ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 48515
ตอบกลับ: 154
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เกร็ดความรู้คาถาอาคม-การบูชาพระเครื่องของหลวงปู่ชื่น

[คัดลอกลิงก์]
กระทู้นี้มีไว้เพื่อรวมรวมเคล็ดและรายละเอียดปลีกย่อยของการใช้คาถาอาคม และการบูชาพระเครื่องของหลวงปู่ชื่น
โดยความรู้นี้ ไม่ได้บอกกล่าวเป็นการทั่วไป จะรู้กันก็แต่ในลูกศิษย์ลูกหาที่สนใจในด้านนี้เท่านั้น

เหตุที่มีการรวบรวมความเข้าใจตรงนี้ขึ้น ก็เพื่อเป็นการสอบทานความรู้ที่เข้าใจมา ว่ายังสอดคล้องกับครรลองที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมามากน้อยแค่ไหน
หากมีความเข้าใจในส่วนใดคลาดเคลื่อน ก็ขอความกรุณาอาจารย์และศิษย์พี่น้องช่วยชี้แนะด้วย

ทั้งนี้ตัวผมเองมีความเห็นว่า เกร็ดเคล็ดวิชานี้ ควรจะรวบรวมเอาแต่เฉพาะความรู้ในสายของหลวงปู่ชื่นและเขากุเลนเท่านั้น

ที่กล่าวเช่นนี้มิใช่เพราะเห็นว่าความรู้ของสำนักอื่นหรือสายอื่นไม่ถูกต้อง หากแต่เป็นเพราะศิษย์หลวงปู่หลายๆท่านได้ศึกษาวิชาในสำนักอื่นๆมาก่อน ก็มีจำนวนไม่น้อย หากนำความรู้ที่มีอยู่เดิมมาประยุกต์กับความรู้ในสายหลวงปู่ชื่น ก็จะเป็นการทำให้เนื้อหาที่ท่านสอนคลาดเคลื่อนไปได้ อีกทั้งหลวงปู่ชื่นก็เคยกล่าวเองว่า วิชากลุ่มที่ท่านแตกฉาน คือ วิชาสาริกา ซึ่งหาผู้ฝึกสำเร็จได้ยากยิ่ง อีกทั้งวิชาสายอาถรรพณ์ที่ท่านสำเร็จก็เป็นวิชาเฉพาะทางเป็นเอกลักษณ์ เราพี่น้องทุกคนจึงควรช่วยกันสืบสาน โดยเรียบเรียงหมวดหมู่วิชาของหลวงปู่ออกมาอย่างเป็นเอกเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาเมื่อจะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน

ลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่แต่ละคน มีความสนใจศึกษาศาสตร์แต่ละด้านต่างกันไป จึงขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามาช่วยเติมความรู้ที่มีคนละเล็กละน้อย เพื่อแบ่งปันให้กับท่านทั้งหลายที่สนใจในกาลต่อไป


By LightGuardian

ได้ครับพี่พี เด๋วขอลงเรื่องล้อกเก็ตก่อนนะครับ

แสดงความคิดเห็น

มารออ่านด้วยคนครับ  โพสต์ 2015-7-14 20:12
Pee
ตามสะดวกเลยครับ ผมไม่รีบ ขอบคุณล่วงหน้าครับ  โพสต์ 2015-7-14 13:12
ดวงตราอาถรรพณ์ผมไม่ได้แขวนบ่อยครับ ขุนแผนพรายกุมารผมแขวนได้ไม่ทนครับ พอจะรีวิวได้แต่ต้องใช้เวลามาแขวนสักพักนึงนะครับ

แต่ถ้าให้แนะนำ โดยส่วนตัวขอบอกว่า พระแสนตรีเวทย์เนื้อพรายทองคำให้ผลเหมือนกับขุนแผนพรายกุมารนะครับ แต่ผมชอบใจกว่าเพราะแขวนแล้วเบาสบายดี ไม่กดหนักมึนๆ จะนำพาให้เรื่องราวดีๆเกิดขึ้นกับเราแบบคาดไม่ถึงครับ บางทีก็งงเหมือนกันว่าไหงเป็นงี้ได้

