ลองหยั่งดูคงจะหลายสิบบาท เป็นทองคำเนื้อเลิศเหนือกว่าเนื้อเก้าเนื้ออะไรทั้งนั้น อาตมาภาพดูแล้วก็วางลงที่เดิม แล้วลองเอาเล็บหัวแม่มือกดขีดดู ก็เป็นรอยนิ่มเป็นแนวไปตามเล็บ แต่แต่พอยกมือพ้นขึ้นมาได้หน่อย ก็กลับเป็นเนื้อเรียบดังเก่า แปลกแท้ ๆ แล้วก็เดินเลยเรื่อยไปยังอีกหมู่ติดผนัง เพราะสะดุดสายตาที่เห็นภายในกระถางมีเงาพราว ๆ พอถึงก้มลงดูต้องประหลาดใจอีก เพราะเห็นเป็นเม็ดทรายเต็มกระถาง แต่เป็นทรายทอง ทอแสงเป็นเงางามทีเดียว อาตมาภาพลองหยิบขึ้นมาเต็มกำมือ มีน้ำหนักกะไม่ถูก พอกำและบีบแรง ๆ ก็ดังอ๊อด ๆ พอโปรยปล่อยคืนลงกระถางก็กลับเรียบไปตามเดิม แหมแปลกและอัศจรรย์แท้ พินิจมองๆ นึกไปว่า ทองคำที่ว่าดี ว่าแพง บนพื้นโลก อยากได้กันนักแย่งกันหนักหนา เห็นเข้าน้ำลายไหล มันไม่ได้ขี้กะผีกของทองคำที่เห็นนี้เลย ขณะนี้กลิ่นหอมเหมือนดอกพิกุลโชยเข้ามา ชำเลืองมองดูรอบ ๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร

อาตมาภาพเดินผ่านช่องประตูคูหา เข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง เป็นห้องกว้างโอ่โถง แสงสว่างเป็นสีชมพูอ่อน แต่สว่างชัด แจ่มแจ้ง เป็นห้องกว้างลึกไกล มีโต๊ะชนิดและขนาดเล็กใหญ่ต่าง ๆ กัน ของที่วางบนโต๊ะแต่ละโต๊ะมีมากมายหลายชนิด ที่เป็นของใหญ่ต้องวางบนพื้นก็มีมากจนลานตาไปหมด มากมายจริง ๆ เป็นต้นไม้ใหญ่เล็กนานาชนิด อาตมาภาพค่อยก้าวเดินไปตามช่องทางอย่างระมัดระวัง ช่องทางแม้จะดูว่าแคบ เกรงชายจีวรจะไปเกี่ยวสิ่งของเข้า แต่ก็ไม่เห็นกระทบเลย โต๊ะใหญ่บางตัว พื้นโต๊ะสีแดงสด ขอบโต๊ะฝังด้วยเพชรเม็ดใหญ่แต่ห่างกันเป็นระยะพองาม ส่องแสงวุบวับเป็นประกาย ปลายขาโต๊ะที่ยันพื้นทำเป็นเท้าสิงห์ เล็บเป็นเงินบ้าง เป็นรูปกลมคล้ายบาตรสีแดงเข้มบ้าง เป็นเหลี่ยมหกเหลี่ยมบ้าง ฯลฯ ขอบโต๊ะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมด้านเท่าและกลม และหกเหลี่ยมบ้าง ตั้งสลับกันไป สลักลวดลายอันวิจิตรทั่วทั้งขอบโต๊ะ บางตัวเป็นทองคำฝังด้วยเพชรและมรกตสีรุ้งเม็ดใหญ่ โต๊ะบางโต๊ะเป็นมรกตฝังเพชรและทับทิม ฯลฯวัตถุที่วางบนโต๊ะเป็นต้นไม้กระถางอัญมณีต่างอย่างต่างชนิด ดูคล้ายกับต้นตะโกดัด โมกดัด ต้นเข็มดัด และสนต้นดัด ฯลฯ

