ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3677
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระอรหันตธาตุสมัยพุทธกาล

[คัดลอกลิงก์]
พระอัญญาโกณฑัญญะ
                             
พระเถระผู้เป็นผู้รู้ราตรีนาน (บวชก่อนผู้อื่นเป็นคนแรก)
          เดิมชื่อ โกณฑัญญะ เป็นบุตรพราหมณ์มหาศาล ในบ้านโทณวัตถุใกล้ กรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อเจริญวัยได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบไตรเพทและเรียนรู้ลักษณะมนต์ (ทำนายลักษณะคน) เป็นพราหมณ์หนุ่มที่สุดในคณะ 108 พราหมร์ เป็น 1 ใน 8 พราหมณ์ ที่ได้เข้าถวายทำนายพระลักษณะของเจ้าชายสิทธัตถะจากการคัดเลือกและเป็นผู้ทำนายว่า เจ้าชายสิทธัตถะจะทรงเสด็จออกบรรพชาอุปสมบทเป็นศาสดาเอกของโลก หลังจากนั้นท่านจึงได้ออกบวชเพื่อรอคอยการตรัสรู้ของเจ้าชายสิทธัตถะพร้อมกับเพื่อนนักบวชอีก 4 คนท่านเป็นหัวหน้ากลุ่มปัญจวัคคีย์ ภายหลังท่านได้รับฟังพระธรรมเทศนาชื่อธัมมจักกัปปวัตตนสูตรจากพระบรมศาสดาได้ดวงตาเห็นธรรม (บรรลุพระโสดาบัน) พระบรมศาสดาจึงได้ทรงเปล่งพระวาจาว่าอัญญาสิ วตโภ โกณฑัญโญ ซึ่งแปลว่า โกณทัญญะรู้แล้วหนอ อัญญาแปลว่ารู้ ท่านจึงมีคำนำหน้าชื่อว่า อัญญา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ท่านได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท ครั้นต่อมา พระบรมศาสดาได้ทรางแสดงพระธรรมเทศนาให้ท่านและกลุ่มปัญจวัคคีย์ฟังชื่อว่า อนัตตลักขณสูตร จบพระธรรมเทศนาท่านและคณะจึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เป็นคณะแรกที่ออกไปเผยแผ่พระศาสนาต่อมาท่านจึงได้ทูลลาพระบรมศาสดาไปอยู่ป่าช้างฉัททันต์แดนหิมพานต์ ได้ 12 ปี จึงดับขันธ์นิพพาน

ที่มา http://www.jaisabuy.com/index.ph ... 8975159&Ntype=1
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระสารีบุตรเถระ
พระเถระผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศด้านมีปัญญามาก
                              
            นามเดิม อุปติสสะ เป็นบุตรของพราหมณ์วังคันตะและนางสารีพราหมณี ท่านเป็นบุครคนโตในบรรดาพี่น้อง 7 คน ซึ่งอยู่ ณ ตำบลนาลันทา ใกล้กรุงราชคฤห์ มีสหายรักชื่อ โกลิตะ ต่อมาได้เกิดความเบื่อหน่ายและสลดสังเวชในความไม่เที่ยงแท้ของชีวิต ชักชวนกันบวชในลัทธิของสัญชัย ปริพาชกเจ้าลัทธิ เจ้าลัทธิสมัยนั้น แต่ต่อมาเห็นว่าไม่เป็นแก่นสาร จึงแยกย้ายไปเพื่อแสวงหาโมกขธรรมและทำกติกากันว่าใครได้พบธรรมอันวิเศษก่อนให้มาแจ้งแก่กัน วันหนึ่งท่านพบพระอัสสชิและฟังพระธรรมเทศนาจากท่านแล้วบรรลุเป็นพระโสดาบันจึงมาแจ้งแก่สหายโกลิตะ หลังจากฟังพระธรรมเทศนา โกลิตะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นกัน จึงชักชวนกันเพื่อไปเข้าเผ้าพระบรมศาสดา และกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทหลังจากท่านบวชแล้ว 15วัน ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขณะถวายงานพัดแด่พระพุทธเจ้าซึ่งกำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนา ชื่อเวทนาปริคคหสูตร แก่ฑีฆนขอัคคิเวสนโคตร (บุรุษผู้ไว้เล็บยาว) ผู้ที่เป็นหลานชายของท่าน ณ ถ้ำสุกรขาตาเชิงภูเขาคิฌกูฏท่านเป็นผู้มีปัญญามาก เป็นภิกษุตราชูมาตรฐาน (สาวกแบบอย่าง) ท่านนิพพานด้วยโรคปักขันธิการพาธ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ที่บ้านเกิดของท่านหลังจากโปรดมารดาให้เข้าถึงซึ่งพระรัตนตรัยและโยมมารดาได้บรรลุพระโสดาบัน ขณะท่านแสดงธรรม

ที่มา http://www.jaisabuy.com/index.ph ... 8975159&Ntype=1
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระมหาโมคคัลลานะเถระ
พระเถระผู้เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย เลิศด้านเป็นผู้มีฤทธิ์มาก
    
