ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6297
ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เหรียญนารายณ์แปลงรูป

[คัดลอกลิงก์]

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขอบคุณคร้าบ ของดีที่อ.เทพสร้างอีกชิ้น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2015-9-20 15:35

เหรียญเศียรพรหม
(เหรียญนารายณ์แปลงรูป)




เหรียญพรหมหรือเหรียญนารายณ์แปลงรูปนี้ เป็นวิชาหนึ่งที่ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ศึกษาจนสำเร็จ พุทธคุณสูงส่งใช้ในทางทำกิน เมตตามหานิยมอย่างยิ่ง เข้าหาผู้ใหญ่ใช้ดีมาก จากประสบการณ์ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกันมาในศิษย์ของสายท่านอาจารย์เทพย์ ได้ความว่าเหรียญนี้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2521

ถ้าพูดถึงเรื่อง “พระกริ่ง” หรือการลงแผ่นพระยันต์เพื่อทองหล่อพระกริ่ง นักเล่นพระรุ่นเก่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ท่านเป็นปรมาจารย์ด้านพระกริ่งคนหนึ่งในเมืองไทยทีเดียว

คำว่าปรมาจารย์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ท่านเป็นนักซื้อขายพระ หรือเป็นเซียนพระแต่ประการใด หากหมายถึงท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงพระยันต์นานาชนิด, การเททองหล่อพระกริ่ง และด้านไสยเวทย์คนหนึ่งของเมืองไทยที่หาตัวจับได้ยากยิ่งเลยทีเดียว อีกทั้งยังเป็นปรมาจารย์ทางด้านโหราศาสตร์ที่สำคัญคนหนึ่งของไทยอีกด้วย

ท่านอาจารย์เทพย์ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๒ เมื่อแรกเกิดท่านเป็นบุคคลที่มีลักษณะพิเศษกว่าคนทั่วไป เพราะปรากฏ “รก” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหมวกครอบศีรษะของท่านออกมาด้วย เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก หลวงวิศาลดรุณกร (อั้น สาริกบุตร) อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผู้เป็นคุณลุงของอาจารย์เทพย์ และยังเป็นโหราจารย์ที่เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์อย่างยิ่งท่านหนึ่ง พิจารณาแล้วจึงได้ตั้งชื่อให้หลานชายว่า “เทพย์” เพื่อเป็นสิริมงคล ท่านยังพูดเป็นคำขันว่า “เจ้าหมอเทพย์คนนี้น่ากลัวจะมีวิชาดีเอาติดตัวมาด้วย” กาลต่อมาก็ได้พิสูจน์คำพูดของท่านว่าเป็นจริง เมื่ออาจารย์เทพย์เติบโตขึ้นได้กลายเป็นนักวิชาการทางด้านโหราศาสตร์ และไสยศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจนมีเกียรติคุณชื่อเสียงกว้างขวางไปทั่วเมืองไทย

โดยได้พันเอกหลวงธรณีนิติญาณ (สวัสดิ์ อินทรพล) ซึ่งเป็นคุณลุงทางฝ่ายมารดาถ่ายทอดวิชาหมอดู โหราศาสตร์ไทยให้ท่าน ในขณะที่คุณหลวงวิศาลฯ สอนวิชาโหราศาสตร์สากล ท่านอาจารย์เทพย์เป็นคนวิริยะอุตสาหะจริง ๆ ใช้เวลาทุกขณะค้นคว้าหาความรู้ทางด้านนี้มาตลอด ส่วนทางด้านไสยเวทย์มีคุณพ่อของท่านเป็นผู้สอนให้ ซึ่งคุณพ่อของอาจารย์เทพย์นั้นเป็นศิษย์สายตรงและได้รับการสืบทอดวิชาจากท่านพระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข เกสโร แห่ง วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท นอกจากนั้นยังมีพระอาจารย์สี วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี, อาจารย์ผาด, พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ถ่ายทอดวิชาทำยาจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ และวิชาทำพระไม้โพธิ์แกะห้ามสมุทรที่มีคุณวิเศษให้