ไว้จะแขวนเพื่อทบทวนอีกทีแล้วจะมาแบ่งปันกันนะครับ ผมมักจะศึกษาจนมั่นใจแล้วค่อยเขียนออกมาครับ
ไม่รู้เหมือนกันครับ คงจะเงียบล่ะมัง
สาธุ สาธุ สาธุ
ล้อกเก็ตเพชรกลับ ล้อกเก็ตนารทะ ล้อกเก็ตซีเปียรุ่น๒

ล้อกเก็ตเพชรกลับ
พุทธคุณปกป้องคุ้มครองอย่างสูงสุด เรื่องร้ายไม่กล้ำกราย ปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีไม่งาม ทำให้อะไรที่ไม่ดีจะไม่เข้ามาในชีวิต ส่วนพุทธคุณด้านอื่น เช่น เจรจามหาลาภ นับเป็นเรื่องรอง

ล้อกเก็ตนารทะ
พุทธคุณมหาลาภและมหาสเน่ห์สูงสุด คนมักชอบใจที่จะมาเจรจาตลอดจนช่วยเหลือเรา และเป็นมหาสเน่ห์อย่างมาก เป็นพุทธคุณพื้นฐานที่อยู่ในระดับรุนแรง และยากที่จะพระเครื่องที่ให้ผลทางมหาลาภและมหาสเน่ห์พร้อมกันในระดับนี้

ล้อกเก็ตซีเปียรุ่น๒
การตั้งใจบูชาเสมือนหนึ่งว่าได้รับการครอบครูทุกครั้งหลังกราบไหว้ ผู้คนมักเกรงใจ และไม่เล่นหัวกันเกินเลย แต่กระแสพระก็ไม่ได้กดข่มคนโดยรอบ แต่เป็นการเคารพในฐานะคนที่เท่าเทียมกัน คนที่ควรจะเกรงใจกันและกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถผ่านปัญหาร้ายๆไปได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนมากนัก

การนำไปใช้เบื้องต้น
หากต้องไปเจอเภทภัย หรือคนที่ตั้งใจจะเล่นงานเรา ควรแขวนล้อกเก็ตเพชรกลับ
หากไปเจอเพื่อนฝูง ลูกค้า คนที่อยากให้มาช่วยเหลือเกื้อกูล หรือคนรัก ควรแขวนล้อกเก็ตนารทะ
หากไปเจอผู้ใหญ่ หรือลูกน้อง หรือเจรจาธุรกิจที่ไม่ต้องการให้เขาดูแคลนเรา ไม่ให้มาเอาเปรียบ ควรแขวนล้อกเก็ตซีเปียรุ่น๒

ล้อกเก็ตทั้ง 3 รุ่น สามารถแขวนด้วยกันได้จะดีมาก หรือจะแขวนคู่กับพระรุ่นอื่นตามที่เห็นสมควร

แสดงความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับแชมป์ ถ้าแขวนทั้งสามพร้อมกัน น่าจะแจ่มสุดๆ ใช้คาถาบูชาบทเดียวกันด้วย รอฟังต่อนะครับ  โพสต์ 2015-7-15 13:51
Vulture ตอบกลับเมื่อ 2015-7-14 23:58
จัดพระขุนแผนแสนตรีเวทย์เนื้อกรรมการมา 1 องค์แล้วครั ...

แจ่มเลยหล่ะครับ ยินดีด้วย สุดๆ ขอบอก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pee เมื่อ 2015-7-15 00:27
Vulture ตอบกลับเมื่อ 2015-7-14 23:58
จัดพระขุนแผนแสนตรีเวทย์เนื้อกรรมการมา 1 องค์แล้วครั ...