          นามเดิม โกลิตะ เป็นบตุรพราหมณ์นายบ้าน ชื่อโกลิตคาม มารดาชื่อนางโมคคัลลีพราหมณีเป็นสหายกับอุปติสสมาณพ ภายหลังได้ฟังธรรมที่อุปติสสมาณพนำมาบอก ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันจึงชวนกันออกบวชในสำนักของพระบรมศาสดา หลังจาก 7 วัน ทำความเพียรอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกัลลวาลมุตคาม เขวงมคธ ถูกถีนมิทธารมณ์ (ความง่วง) เข้าครอบงำพระบรมศาสดาจึงทรงแนะนำอุบายให้ต่อมาจึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ภายหลังได้ช่วยงานเผยแผ่พระศาสนาได้มากมาย เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก คนที่ยังไม่เลื่อมใสก็กลับใจมานับถือพระพุทธศาสนาทำให้ลาภสักการะของเจ้าลัทธิต่างๆ ค่อยๆ หมดไป ด้วยประชาชนต่างหันมานับถือพระพุทธศาสนามากขึ้นในปัจฉิมกาลขณะที่ท่านพักอยู่ที่กาฬศิลาเจ้าลัทธิต่างๆ จึงได้ว่าจ้างให้โจรมาทำร้ายท่าน แต่ท่านก็สามารถหลบหนีได้ พอวาระที่ 3 ได้พิจารณาด้วยญาณว่าเป็นบุพกรรมเก่าที่ได้กระทำมาในครั้งอดีตต่อบิดามารดาจึงยอมให้โจรทำร้ายท่านด้วยการทุบจนร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี จนแน่ใจว่าท่านตายแล้วจึงนำร่างของท่านไปทิ้งแล้วพากันหลบหนีไป ท่านจึงประสานร่างกายด้วยกำลังของฤทธิ์ แล้วเหาะไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดากราบทูลลานิพพาน พระบรมศาสดาจึงให้ท่านแสดงธรรมครั้งสุดท้ายแก่พระภิกษุสงฆ์ก่อนเข้านิพพาน ท่านได้เหาะขึ้นไปแสดงพระธรรมเทศนาบนอากาศ แล้วเหาะกลับมานิพพาน ณ กาฬศิลาตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 12 หลังจากที่พระสารีบุตรได้นิพพานได้ 15 วัน
ที่มา http://www.jaisabuy.com/index.ph ... 8975159&Ntype=1
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2013-12-21 13:55

พระสันตติมหาอำมาตย์
ผู้บรรรุเป็นพระอรหันต์ขณะดำรงเพศเป็นฆราวาส
                                       
            ท่านเป็นมหาอำมาตย์ของพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นบุตรของพราหมณ์ที่รับราชการในราชสำนักแต่ครั้งก่อน ไม่ปรากฏนามบิดาและมารดา ซึ่งต่อมาก็ได้รับราชการจนกระทั่งได้รับตำแหน่งเป็นมหาอำมาตย์ครั้นต่อมาเกิดมีโจรก่อความวุ่นวาย ท่านจึงรับอาสาไปปราบ เมื่อปราบโจรราบคาบเสร็จแล้วพระราชาโปรดประทานรางวัฃให้ครองราชย์สมบัติ 7 วัน และประทานหญิงงามให้ 1 คน ท่านจึงได้เสวยราชสมบัติความความสุขอย่างเต็มที่ ครั้นพอถึงวันที่ 7 หญิงงามคนที่ได้ปรนนิบัติท่านได้เกิดตายด้วยโรคปัจจุบัน (โรคลม) เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ท่านมีความเสียใจมาก จึงได้มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมศาสดาพระองค์จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาถึงความไม่แน่นอนของสังขารตามกฎของไตรลักษณ์ จบพระธรรมเทศนาท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านก็หยั่งรู้ด้วยญาณว่าไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก จึงกราบทูลลาพระบรมศาสดา แล้วเหาะขึ้นไปบนอากาศเข้าเตโชธาตุ ให้ไฟเผาร่างกายคงเหลือแต่พระธาตุสีขาวดังดอกมะลิลอยลงมา แล้วเข้าสู่นิพพาน
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระอานนท์เถระ
พระเถระผู้เป็นเลิศด้านเป็นผู้มีพหูสูต มีสติ มีคติ มีความเพียร และเป็นพุทธอุปัฏฐาก
                                      