ทั้งยังเป็นลูกศิษย์คนโปรดของท่านเจ้าคุณพระศรีสัจจญาณมุนี (สนธิ์ ยติธโร) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพ ที่ถ่ายทอดวิชาการหล่อพระกริ่งอันดับหนึ่งในเมืองไทยให้ และท่านยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากวัดประดู่โรงธรรม พระนครศรีอยุธยา ตักศิลาที่สำคัญยิ่งของเมืองไทย
ท่านได้พบกับท่านเจ้าคุณพระวิสุทธาจารเถร (เทียม สิริปัญโญ) วัดกษัตราธิราชราชวรวิหาร พระนครศรีอยุธยา, พระครูศีลกิตติคุณ (อั้น คันธาโร) วัดพระญาติการาม พระนครศรีอยุธยา ที่เดินทางมาศึกษาวิชาวัดประดู่โรงธรรมเหมือนกัน และเป็นสหธรรมมิกที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ แลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอมิได้ขาด นอกจากนี้ท่านยังเคยแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่รอด พุทธสัณโฑ ยอดพระปรมาจารย์ แห่ง วัดบางน้ำวน ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร (สำหรับเหตุที่ทำให้ได้รู้จักกับหลวงปู่รอดนี้ เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ถูกเจ้าเข้ามาตลอด ญาติจึงพามาหาหลวงปู่รอดเพื่อแก้ไข ท่านก็เมตตารักษาให้ด้วยการรดน้ำมนต์และลงตะกรุดให้ติดตัวไว้ แต่ปรากฏว่าเจ้าก็ยังมาเข้าสิงได้อยู่ดี จึงได้ให้ลูกศิษย์มาหาอาจารย์เทพย์เพื่อขอคำแนะนำ อาจารย์เทพย์ได้ลงตะกรุดไปให้ดอกหนึ่งเพื่อนำถวายหลวงปู่รอด หลวงปู่รอดจึงให้คนที่ถูกเจ้าเข้าสิงใส่ติดตัวแทนตะกรุดหลวงปู่ เป็นที่น่าอัศจรรย์เจ้าที่เคยเข้าสิงได้มาตลอดกลับเข้าไม่ได้อีกเลยนับตั้งแต่บัดนั้น หลวงปู่รอดจึงขึ้นมาหาอาจารย์เทพย์ถามเรื่องยันต์ในตะกรุดนั้นว่าลงด้วยยันต์อะไร ?


อาจารย์เทพย์จึงถวายวิชาลงตะกรุดนั้นให้หลวงปู่รอดไป ตั้งแต่นั้นหลวงปู่รอดก็ไปมาหาสู่อาจารย์เทพย์มาโดยตลอดและแลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอ ท่านมากรุงเทพเมื่อไรเป็นต้องมาพักค้างที่บ้านอาจารย์เทพย์มิได้ขาด อาจารย์เทพย์ก็นับถือหลงปู่รอดเป็นครูบาอาจารย์ของท่านองค์หนึ่งเลยทีเดียว

ด้วยความชำนิชำนาญทั้งโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ทำให้อาจารย์เทพย์ได้รับเชิญเป็นเจ้าพิธีที่สำคัญ ๆของประเทศอยู่หลายพิธี เช่น พิธีมหาจักรพรรดิกษัตราธิราช วัดปรินายก, พิธีมหาจักรพรรดิพุทธาภิเษก ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (วัดพระพุทธชินราช) อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อใดที่ต้องจัดพิธีสำคัญ อีกทั้งยังเป็นพิธีกรรมการจัดที่น้อยอาจารย์จะทราบวิธีการจัดให้ถูกต้อง ท่านอาจารย์เทพย์ก็จัดได้ทั้งสิ้น ดังเช่นพิธีกรรมการเททองหล่อพระแบบโบราณตามตำรับของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศนเทพวราราม อาทิ พิธีหล่อพระกริ่งจอมสุรินทร์ จ.สุรินทร์, พระกริ่งเอกาทศรถ จ.เชียงใหม่, พระกริ่งจิตคุตโต หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น ฯลฯ ที่กล่าวมานี้ท่านได้ลงแผ่นทอง กำหนดฤกษ์ยามให้ และเป็นเจ้าพิธีควบคุมด้วยตัวท่านเอง