บางต้นกระถางเป็นแก้วมณีทอแสงคล้ายสายรุ้ง ต้นไม้ในกระถางลำต้นเป็นมรกต กิ่งเป็นเพชรประกายวาว ใบเป็นทับทิมสีแดงสด บางกระถางต้นเป็นเพชร กิ่งเป็นมรกต ใบเป็นเพชรทอแสงพราว บางกระถางต้นเป็นนิล กิ่งเป็นเพชร ใบเป็นโกเมน ลูกเป็นไพฑูรย์และบุษราคัม อาตมาภาพสุดที่จะพรรณนานำมาเล่าให้หมดได้ ส่วนต้นใหญ่ที่วางกับพื้นนั้น โคนต้นทำเป็นโขดสูงดำเป็นสีนิล แต่ลำต้นเป็นแก้วมณีส่องแสงเห็นประกายใสกระจ่าง ใบเป็นทองคำ ดอกเป็นทับทิม ลูกเป็นมรกตบ้า เป็นอำพันสีแดงบ้าง บางลูกเป็นสองสีเหลือบกันคล้ายปีกแมลงทับ อาตมาภาพเอามือประคองลูกขึ้นมาดู ก้านของลูกติดกับขั้วต้นแต่บาง ๆ คล้ายจะหลุด แต่ก็ไม่หลุด แล้วปล่อยไว้ตามเดิม อาตมาภาพยืนหันดูทางซ้ายและทางขวาดุจสามัญชนได้มาชมมาเห็นสมบัติของบรมจักรพรรดิ ดูแล้วก็ทำให้ต้องถอนใจใหญ่ รำพึงว่า

“นี่โยมให้พามาดูทำไม ? เพื่ออะไร ? ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ของเรา แต่ให้เรามาชมเล่นเป็นขวัญตาอย่างนั้นหรือ ?”
คิดแล้วก็ออกเงินไปยังห้องที่สาม เป็นห้องที่กว้างไกลกว่าห้องที่สองหลายเท่า จะไม่กว้างอย่างไรได้ ห้องนี้เต็มไปด้วยบุษบก ยานุมาศ ราชรถใหญ่น้อย พระแท่นบัลลังก์ ราชอาสน์ ตลอดจนพระเก้าอี้และพระแท่นที่บรรทมและกัมพูฉัตร อันสูงใหญ่ตระหง่านงาม เครื่องราชูปโภคสิ้นทุกชนิด มีวางไว้พร้อมภายในห้องคูหานี้ มันงามเหนือกว่า มโหฬารเหนือกว่า รุ่งเรืองเหนือกว่า พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งอมรินทร์ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท หลายร้อยพันเท่า เหลียวดูอะไร มองดูอะไร ดูมันวูบวาบพร่างพราวระยิบระยับไปทั่วทั้งห้อง อันกว้างใหญ่สุดสายตา อะไร ๆ อาตมาภาพไม่ติดใจประทับใจ เท่ากัมพูฉัตร ความสง่างาม ความตระการตา ตลอดจนความรุ่งเรืองที่พร้อมอยู่ในต้นกัมพูฉัตรนี้ ที่ทำให้อาตมาภาพสามารถจะพรรณนาได้ แม้จะนานสักร้อยปีหรือพันปี เป็นความสง่าตระการงามที่อยู่ในความทรงจำจนบัดนี้ มันทำให้อาตมาภาพมีความสำนึกระลึกไปถึงกาลแต่อดีต ที่ล่วงมาแล้วนานแสนนาน มองดูกัมพูฉัตรทำให้หวนระลึกนึกถึงเหตุการณ์ที่เป็นมาแล้ว สลายมาแล้ว แต่กัมพูฉัตรเหตุไฉนมามาอยู่ที่นี่ (ข้อนี้อาตมาภาพเล่าให้คุณโยม เสนาะ จุลวัจนะฟังในครั้งนั้นแล้ว ก็คงจะติดใจซักอาตมาภาพอย่างชนิดฟอกเป็นแน่ แต่ขณะนั้นยังมิใช่กาลเวลาจึงรอมาจนบัดนี้)







เพื่อกันความสงสัยของท่านสาธุชนผู้อ่านว่า ต้นกัมพูฉัตรคืออะไร มีรูปร่างอย่างไร ? อาตมาภาพขอแจ้งรายละเอียดรูปร่างของกัมพูฉัตรเท่าที่จะทำได้ ดังต่อไปนี้