เยี่ยมครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Pee เมื่อ 2015-7-14 06:33
LightGuardian ตอบกลับเมื่อ 2015-6-24 15:35
ขอบคุณคับๆ กลัวคนอ่านงงเหมือนกันคับ ดีใจที่อ่านเข้าใจกันคับ

สุดยอดเลยแชมป์ อ่านแล้วเข้าใจดีเห็นภาพเลยว่าต่างกันอย่างไร  รบกวนเทียบ พระรามกับองค์พ่อชัยวรมันรุ่น
2 ด้วยนะครับ ขอบคุณครับโดยส่วนตัวแล้ว พอแขวนองค์พอแล้วรู้สึกสงบนิ่ง ใจเย็น  แต่พอแขวนพระรามแล้วรู้สึกว่า จะลุยๆจนหมดพลัง
แนะนำ
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:46 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหรียญหนุมานออกศึก กับ รูปหล่อหนุมานนั่งแท่น

ผมเคยสงสัยว่า เหรียญหนุมานออกศึก กับหนุมานแบบที่เป็นรูปหล่อนั่งแท่นนั้น ต่างกันอย่างไร
เพราะผมเห็นข้อมูลในเวปต่างๆก็บอกกัน ว่าเหรียญหนุมานหลวงปู่ชื่นเสกให้เป็นตัวตน
ส่วนหนุมานนั่งแท่น ท่านก็เสกให้เป็นตัวตน แล้วจะต่างกันตรงไหน

ท่านอาจารย์เลยเล่าให้ฟังว่า
เหรียญหนุมานนั้นหลวงปู่ก็ได้เสกตั้งธาตุให้เป็นตัวตนอยู่
แต่สิ่งที่ทำให้ต่างจากหนุมานนั่งแท่นเป็นอย่างมาก ก็คือ
หนุมานนั่งแท่นนั้นหลวงปู่ท่านใช้เวลาเสกยาวนาน
แต่เหรียญหนุมานนั้น ถูกจำกัดด้วยเวลาที่น้อยกว่า
นอกจากนี้ หนุมานนั่งแท่นยังเสกในฤกษ์กำเนิดหนุมาน ซึ่งเป็นฤกษ์จำเพาะเจาะจง
ในเหรียญหนุมานไม่ได้เสกในฤกษ์นี้
ความเป็นตัวตนของหนุมานจึงสมบูรณ์ไม่เท่ากัน

นี่คือที่มาที่ไปของหนุมานรุ่นยอดนิยมทั้งสองรุ่น
และเราท่านที่เคยบูชา คงจะพอสังเกตุได้ว่า อิทธิฤทธิ์ของทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันอย่างไร
ถ้าจะให้บอกว่ารุ่นไหนดีกว่า ก็คงตัดสินได้ยาก
หากแต่ขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่แต่ละท่านที่บูชามุ่งหวังเอาของแต่ละคน
นอกจากนี้ เมื่อหลวงปู่ชื่นปลุกเสกอย่างตั้งใจเต็มที่แล้ว ไม่ว่าพระรุ่นไหน ก็ย่อมมีปาฏิหาริย์ให้ประจักษ์ เป็นธรรมดา

11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อาคาอาคม -- แต่ละคาถามีนัยแฝง

ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ได้ถามกับอาจารย์สรายุทธ เรื่องคาถาพระขุนแผนน้ำผึ้ง ในท่อนที่ว่า "ปฏิสังขาโย นิโสมาแวะ ปฏิแวะมาแวะ" โดยลูกศิษย์ท่านนั้นเคยได้ยินอาจารย์สวดอย่างอื่นเป็นกลบท

อาจารย์สรายุทธจึงได้สอนให้ฟังว่า คาถาบาทนี้ ในท่อนที่เป็น "ปฏิสังขาโย นิโสมาแวะ ปฏิแวะมาแวะ" นั้น มีเพื่อเรียกให้คนดีๆเข้าในชีวิตของเรา ให้ชีวิตเราได้พบเจอแต่คนที่ดี เมื่อหมั่นภาวนาคาถานี้ ก็จะดึงดูดให้มีแต่คนดีๆเข้ามาในชีวิต

เรื่องนัยแฝงของคาถานี้ ครั้งหนึ่งอาจารย์สรายุทธได้สอนเช่นกัน ในตัวพระคาถาของขุนแผนชมตลาด "นะ เมตตา ปัญจะพุทธา นะมามิหัง เมตตา กรุณา นะ จุ่มๆ โม จุ่มๆ พุท จุ่มๆ ธา จุ่มๆ ยะ จุ่มๆ จุ่มๆ สวาหะ"
ท่านสอนว่า ความสำคัญของคาถานี้ จะละเลยท่อนที่ว่า "เมตตา กรุณา" ไปไม่ได้ เพราะสิ่งนี้แหละ ที่จะทำให้คนเกิดความรักและเอ็นดูเรา เป็นยอดของเมตตา

