ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6111
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนาน "เงินปากผี"

[คัดลอกลิงก์]
นำเรื่องเงินปากผีมาให้อ่านกันครับ
เป็นความเชื่อ เป็นตำนาน เป็นเคล็ดลาง ที่เล่าขานกันมาแต่กาลก่อน ของชาวไทยครับ

อ้างอิงจาก บทความ  อ . สิริชัย พยากรณ์
ความเชื่อเกี่ยวกับ อาถรรพ์ของเงินปากผีนั้น เกิดจากความหวาดกลัวของคนสมัยก่อน ซึ่งมักจะพบกับปรากฏการณ์ที่อยู่เหนือคำอธิบาย ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีวิชาอาคมจริง ๆ ก็ไม่สามารถจะนำมาครอบครองได้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า การทำศพในสมัยโบราณมักจะนำศพไปฝังไว้ที่ป่าช้า ( ถ้าไม่เผา ) ซึ่งสถานที่แห่งนั้นเป็นแหล่งรวมของอาถรรพ์ต่าง ๆ มากมายทั้งที่สามารถสัมผัสได้ ( ซากศพ ) และสัมผัสไม่ได้ เช่น วิญญาณ ปิศาจ การที่จะนำเอาเงินปากผีมาทำพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อผสมสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง จะต้องมีการทำพิธีที่ถูกต้อง ถ้าทำโดยสุ่มสี่สุ่มห้า อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ( เจ้าของเงินปากผี คือ วิญญาณของผู้ตายอาจจะมาทวงคืนได้ )

ในเรื่องนี้ชาวฮินดู ก็มีความเชื่อ โดยจะเอาเงินและข้าวสารเล็กน้อยใส่ปากศพ พวกสิงโพที่เป็น ชาวป่าของพม่า เมื่อแต่งตัวศพเรียบร้อยแล้ว จะเอาเนื้อหมูและเหล้าและข้าวเซ่นสรวง และเอาเงินใส่ปากศพ ถ้าผู้ตายเป็นหัวหน้าจะเอาเอาหินแก้วอันมีค่าใส่ไว้ใต้รักแร้ ข้างละเม็ด แล้วจึงนำใส่โลง      ชาวจีนจะเอาอีแป๊ะใส่ปากศพและเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ด้วย เงินใส่ปากศพ การนำเงินใส่ปากศพ ถือว่าเป็นความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน แม้แต่ชาติอื่นๆ ก็มีความเชื่อในเรื่อนี้อยู่ไม่น้อย จะแตกต่างกันในข้อปฏิบัติ ซึ่งในสังคมไทยวิธีปฏิบัติก็คือ จะนำ เงินพดด้วง หรือเงินเหรียญบาทหนึ่งหรือจะเป็นเหรียญสลึงสองสลึงไม่กำหนด แล้วห่อผ้าขาวผูกเชือกไว้หางยาว หย่อนลงในปากศพ ซึ่งมีคำอธิบาย ไว้หลายเหตุผล ดังนี้

ประการแรก การนำเงินใส่ปากศพก็เพื่อผู้ตายจะได้เอา ทรัพย์ติดตัว ไปใช้สอย ในเมืองผี แต่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงใส่เงินในปาก แค่เพียงหนึ่งบาทเท่านั้น (เท่าที่สอบถามจากสัปเหร่อวัดให้ใช้เหรียญบาทเท่านั้น เนื่องจากมีความเชื่อว่าใช้หนึ่งบาทเพื่อซื้อทางในดินแดนแห่งโลกวิญญาณ) แต่ตามความเชื่อของคนจีน จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตายคราวละมากๆ จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันระหว่างความเชื่อของคนไทยกับคนจีน

ประการที่สอง เพื่อให้พิจารณาเห็นว่า บรรดา ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ แม้มากสักเท่าใด ตายแล้วก็นำติดตัวไปไม่ได้ เขาย่อมควักเอาออกจากปาก สุดท้ายจะเอาไปได้ก็แต่กรรมที่ทำไว้ ซึ่งย่อมติดตามไปคล้ายเงาตน และจะส่งผลให้ได้ รับทุกข์ หรือสุขก็ตามแต่กรรมที่ตนได้กระทำไว้ เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมาอย่าได้ ลุ่มหลงอยู่กับ ทรัพย์สมบัติ