๑. ความสูงของฉัตร ตงแต่ฐานโคนที่ตั้งถึงปลายยอด ประมาณ ๓ วา

๒. ต้นคันฉัตรทำด้วยทองคำเนื้อสุกปลั่ง เป็นเนื้อสีเหลืองเข้มนับได้ ๑๖ เหลี่ยม ทุก ๆ พื้นของเหลี่ยมฝังประดับด้วยแก้วมณีอันล้ำค่า คือ เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยเพชรขนาดเม็ดข้าวโพดอย่างใหญ่ เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยทับทิมเหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยมรกต; เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยโกเมน เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยไพฑูรย์ เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยมุกดาหาร เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยบุษราคัม เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยนิล เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยมณีสีม่วงสด เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยมณีสีเขียวใบไม้สด เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยแก้วผลึก เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยมณีสีรุ้ง เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยเพทายสีหม่น เหลี่ยมหนึ่งฝังด้วยแก้วมณีสลับสีทุกสีที่บรรยายมาข้างต้น

๓. ลักษณะตัวฉัตรเป็นผ้าขาวอย่างหนา เนื้อละเอียด เป็นเงามันระยับ คล้ายกำมะหยี่ กางขึงแผ่กว้าง โค้งคุ้มน้อย ๆ ลากลงมาจนถึงปลายขอบฉัตรอย่างอ่อนช้อย ก้านฉัตรที่ขึงกางตัวฉัตรนับแล้วได้พันก้าน ทำด้วยทองและเงินพันด้วยลวดลายสีต่างๆ เป็นเงาวับ ไม่ทราบว่าเป็นลวดลายเส้นอะไรเพราะอยู่สูง ความกว้างระหว่างขอบ(เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ วาเต็ม)

๔. ขอบฉัตรมีระย้าแก้วมณีเงินทอง ห้อยสลับกันอย่างมีศิลป์งดงามยิ่ง เวลาแกว่งก็ทอแสงวูบวาบแวบวับ คล้ายดาวในท้องฟ้า และมีเสียงดังกังวาลใสแผ่วเบา ชวนฟังอย่างยิ่ง

๕. พื้นผ้าตัวฉัตรมีเม็ดแก้วติดอยู่ทั่ว คล้ายน้ำค้างมีลวดลายกนกทองโตขนาดเท่าจานรองถ้วยน้ำชา ติดเป็นระยะทั่วพื้นฉัตร

๖. ยอดของฉัตรเป็นเจดีย์ คล้ายเม็ดหัวมันฑ์ แล้วมีสามแฉกคล้ายนพสูรย์พุ่งขึ้นไปส่งแสงวับวับ