12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้งหนึ่ง ผมมีความสนใจในพระขุนแผนชมตลาดเป็นพิเศษ จึงเรียนถามอาจารย์ไปว่ามีเคล็ดรายละเอียดปลีกย่อยนอกจากเหนือจากนั้นหรือไม่
ท่านอาจารย์สรายุทธจึงได้เล่าให้ฟัง
ว่าในสมัยก่อนหลวงปู่เคยบอกเอาไว้เหมือนกัน ว่าพระขุนแผนชมตลาดนี้ ท่านได้ประสมผงแป้งผัดหน้าลงไปด้วย
ดังนั้นเมื่อจะอาราธนาพระก่อนออกจากบ้าน สามารถนำพระมาวนรอบหน้าให้เกิดสิริมงคล ใบหน้าผ่องใสงดงาม แล้วจึงค่อยออกจากบ้าน

ดังนั้น วิธีการอาราธนาพระขุนแผนชมตลาด จึงสามารถกล่าวได้ว่า
สุนะโมโล (เก้าจบ)
นะเมตตา ปัญจะพุทธา นะมามิหัง เมตตากรุณา นะจุ่มๆ โมจุ่มๆ พุทจุ่มๆ ธาจุ่มๆ ยะจุ่มๆ จุ่มๆสวาหะ (เก้าจบ)
ก่อนออกจากบ้าน นำพระมาวนรอบหน้าสามรอบ พร้อมบริกรรมคาถาหัวใจขุนแผน สุนะโมโล นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบขอบพระคุณอาจารย์สรายุทธที่แวะเวียนเข้ามาอบรมดูแลนะครับ
หัวข้อต่อไปจะเกี่ยวกับการนำคาถาอาคมไปใช้สวด รวมทั้งเกี่ยวกับการบูชาวัตถุมงคลที่หลวงปู่ไม่ได้ให้คาถากำกับไว้โดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ หากผมอธิบายข้อความตอนหนึ่งใดผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป ขอรบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

ศาสตร์แห่งอาคมของหลวงปู่ชื่นต่างจากคณาจารย์สายอื่นทั่วไป

ก่อนจะเข้าถึงการนำคาถาหลวงปู่ชื่นให้ศึกษา จำเป็นต้องชี้แจงประเด็นนี้ก่อน เนื่องว่าความจริงแล้ววิชาที่หลวงปู่ชื่นเจนจบแตกฉานคือวิชาหมวดสาริกาและวิชาอาถรรพณ์ เมื่อหลวงปู่ท่านนำวิชาที่ท่านร่ำเรียนมาสร้างวัตถุมงคลจึงทำให้พระเครื่องแต่ละรุ่นมีอำนาจพุทธคุณต่างๆกัน

ผู้ที่สนใจศึกษาพระเครื่องของหลวงปู่ จะสังเกตได้ว่า หลวงปู่ท่านจะตั้งชื่อพระเครื่องให้มีคำว่า "อาถรรพณ์" หรือ คาถากำกับพระก็จะเป็น คาถาอาถรรพณ์ต่างๆกันไป เช่นกัน

ทั้งนี้ก็เพราะท่านใช้วิชาหมวดอาถรรพณ์ในการสร้างพระเครื่อง และทำให้พระเครื่องมีพุทธคุณและกระแสพลังแตกต่างจากพระเครื่องจำนวนมากในสาระบบ

ความแตกต่างนี้ อาจจะพออนุโลมเทียบเคียงได้ เช่น หลอดไฟแบบไส้ กับหลอดนีออน ต่างก็ให้แสงสว่างเหมือนกัน แต่ด้วยวิธีต่างกัน คือหลอดแบบไส้ใช้ความร้อนสูงเผาโลหะจนเกิดแสง ส่วนหลอดนีออนใช้การเหนี่ยวนำประจุไฟฟ้าจนเกิดแสงสว่าง อีกทั้งผลลัพธ์ของหลอดทั้งสองก็ต่างกันไปอีก เช่นว่า หลอดไส้ให้ความร้อน แต่หลอดนีออนไม่ร้อนแบบหลอดไส้  และแสงที่ออกมาจากหลอดทั้งสองก็ยังเป็นแสงคนละสีกัน รัศมีของแสงก็สว่างไม่เท่ากัน เป็นต้น