ประการที่สาม เพื่อให้เป็นค่าจ้างแก่สัปเหร่อที่จะนำศพไปเผา ที่ต้องนำไปใส่ไว้ ในปากเพราะว่าจะได้ค้นหาได้สะดวก เพราะถ้าเจ้าภาพบิดพลิ้วสัญญาค่าจ้างภายหลัง เงินใส่ปากศพจะกลายเป็นเงินค่าจ้าง เพราะในสมัยก่อนเงินบาทมีค่ามาก ตามความเชื่อ ของกรีกโบราณที่เล่าต่อๆกันมาว่า ผู้ที่ตายวิญญาณจะไปสู่เมืองผี ซึ่งเมืองนี้อยู่ใต้ เมืองมนุษย์ ทางทิศตะวันตกอันไกลแสนไกล จะมีแม่น้ำปันแดนความสว่าง และความมืดชื่อว่า “แม่น้ำสติกษ์” (แปลว่าดำมืด) วิญญาณของผู้ตายไปสู่เมืองผีได้ก็ต้องข้ามแม่น้ำนี้ มีมนุษย์ชื่อว่า “การน” มีรูปร่าง เป็นคนแก่ผมหยิกดำ หนวดเครารุงรัง แจวเรือรับส่งวิญญาณข้ามฟาก โดยคิดค่าจ้างรับส่ง เป็นเงิน หนึ่งอะบะลัส

อย่างไรก็ดีความเชื่อเรื่องเงินปากผีในปัจจุบัน อาจจะยังมีอยู่ในท้องถิ่นที่ยังคงรักษาความเชื่อนี้เอาไว้ แต่ในเมืองหลวงที่มีความเจริญ สิ่งเหล่านี้ได้สูญสิ้นไปจากคนในสังคมเมืองหมดแล้ว เพราะฉะนั้นการ กระทำความดี เสาะแสวงหาทรัพย์ภายใน คือ การทำบุญ เจริญสมาธิ รักษาศีล จึงเป็นการแสวงหาทรัพย์ที่ถูกต้องที่สุด เพราะเป็นทรัพย์ที่สามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ ไม่มีใครสามารถแย่งชิงนำไปได้
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-12-29 23:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คุณเชื่อเรื่อง เงินปากผีไหม!!!
                                       


คุณเคยได้ยินเรื่อง เงินปากผี บ้างหรือเปล่าครับ  และรู้รายระเอียดเกี่ยวกับความหมายที่มา และความอาถรรพ์ของ เงินปากผี มากน้อยเพียงใด วันนี้ Horoscope.Mthai.com มีคำตอบมาบอกกัน




คุณเชื่อเรื่องเงินปากผีมั้ย…!

ความเชื่อ เกี่ยวกับ อาถรรพ์ ของ เงินปากผี นั้น เกิดจากความหวาดกลัวของคนสมัยก่อน ซึ่ง มักจะพบกับปรากฏการณ์ที่อยู่เหนือคำอธิบาย ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีวิชาอาคมจริง ๆ ก็ไม่สามารถจะนำมาครอบครองได้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลที่ว่า การทำศพในสมัยโบราณมักจะนำศพไปฝังไว้ที่ป่าช้า ( ถ้าไม่เผา ) ซึ่งสถานที่แห่งนั้นเป็นแหล่งรวมของ อาถรรพ์ ต่าง ๆ มากมายทั้งที่สามารถสัมผัสได้ ( ซากศพ ) และสัมผัสไม่ได้ เช่น วิญญาณ ปิศาจ การที่จะนำเอา เงินปากผี มาทำพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อผสมสร้างเป็นเครื่องรางของขลัง จะต้องมีการทำพิธีที่ถูกต้อง ถ้าทำโดยสุ่มสี่สุ่มห้า อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ( เจ้าของ เงินปากผี คือ วิญญาณของผู้ตายอาจจะมาทวงคืนได้ )