            เป็นพระโอรสของพระเจ้าสุกโธทนะ พระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระบรมศาสดา พระมารดาชื่อพระงานกีสาโคตรมี นับตามศากยะวงศ์ท่านเป็พระอนุชาของพระบรมศาสดาท่านออกบรรพชาอุปสมบทเหมือนกับพระญาติทั้งหลาย ภายหลังออกบวชท่านได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระปุณณมันตานีบุตร ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ต่อมาท่านได้รับเลือกเป็นพระพุทธอุปัฏฐากซึ่งท่านเองก็ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ขาดตกบกพร่องด้วยความละเอียดรอบคอบ กล่าวกันว่าก่อนที่ท่านจะจำวัดท่านต้องถือคบเพลิงเดินตรวจพระคันธกุฎีของพระบรมศาสดาให้แน่ใจเสียก่อนว่าปลอดภัย จึงจะจากไปพระบรมศาสดาทรงยกย่องพระอานนท์ว่า ท่านไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้อยกว่าพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเลย ภายหลังพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านจึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก่อนการทำสังคายนาพระไตรปิฎก ในขณะที่อยู่ในอิริยาบถ 4 ท่านมีอายุมากถึง 120 ปี จังได้ดับขันธ์นิพพานอยู่บนอากาศระหว่างแม่น้ำโรหิณี ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้พระญาติทั้งสองฝ่ายของท่านแย่งอัฐิธาตุ โดยอธิษฐานให้พระอัฐิแยกเป็น 2 ส่วนลอยตกลงไปให้ญาติทั้งสองฝ่าย

6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระปุณณเถระ (พระปุณณสุนาปรันตเถระ)
พระเถระผู้สั่งสมบุญบารมีมามาก
                                       
            เป็นบุตรของพ่อกล่อมและแม่กุล ในตระกูลคฤหบดี เกิดที่ท่าเรือสุปารกะ ในสุนาปรันตชนบท (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ครั้นเมื่อเจริญวัยได้ช่วยบิดาและมารดา ด้วยเพราะทางบ้านมีอาชีพค้าขายต่อมาได้ไปค้าขายที่อินเดีย ได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาที่กรุงสาวัตถี บังเกิดความเลื่อมใสจึงได้ทูลขออุปสมบท ครั้นเมื่อบวชได้ 3 พรรษา จึงใคร่กลับมาที่บ้านเกิด จึงขอเข้าเฝ้าและขอประทานโอวาทย่อๆ (จึงเกิดพระปุณโณวาทสูตรในพระไตรปิฎก) ภายหลังกลับมาก็ได้บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แล้วจึงชักชวนญาติของท่านบำเพ็ญบุญ โดยกราบทูลเชิญพระบรมศาสดาและพระสาวกจำนวน 499 รูป ครั้นเมื่อได้ถวายภัตตาหารแล้ว พระบรมศาสดาก็ได้ทรงทำนายว่า ดินแดนแห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อเรียกว่า สุวรรณภูมิ พระพุทธศาสนาจะมาเจริญ ณ ดินแดนนี้ และยังทรงเสด็จไปโปรดสัจจะพันธ์ฤาษีจนได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งยังขอประทานรอยพระพุทธบาทไว้ด้วย เพื่อไว้สักการบูชา แล้วจึงเสด็จกลับปัจจุบันก็คือรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงนับได้ว่าท่านเป็นผู้นำพระศาสนาเข้ามาในประเทศไทยยุคแรกๆ และยังเป็นพระอรหันต์รูปแรกของประเทศไทย ท่านดำรงขันธ์ช่วยงานพระศาสนานานพอควรจึงดับขันธ์นิพพาน

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-21 13:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระอุตตรเถระ
พระผู้สร้างคุณประโยชน์แก่ชาวสุวรรณภูมิ
                                       
            ท่านเป็นพระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิเมื่อ พ.ศ.235 คณะของท่านมี 5 รูป คือ พระโสณะ พระอุตตระ พระฌานียะ พระภูริยะ และพระมูนียะท่านได้มาพักที่ช้างค่อม นครศรีธรรมราช เทศน์พรหมชาลสูตร และได้วางพิธีอุปสมบทญัตติจตุตถกรรมวาจาโดยการใช้อุทุกเขปสีมาหรือสีมาน้ำ ได้วางพิธีการสวดปาฏิโมกข์ อุโบสถกรรม ปวารณากรรม ได้วางเพศแม่ชีไทย โดยถือแบบพระสากิยานี ต้นแบบของพระภิกษุณี เมื่อพระเจ้าโลกละว้า ให้มนขอมพิสสณุขอมเฉย ขอมสอน ขอมเมือง สร้างวัดมหาธาตุ ท่านได้วางพิธีกำหนดนิมิตผูกพันธสีมา พ.ศ.238 เดือน 5 ขึ้น 15 ค่ำ ท่านให้ขอมปั้นพระพุทธรูปด้วยปูนขาวเป็นประธานในโรงพิธี ได้วางวิธีการกราบการสวดมนต์ไหว้พระ ได้วางพิธีกฐิน และการถือธุดงค์ แบบการสร้างพระพุทธรูปต่างๆ มีในสมัยนั้นมีการสร้างล้อเกวียนประดิษฐ์เป็นธรรมจักร พระธรรมกับมิมิค หรือสัตว์เนื้อเป็นกวางบ้าง เป็นฟานบ้างอันเป็นการบ่งบอกหรือเป็นเครื่องหมายของดินแดนสุวรรณภูมิ
เชิญชมภาพพระอรหันตธาตุในสมัยปัจจุบันตามลิ้งค์ข้างล่าง

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้