๗. ต้นฉัตรโตประมาณ ๔ กำรอบ

ขณะที่อาตมาภาพกำลังยืนพิศดู ด้วยความตรึงใจอยู่นี้ ดูคล้ายกับว่าแสงสีต่าง ๆ ได้กระจายออกจากตัวฉัตร ค่อย ๆ ย้อยเลื่อนมาทางที่อาตมาภาพยืน ทำให้อาตมาภาพได้สติ ถอยหลังก้าวเลี่ยงออกไปข้าง ๆ แล้วเลยเดินห่างออกไปทางช่องประตูคูหา ซึ่งอยู่เกือบกึ่งกลางของห้อง หยุดยืนชิดขอบประตู หันมาเงยมองดูฉัตรนั้นอีกครั้ง คราวนี้ฉัตรมีอาการโยกตัวน้อย ๆ ทำให้พวงระย้าที่แขวนอยู่มีเสียงดังสดใสกังวานไพเราะ แผ่วหวิวคล้ายดังเคล้าสายลมมาแต่ไกล เพราะจริง ๆ แสงเมื่อกี้หายไป
คราวนี้อาตมาภาพหันมาทางประตูที่ยืน. แสงที่ประตูสว่างสดใสคล้ายอาบด้วยสีทอง ทำให้จีวรย้อมฝาดที่อาตมาภาพครองกลายเป็นสีทองเข้ม อาตมาภาพก้าวเดินออกไปแล้วเลี้ยวขวา เพราะเป็นทางบังคับให้เลี้ยวอยู่ในตัว เนื่องจากทางซ้ายมือตัน เป็นผนังถ้ำหินใส คล้ายแก้วสีเหลืองหม่น อาตมาภาพเดินไปเรื่อยๆ มีกระแสลมพัดมาปะทะใบหน้าแต่แผ่วเบา หายใจสูดเข้าจมูกๆ ก็โล่ง หัวอกภายในก็โล่ง เดินเบาหวิวไปอย่างสบาย ปลอดโปร่งอิ่มเอมใจ เรื่อยไปในราวสัก ๑๕ นาที ก็มาหยุดยืนตรงสุดขอบทาง เพราะเห็นเป็นชั้นบันไดหินสามชั้นทอดต่ำลงไป มองไปข้างหน้าเห็นเป็นหนทางคล้ายอุโมงค์มีแสงสว่างสลัวๆ ตามผนังทั้งสองข้างและเพดานเหนือศีรษะ เห็นเป็นแสงประกายระยิบระยับ ทำให้พื้นทางเดินเบื้องล่างสะท้อนนแสง เป็นเงาแวววาว อาตมาภาพยืนพินิจดูสักอึดใจ ก็ได้ยินเสียงพูดอยู่ข้างขวาเยื้องไปข้างหลังว่า

“นิมนต์เดินลงไปได้ พระคุณท่าน ไม่กี่ร้อยก้าวก็จะขึ้นไปทางฝั่งเวียงจันทน์ เพราะตอนนี้ลอดใต้ลำโขง”

อาตมาภาพหันไปมองอุบาสกชราผู้พูด เห็นแกยิ้มละไมก็ยิ้มตอบพลางว่า

“พอละ ท่านอุบาสกที่อุตส่าห์นำมา ขอเจริญพร อนุโมทนาคุณโยมมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่ได้มีกุศลจิตอนุเคราะห์ ให้อาตมาภาพได้มาเห็น มาพบสิ่งที่มิได้คาดคิดว่าจะได้เห็น ขอคุณโยมจงมีความผาสุกในทิพสมบัติ ตราบเท่าพระนิพพานเถิด”
อาตมาภาพหยุดมองดูอุบาสกชรา เห็นยืนพนมมือก้มศีรษะนิดหนึ่งด้วยอาการสำรวมอันงดงาม อาตมาภาพจึงกล่าวต่อไป
“และขออนุโมทนาต่อท่านอุบาสก ด้วยกุศลเจตนาอันพร้อมด้วยไมตรีจิตของท่าน ขอท่านจงเสวยผลแห่งความเกษมสำราญ ตราบเท่าพระนิพพานเทอญ”

ในหน้าของอุบาสกชราเปล่งปลั่งผุดผาดขึ้นอย่างประหลาด มือที่พนมนั้นงามผิดมือมนุษย์สามัญ เสียงกล่าวอะไรพึมพำทุ้ม ๆ ในลำคอ แล้วก็เงยขึ้นมองอาตมาภาพด้วยสายตาอันเป็นประกายกระจ่างอย่างชื่นชม อาตมาภาพจึงพูดเตือนขึ้นว่า
“กลับกันเถอะอุบาสก กี่ทุ่มกี่โมงก็ไม่รู้”
“เห็นจะตกเข้าตีสี่แหละ พระคุณท่าน โอ ท่านยังจำกัมพูฉัตรของท่านได้ ข้าเจ้ารู้ ข้าเจ้ารู้” อุบาสกชราตอบและอะไรต่ออะไร อาตมาภาพไม่ทันคิด

เราพากันเดินกลับมา อาตมาภาพไม่เหลียวมองอะไรอีก จำทางเข้าออกได้ดี อึดใจใหญ่ก็ออกมายืนบนลานหินหน้าช่องประตูทางเข้าทีแรก แล้วก็เดินขึ้นกลับมายืนปากทางเบื้องบนริมภู ท้องฟ้ายังคงสว่างสลัว และก็แปลกที่ทำไมมองเห็นกุฏิเป็นสีขาวแต่ไกลได้ชัด ป่านนี้สามเณรคงนอนคุดคู้ ไม่รู้เรื่อง เสียงอุบาสกพูดว่า