ที่เทียบเคียงมานี้ เพื่อจะอธิบายว่า พระเครื่องหลายอย่างในเมืองไทย เกจิเราฝึกจิตมาแบบหนึ่ง เดินสมาธิมาแบบหนึ่ง ปลุกเสกพระเครื่องแล้วจึงมีพุทธคุณอย่างหนึ่ง
ส่วนหลวงปู่ชื่นท่านฝึกจิตมาอีกวิธีหนึ่ง เดินตามอีกตำราหนึ่ง เมื่อท่านสร้างพระเสกพระ จึงมีผลเป็นอีกอย่างหนึ่ง เช่นนั้นเอง

ดังนั้น นี่คือสาเหตุว่า ทำไมคนที่สัมผัสพลังพระได้ถึงเห็นว่า พระสายเมตตาของหลวงปู่มีพุทธคุณต่างจากพระสายเมตตาอื่นๆ พระสายมหาลาภของหลวงปู่มีพุทธคุณต่างจากพระสายมหาลาภอื่นๆ

และนี่คือสาเหตุว่า ทำไมเราจึงควรสวดบูชาพระเครื่องของหลวงปู่ตามแนวทางที่ท่านเคยสอนเอาไว้ เพื่อเป็นการประสิทธิ์ให้สัมฤทธิ์ผล ดังที่ผมจะกล่าวต่อไป

14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การสวดบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น

ให้เริ่มดังนี้

พุทธัง อารัตตานัง กะโรมิ
ธัมมัง อารัตตานัง กะโรมิ
สังฆัง อารัตตานัง กะโรมิ

ต่อด้วย

อาถันโท โมสิตัง วะคะริงคะรัง อิสะวาสุ
อิอาถันโท โมสิตัง วะคะริงคะรัง สุสะวาอิ
(ทั้งสิ้น ๓ จบ)

จากนั้น ให้สวดคาถาอาคมบทต่างๆที่เราต้องการจะสวด ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์แขนงอาจารย์ใดก็ตาม สามารถสวดได้ตามปกตจากนั้น ก่อนเลิกสวดมนต์ ให้สวด

อาถันโท โมสิตัง วะคะริงคะรัง อิสะวาสุ
อิอาถันโท โมสิตัง วะคะริงคะรัง สุสะวาอิ
(ทั้งสิ้น ๓ จบ)

เหตุที่ต้องสวด อาถันโท ทั้งตอนขึ้นต้นและลงท้ายการสวดมนต์ เพื่อเป็นการปรับธาตุปรับพลังให้เข้ากับวิชาสายหลวงปู่ เพราะหากสวดคาถาของคณาจารย์บทอื่นโดยตรงเข้าไป จะทำให้พลังคนละสายตีกันได้ และไม่ขลังศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น

ดังนั้นจึงให้สวด อาถันโท ทั้งตอนเริ่มและตอนสิ้นสุด เหมือนเป็นการเปิดมิติและผนึกพลังงาน นั่นเอง

ส่วนการที่ให้สวด พุทธังอารัตตานัง กะโรมิ ตอนแรกสุดนี้ เป็นธรรมเนียมที่หลวงปู่สอนไว้ ให้ตั้งจิตศรัทธามั่นในพระรัตนตรัย แล้วสวด ทดแทนการสวดนะโม ๓ จบ

ขอท่านผู้รู้ทั้งหลาย โปรดพิจารณาฟังเอาเถิด ส่วนใดที่แตกต่างจากความรู้เดิมที่ท่านมี ก็ขอโปรดไตร่ตรองถึงเหตุและผลของสิ่งต่างๆ หลวงปู่ท่านวางหลักเอาไว้เพราะท่านคงเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อศิษย์ในภายหลัง ท่านจะบังคับให้เราเชื่อก็หามิได้ เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องขบคิดและเลือกปฏิบัติให้เหมาะสมตามครรลองเอง

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเลี้ยงกุมารทอง ที่หลวงปู่ชื่นเคยบอกไว้