พระกริ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน คือ พระกริ่งวัดปรินายก, พระกริ่งปวเรศน้อย วัดช่องลม(วัดสีห์ไกรสร) ท่านทำตอนที่ท่านบวชเป็นพระภิกษุ ว่ากันว่าเมื่อเททองเสร็จท่านท้าให้ลูกศิษย์ทดลองยิงได้เลย โดยยังไม่ต้องปลุกเสก ปรากฏผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะปืนยิงไม่ออกแม้แต่นัดเดียว ทำให้พระกริ่งชุดนี้ เป็นที่เสาะแสวงหากันมากในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่อง และยังมีการปลอมออกมาหลายฝีมือทีเดียว “พระกริ่งดาว ๗ ดวง” ที่หล่อเพียง ๗ องค์เท่านั้น ใครที่คิดจะหาปิดประตูได้เลย เพราะอยู่กับผู้ที่มีอันจะกินระดับแนวหน้าของเมืองไทยทั้งหมด ที่เรียกกริ่ง ๗ ดาวนี้ เนื่องจากในปีนั้นมีดวงพระเคราะห์ทั้ง ๗ ดวงเคลื่อนเข้ามาอยู่ในราศีเดียวกัน และให้คุณเป็นอันมาก เรียกว่ารอกันเป็นสิบ ๆ ปีได้เลยกว่าจะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการสร้างพระกริ่ง ๗ ดาว

ส่วน “พระบูชาไม้โพธิ์แกะปางห้ามสมุทร” หรือไม้โพธิ์นิพพาน ท่านได้สร้างไว้เหมือนกันแต่น้อยมาก ๆ และยังมี “พระภควัมบดีแกะจากไม้รักซ้อนตายพรายก้นอุดด้วยพระธาตุและผงวิเศษ”, “พระภควัมบดีแกะจากไม้หิ่งหายผี” ส่วนเครื่องรางก็จะมีเสื้อยันต์ที่ท่านทำสมัยสงครามอินโดจีน และผ้ายันต์ชนิดต่าง ๆ เชือกคาดเอว(ลงแล้วเผาไฟไม่ไหม้ตามตำรา) สำหรับเครื่องรางเหล่านี้จะต้องมีเครื่องสังเวยครูตามตำรานั้น ๆ เลยทีเดียว ถ้าไม่มีมาท่านจะไม่ทำให้เป็นอันขาด เพราะท่านถือเรื่องการเคารพครูเป็นอย่างสูง เครื่องรางของท่านแต่ละชิ้นจึงมีราคาค่าตัวสูงพอสมควร ตะกรุดต่าง ๆ เช่น “ตะกรุดมหาจักพัตราธิราช” ที่ลงในพิธีมหาจักรพรรดิซึ่งนับดอกได้ ปีที่ทองคำตกบาทละ ๕,๐๐๐ กว่า เคยมีคนเอาทองคำหนัก ๖ บาทมาแลกตะกรุดมหาจักรพรรดิไป ๑ ดอก, “ตะกรุดคู่ชีวิต”, “ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม” และตะกรุดชนิดอื่น ๆ

“ประคำพระเจ้าตรึงไตรภพ” ที่ทำจำนวนน้อยมากมีประมาณ ๒๐ กว่าเส้นเท่าที่ทราบ และหาผู้ที่รู้จริงทำได้น้อยมากเช่นกัน แม้แต่วัดกลางบางแก้วเองเมื่อสิ้นหลวงปู่บุญก็ไม่มีท่านใดทำต่อได้เลย ลงด้วยคาถารัตนมาลาทั้ง ๑๐๘ บท และต้องท่องจบสูตรรัตนมาลาทั้งหมด ๓ ห้อง คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไส้ทำด้วยเงินลงยันต์ บางเส้นท่านทำด้วยทองคำก็มี พันด้วยกระดาษสาโรยด้วยผงปถมัง ลงรักปิดทองทั้งเส้น ผมยังมีบุญที่ได้เห็นอยู่หนึ่งเส้นในชีวิต เพราะของสำคัญอาจารย์เทพย์ส่วนใหญ่จะตกอยู่ในมือผู้ที่มีอันจะกินระดับเจ้าสัวแทบทั้งสิ้น จึงไม่มีของหลุดออกมาให้เห็น

“มีดเทพศัสตรา” ที่รวบรวมชนวนพระกริ่งที่ท่านทำทั้งหมดมาหลอมเป็นใบ นำมาตบแต่งเป็นมีด ลงเหล็กจารทั้งใบมีด ไม่ว่าจะด้านหน้าหรือหลัง มีดหมอของท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขณะที่ลงปลายมีดด้วยยันต์ “นะโอ้ฟ้าผ่า” อยู่นั้น ฟ้าก็ได้ผ่าลงมาให้เห็นจริง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ เห็นได้ว่าท่านเรียนวิชาอะไรก็สำเร็จตามคุณวิเศษของตำรานั้นได้จริง ที่เห็นว่ามีปรมาจารย์ผู้ชำนาญในเรื่องเหล่านี้แท้จริงในยุคปัจจุบันก็พบแต่ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร และอาจารย์ชุม ไชยคีรี สองท่านนี้ที่ทำได้ตามตำราจริง ๆ คุณวิเศษของมีดนั้นเรื่องไล่ผีหรือขับคุณไสยถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทว่ามีดของท่านยังใช้ทำความได้อีกด้วย (เรื่องนี้ผมได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากลูกศิษย์คนสนิทของท่านคนหนึ่งว่า ยังใช้ทำความได้ดี ใช้ข่มศัตรู เพียงแต่นำรูปถ่ายของคู่ความ คู่กรณี มาว่าคาถาที่กำกับและพันกับด้ามมีดเท่านั้น คู่ความไม่สามารถว่าความได้เลย)