“นิมนต์พระคุณท่านกลับไปเถอะ ข้าพเจ้าจะยืนรอส่งอยู่ที่นี่ จนกว่าพระคุณท่านจะเข้ากุฏิเรียบร้อยแล้ว ขอได้โปรดเข้าทางเก่าที่พระคุณท่านได้ออกมา”

อาตมาภาพเหลียวดูแวบหนึ่ง เห็นยืนพนมมืออยู่จึงก้าวออกเดิน ทีแรกคิดว่าคงจะต้องเดินไปบนดินอย่างธรรมดา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น จะต้องไปตามทางที่คดเคี้ยวไกลกว่าสิบกิโลเมตรทีเดียว แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ขามาเดินก้าวลอยมาอย่างไร ก็คงก้าวลอยไปเช่นนั้น ไม่ประหลาดใจอีกต่อไป คงก้าวเดินปลิวไปในระดับเดียวกับตอนขามาแต่ทว่าเร็วกว่า มาถึงหัวนอนกุฏิไม่ถึง ๑๐ นาที หันไปมองยังคงเห็นอุบาสกชราร่างขาวโพลน ยังยืนอยู่ลิบ ๆ อาตมาภาพก้าวผ่านเข้าฝาหัวนอนกุฏิเข้าไปเหมือนไม่มีฝาฉะนั้น แปลกอัศจรรย์ใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดจะเปรียบได้อย่างไร พิงไม้เท้าไว้มุมฝาแล้วก็ลองเอามือดันฝาหัวนอนดูให้แน่ใจ มันก็คงเป็นฝาไม้ที่แน่นด้วยตะปูตรึงอยู่นั่นเอง แล้วคราวนี้จะหันออกไปก็ไม่ได้ แล้วออกไปด้วยอำนาจอะไร ? ถ้าไม่ใช่อุบาสกชราผู้เป็นเสมือนเทพอารักษ์ผู้นั้นบันดาล ก็จะมีใครอีกเล่า น้ำหน้าอย่างเราจะมีอะไรขืนดันออกไปหน้าตาก็พังเท่านั้น มุดเข้ากลด หยิบนาฬิกาขึ้นดูเห็นเวลาตีสี่เกือบครึ่ง ใช้เวลาเที่ยวชมสมบัติจักรพรรดิ์ภายในถ้ำแก้วสองชั่วโมง ขัดสมาธิสงบจิตที่หวั่นไหว เจริญภาวนา ดำรงสติสัมปชัญญะตั้งมั่นต่อไป จนถึงตี ๕ครึ่ง เก็บมุ้งกลด พับผ้าห่ม เปิดกุฏิออกไปล้างหน้า
ยังจำบุญคุณ และความเมตตาที่อาจารย์มีให้มิรู้ลืม

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ธุลีดิน ตอบกลับเมื่อ 2014-6-6 16:59
ยังจำบุญคุณ และความเมตตาที่อาจารย์มีให้มิรู้ลืม ...

สวยงาม ทรงพลังมากครับ
ทำบุญเยอะๆนะครับ

(ทั้งลูก ทั้งตะกรุดบารมีสูงมาก)






Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2014-6-11 16:37
สวยงาม ทรงพลังมากครับ
ทำบุญเยอะๆนะครับ

ขอบพระคุณครับ...
187#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-11 20:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ธุลีดิน ตอบกลับเมื่อ 2014-6-6 16:59
ยังจำบุญคุณ และความเมตตาที่อาจารย์มีให้มิรู้ลืม ...

ช้างเอราวัญ...คือหนึ่งในสิ่งวิเศษที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร


ฉันให้ของที่ดีกับพวกเธอ
ขอให้พวกเธอได้นำภาชนะชั้นดีมารองรับไว้
ภาชนะที่ว่านั้นคือ ศีล

หลวงพ่อสมภพ เตชะปุญโญ ได้กล่าวไว้

189#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-6-12 12:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้