กุมารทองที่หลวงปู่ชื่นสร้างนั้น ท่านเคยบอกไว้ว่า หากต้องการจะเลี้ยงดูแล เอาใจกุมารทอง ก็สามารถทำได้เช่นกัน
แต่จะมีประเด็นต่างจากกุมารทองของสำนักอื่น คือ

น้ำที่ใช้เลี้ยงกุมาร ให้ใช้น้ำส้ม จะเป็นที่พอใจกุมารเป็นอย่างยิ่ง

และหากจะเลี้ยงอย่างจริงจัง ในวันพระให้หาปลาตัวงามๆมาย่าง (หรือจะนึ่ง ตามสะดวก)
พอปลาสุกหอมชวนทานแล้ว (พูดแล้วอยากกินเองเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ) ให้เอาลงจากเตา

ให้บรรจงถอดส่วนหัวและหางของปลา ออกจากท่อนตัว แล้วอย่าเพิ่งทิ้งหัวกับหางปลานะจ๊ะ (ขออภัยครับ เขียนเกี่ยวกับกุมารทีไร เป็นโรคบ้าจี้ ไปซะทุกที)
ที่นี้ปลาก็จะเหลือส่วนตรงตัว ให้เลาะก้างออก เอาก้างเล็กก้างน้อยออกให้หมด ให้หมดเลยนะ

แล้ว อืมมม ลืมบอก ว่าต้องมีข้าวสวยด้วย
ไปเอาข้าวสวยมา เอาให้ได้สัดส่วนพอดีกับเนื้อปลา
ให้เอาข้าวสวย คลุกกับเนื้อปลา คลุกไปคลุกมา คลุกมาคลุกไป จนเนื้อเข้ากันดี น่ารับประทาน

ยังไม่จบครับ ต้องทำต่อ
ให้เอาข้าวคลุกปลาที่ได้น่ะ มาปั้นนะ ปั้นๆๆ เป็นก้อนกลมขึ้นมา ลูกโตเลยแหละ ปั้นให้เป็นลูกเดียวนะ
ตรงนี้ ผมเคยทำบ่อย บอกได้เลยว่า ถ้าข้าวสวยนุ่มๆไม่แห้งเกิน จะช่วยให้ปั้นง่ายมาก ถ้าข้าวแข็งพอปั้นแล้วก็จะแตกอยู่นั่นแหละ

ปั้นเสร็จแล้วใช่ไหม เอามาวางตรงกลางจานนะ วางตรงกลาง แล้วเอาหัวกับหางปลาที่เก็บไว้ตอนแรก มาวางแทนหัวกับหางฝั่งละข้าง
เสร็จแล้วพร้อมเสริพ เรียกกุมารมากิน ได้เลยคร้าบ

มันจะรักเจ้าของโคตรๆครับ แสดงฤทธิ์เดชสุดวิสัยเท่าที่จะทำได้ ลองไปทำกันดูละกัน ฮ่าๆๆๆ (พูดจริงนะเนี่ย แต่เวลาคุยถึงกุมารทอง ผมจะกลายเป็นคนบ้าๆบอๆอย่างงี้แหละ ฮ่าๆๆๆ)

16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ที่มาของกุมารอุ้มไก่

ครั้งที่หลวงปู่ท่านได้สร้างกุมารอุ้มไก่ขึ้น ได้เล่าให้อาจารย์สรายุทธฟังว่า
กุมารอุ้มไก่มีที่มาจากเรื่อง นางสิบสอง ซึ่ง รถเสน ไปตีไก่ ได้ข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงแม่และน้าซึ่งตาบอด ทั้งหมดสิบสองคน ด้วยตัวคนเดียว
"มันเลี้ยงแม่ทั้งสิบสองคนได้ ...แล้วทำไมมันจะเลี้ยงเราไม่ได้" หลวงปู่กล่าว