วิชาทำ “ยาจินดามณี” ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวังให้ใช้พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ประกอบพิธี นับว่าหาได้ยากจริง ๆ เท่าที่ทราบก็ไม่มีผู้ใดอีกเลยที่ทำพิธียาจินดามณีในพระอุโบสถวัดพระแก้วได้ นอกจากนี้ยังได้รับโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้เททองหล่อพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์อีกด้วย

“สีผึ้งสามไฟ” ที่เลื่องลือในด้านเมตตานิยม การเจรจาเป็นอย่างสูง พิธีสุดท้ายท่านทำที่วัดเสน่หา เมื่อทำสำเร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดเสน่หาพอดี นับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับอาจารย์เทพย์ที่ได้ลองทำวิชาสีผึ้งสามไฟ ใครมาขอท่านจะให้แค่เท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น และนำไปผสมกับสีผึ้งที่เตรียมมา ลูกศิษย์ที่ได้ใช้ต่างบอกเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่าสุดวิเศษตามที่ท่านได้บอกสรรพคุณไว้จริง ๆ ระยะหลังท่านได้เลิกทำเครื่องราง เพราะสุขภาพไม่อำนวย แต่ยังคงไว้ในส่วนพระกริ่งของท่านเองที่สถาปนาไว้เพื่อการสร้างวัดวาอาราม บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่าง ๆ ครั้งหลังนี้ท่านเลือกประกอบพิธีที่วัดตะเคียน(วัดมหาพฤฒาราม)มาโดยตลอด เพราะรู้จักสนิทสนมกับเจ้าอาวาส พระกริ่งที่เทวัดคะเคียนนี้ เท่าที่จำได้จะมี พระกริ่งนวโกฏิ (พระนวโกฏิเศรษฐี), พระกริ่งปวเรศ และพระชัยวัฒน์, พระบูชาหลวงพ่อดำ (หลวงพ่อดำเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระประจำพระองค์ในสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ที่พระองค์เดิมเป็นพระสมัยเชียงแสนหล่อด้วยสำริด เนื้อกลับเป็นสีดำ ส่วนฐานท่านได้ให้ช่างแกะเป็นเทวดานพเคราะห์ทั้ง ๙ องค์ และซุ้มเรือนแก้ว(แกะด้วยไม้ประดับกระจกสี)ประดิษฐานที่ด้านหลังองค์พระ และเฉลิมพระนามใหม่ว่าหลวงพ่อดำ), เหรียญนารายณ์แปลงรูป, เหรียญพุทธนิมิต ฯลฯ ส่วนการประกอบพิธีพุทธาภิเษก ท่านได้นิมนต์พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินทสุวัณโณ) วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี, พระครูสุตาธิการี (ทองอยู่ ยโส) วัดใหม่หนองพะอง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร (หลวงพ่อทองอยู่นี้ท่านดังมากในเรื่องใช้กสิณดับแสงดาว และท่านยังเป็นญาติทางฝ่ายคุณแม่ของอาจารย์เทพย์อีกด้วย) ส่วนหลวงปู่โต๊ะท่านเป็นสหธรรมมิกกับอาจารย์เทพย์ เวลาที่หลวงปู่โต๊ะทำผงมักจะมาทำที่บ้านของอาจารย์เทพย์เสมอ