เรื่องนางสิบสองนี้ เป็นนิทานพื้นบ้าน ซึ่งผมเองก็เพิ่งจะมาสนใจเมื่อรู้จักกุมารอุ้มไก่นี่เอง
และเนื้อหาออกจะยาวอยู่สักหน่อย
ท่านที่สนใจ ลองไปอ่านตามลิ้งค์นี้ นะครับ


http://ilwc.aru.ac.th/Contents/FolktaleThai/FolktaleThai1.html
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
มีครั้งหนึ่งหลวงปู่ชื่นเคยเล่าให้อาจารย์สรายุทธฟังถึงเรื่องของอีกากับนกถึดทือ
เรื่องมีอยู่ว่านกทั้งสองนี้ต่างก็เป็นสุดยอดนกที่หากินเก่งมากๆ วันหนึ่งอีกากับนกถึดทือจึงมาตกลงกันว่าจะแบ่งเวลาทำมาหากินเพื่อจะได้ไม่ต้องมาแย่งเหยื่อกัน โดยนกทั้งสองนี้ตกลงกันว่าตอนกลางวันจะยกให้อีกาเป็นใหญ่ส่วนนกถึดทือไปนอน พอตอนกลางคืนจะให้นกถึดทือเป็นใหญ่ส่วนอีกาไปนอน เมื่อตกลงได้ดังนี้แล้วนกทั้งสองต่างก็แยกย้ายหาอาหารเป็นใหญ่ในช่วงเวลาของตนเองไม่ก้าวก่ายกัน

จะว่าไปแล้วอาจารย์สรายุทธก็เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนตามต่างจังหวัด เวลาเผาศพจะเผากันกลางแจ้ง นกถึดทือมันจะชอบเอาตัวมาคลุกเถ้าอัฐิศพเพื่อทำให้ตัวเองมีฤทธิ์เดชมากขึ้น อย่างเช่นว่าเวลานกมันรู้ว่ามีปูหลบอยู่ในรู มันจะร้องอยู่สักพักปูก็จะออกมาจากรูให้มันจับกินอย่างง่ายดาย

18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-10 16:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระขุนแผนน้ำผึ้ง

วันก่อนได้มีโอกาสไปกราบอาจารย์สรายุทธและพูดคุยเกี่ยวกับพระขุนแผนน้ำผึ้งซึ่งเป็นรุ่นที่แรงที่สุดรุ่นหนึ่งของหลวงปู่ชื่น แต่คนจำนวนมากกลับบูชาแล้วไม่เห็นผล
อาจารย์สรายุทธสอนว่า พระขุนแผนน้ำผึ้งเป็นพระที่มีพุทธคุณมาก แต่เคล็ดสำคัญในการใช้คือต้องมีพรหมวิหารสี่ อย่างคนมีสเน่ห์นี้ถ้าไม่มีเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขานี้ ก็ไปผิดลูกผิดเมียเขาได้ แต่หากมีพรหมวิหารสี่เป็นหลักธรรมก็จะมีความยับยั้งชั่งใจไม่ไปทำบาปอกุศลเบียดเบียนเขา
หลวงปู่ท่านจึงวางวิชาไว้ว่าหากไม่มีพรหมวิหารสี่พระขุนแผนก็จะไม่สำแดงพลังออกมา แต่หากมีพรหมวิหารสี่แล้วก็จะสามารถสัมผัสพลังของพระขุนแผนได้อย่างเต็มที่ หลวงปู่ท่านว่าเหมือนมีแม่อยู่กับตัว อยากได้อะไรอยากมีอะไรก็ขอแม่เอาได้ หลวงปู่ท่านว่าไว้
สำหรับเรื่องของแบบลองพิมพ์และแบบจุ่มน้ำผึ้ง อาจารย์บอกว่าไม่แตกต่างกันหรอก แต่จะใช้ได้หรือไม่ได้ ใช้ดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ว่าคนๆนั้นมีพรหมวิหารสี่หรือเปล่า

ขอบันทึกไว้และแบ่งปัน ท่านใดเคยอ่านแล้วโปรดช่วยเพิ่มเติมความรู้ถือเป็นวิทยาทานกันนะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งมากเพราะมีงานจำเป็นหลากหลายอย่างเพิ่มเข้ามาตามวัยที่เพิ่มขึ้นครับ

ท่านใดที่มีบุญวาสนาได้บูชาพระขุนแผนน้ำผึ้ง ลองศึกษาเพิ่มเติมให้เข้าใจถ่องแท้ อย่าปล่อยให้หลักธรรมคำสอนของหลวงปู่หลุดลอยผ่านไปอย่างน่าเสียดายนะครับ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้