ประสบการณ์ของอาจารย์เทพย์นั้นมักจะมีในแทบทุกด้าน วิชาที่ท่านทำแต่ละอย่างนั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์ และเป็นวิชาชั้นสูง อย่างเช่น ทางด้านเมตตามหานิยมนั้น ท่านทำให้ถึงขนาดที่ว่าเทวดายังต้องลงมารัก มาเมตตาสงสาร ให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่เมตตามหาเสน่ห์แล้วจบลงด้วยการนอนร่วมเพศกันเหมือนกับอาจารย์ลวงโลกในสมัยนี้ทำ ท่านยกอุปมาอุปมัยสั่งสอนลูกศิษย์โดยตลอดในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ วิชามหาเสน่ห์ท่านก็มี แต่ไม่ได้ประสิทธิประสาทให้กับผู้ใด ท่านว่าเป็นวิชาขั้นต่ำ ท่านเคยทำวิชานี้ให้พระอาจารย์ติ๋ว ฐิตวัฒฑโณ วัดมณีชลขัณฑ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี ได้ประจักษ์เป็นบุญตามาแล้ว เมื่อวันหนึ่งที่พระอาจารย์ติ๋วเข็นรถอาจารย์เทพย์ออกมาหน้าบ้าน อาจารย์เทพถามว่า “อยากเห็นอะไรไม๊” พอพูดจบท่านนั่งภาวนาคาถาสักครู่ ในขณะนั้น มีผู้หญิงสองคนเดินผ่านหน้าบ้านท่านพอดี ท่านจึงเป่าคาถาใส่ผู้หญิงสองคนนั้น ปรากฏว่าผู้หญิงสองคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาอาจารย์เทพย์ และหอมแก้มท่านเป็นการใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกันเลยแม้สักนิด พระอาจารย์ติ๋วเห็นแล้วถึงกับอึ้งในวิชามหาเสน่ห์ของอาจารย์เทพย์ที่ทำให้ดู

ไม่ว่าจะแก่กล้าในวิทยาคุณเพียงใด แต่ทุกชีวิตก็หนีไม่พ้นความตาย ท่านปรมาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ถึงแก่มรณกรรมเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ นับว่าเป็นการสูญเสียครูบาจารย์ที่สำคัญยิ่งท่านหนึ่งในเมืองไทย เหรียญนารายณ์แปลงรูปหรือเหรียญหน้าพรหมนี้หายากนัก เพราะสร้างจำนวนน้อย เนื้อเงินทำเพียง 50 เหรียญ เนื้อทองแดง(ชนวน)ทำเพียง 800 เหรียญเท่านั้นเอง


นารายณ์แปลงรูปนี้ มีวิธีใช้ และคาถาอาราธนากำกับมาแต่เดิม ซึ่งกล่าวไว้ ดังนี้

คาถาใช้เหรียญนารายณ์แปลงรูป ของอาจารย์เทพ สาริกบุตร




นะโม 3 จบ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว จะท่องกี่จบก็ได้ หรือท่องตามกำลังวันได้ยิ่งดี แล้วอธิฐานตามความปรารถนา เมื่อสำเร็จตามที่ปรารถนาแล้ว ควรจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านด้วย


ใช้ทำน้ำมนต์ประพรมของค้าขาย หรือทำน้ำมนต์ล้างหน้าให้บังเกิดสง่าราศี เป็นที่รักของคนทั้งหลาย ให้ทำดังนี้ หาน้ำสะอาดมา 1 แก้ว หรือตามจำนวนที่ต้องการวางตรงหน้าพระ ใส่เหรียญลงไป ระลึกถึงคุณพระทั้ง 5 ให้จงดี คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ระลึกถึงอาจารย์เทพเป็นที่สุด (ถ้าศรัทธาครูบาอาจารย์องค์ใด ก็ให้ยึดถือองค์นั้น แล้วเพิ่มอาจารย์เทพเข้าไปด้วย) ตั้งใจให้ดีทำใจให้สงบว่า นะโม 3 จบ อธิษฐานสิ่งที่ต้องการปรารถนา ว่าคาถาดังนี้


“เตชะสุเนมะ ภูจะนาวิเว มะอะอุสิวังพรหมมาจิตตัง มานิมามา นะพามานะ นะชาลิติ”

คาถาเสกน้ำล้างหน้า

“นะเมตตาจะมหาราชา อะเมตตาจะมหาเสนา อุเมตตาจะมหาชนา สัพพะเสน่ห์หังจะปูชิตัง สัพพะสุขังจะมหาลาภัง สัพพะสิทธิภะวันตุเม”


กำลังวันมีดังนี้ จันทร์-15 , อังคาร-8 , พุธ-17 , พฤหัส-19 , ศุกร์-21 , เสาร์-10 , อาทิตย์-6 ,วันราหู(พุธกลางคืน)-12



งานเขียน  อ.รณธรรม  
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-9-20 17:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้