ในเรื่องนี้ชาวฮินดู ก็มีความเชื่อ โดยจะเอาเงินและข้าวสารเล็กน้อยใส่ปากศพ พวกสิงโพที่เป็น ชาวป่าของพม่า เมื่อแต่งตัวศพเรียบร้อยแล้ว จะเอาเนื้อหมูและเหล้าและข้าวเซ่นสรวง และเอาเงินใส่ปากศพ ถ้าผู้ตายเป็นหัวหน้าจะเอาเอาหินแก้วอันมีค่าใส่ไว้ใต้รักแร้ ข้างละเม็ด แล้วจึงนำใส่โลง      ชาวจีนจะเอาอีแป๊ะใส่ปากศพและเผากระดาษเงินกระดาษทองให้ด้วย เงินใส่ปากศพ การนำเงินใส่ปากศพ ถือว่าเป็นความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน แม้แต่ชาติอื่นๆ ก็มีความเชื่อในเรื่อนี้อยู่ไม่น้อย จะแตกต่างกันในข้อปฏิบัติ ซึ่งในสังคมไทยวิธีปฏิบัติก็คือ จะนำ เงินพดด้วง หรือเงินเหรียญบาทหนึ่งหรือจะเป็นเหรียญสลึงสองสลึงไม่กำหนด แล้วห่อผ้าขาวผูกเชือกไว้หางยาว หย่อนลงในปากศพ ซึ่งมีคำอธิบาย ไว้หลายเหตุผล ดังนี้


ประการแรก การนำเงินใส่ปากศพก็เพื่อผู้ตายจะได้เอา ทรัพย์ติดตัว ไปใช้สอย ในเมืองผี แต่มีข้อสงสัยว่าทำไมจึงใส่เงินในปาก แค่เพียงหนึ่งบาทเท่านั้น แต่ตามความเชื่อของคนจีน จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ผู้ตายคราวละมากๆ จะเห็นได้ว่า มีความแตกต่างกันระหว่างความเชื่อของคนไทยกับคนจีน

ประการที่สอง เพื่อให้พิจารณาเห็นว่า บรรดา ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ แม้มากสักเท่าใด ตายแล้วก็นำติดตัวไปไม่ได้ เขาย่อมควักเอาออกจากปาก สุดท้ายจะเอาไปได้ก็แต่กรรมที่ทำไว้ ซึ่งย่อมติดตามไปคล้ายเงาตน และจะส่งผลให้ได้ รับทุกข์ หรือสุขก็ตามแต่กรรมที่ตนได้กระทำไว้ เพราะฉะนั้น คนเราเกิดมาอย่าได้ ลุ่มหลงอยู่กับ ทรัพย์สมบัติ

ประการที่สาม เพื่อให้เป็นค่าจ้างแก่สัปเหร่อที่จะนำศพไปเผา ที่ต้องนำไปใส่ไว้ ในปากเพราะว่าจะได้ค้นหาได้สะดวก เพราะถ้าเจ้าภาพบิดพลิ้วสัญญาค่าจ้างภายหลัง เงินใส่ปากศพจะกลายเป็นเงินค่าจ้าง เพราะในสมัยก่อนเงินบาทมีค่ามาก ตามความเชื่อ ของกรีกโบราณที่เล่าต่อๆกันมาว่า ผู้ที่ตายวิญญาณจะไปสู่เมืองผี ซึ่งเมืองนี้อยู่ใต้ เมืองมนุษย์ ทางทิศตะวันตกอันไกลแสนไกล จะมีแม่น้ำปันแดนความสว่าง และความมืดชื่อว่า “แม่น้ำสติกษ์” (แปลว่าดำมืด) วิญญาณของผู้ตายไปสู่เมืองผีได้ก็ต้องข้ามแม่น้ำนี้ มีมนุษย์ชื่อว่า “การน” มีรูปร่าง เป็นคนแก่ผมหยิกดำ หนวดเครารุงรัง แจวเรือรับส่งวิญญาณข้ามฟาก โดยคิดค่าจ้างรับส่ง เป็นเงิน หนึ่งอะบะลัส

อย่างไรก็ดีความเชื่อเรื่องเงินปากผีในปัจจุบัน อาจจะยังมีอยู่ในท้องถิ่นที่ยังคงรักษาความเชื่อนี้เอาไว้ แต่ในเมืองหลวงที่มีความเจริญ สิ่งเหล่านี้ได้สูญสิ้นไปจากคนในสังคมเมืองหมดแล้ว เพราะฉะนั้นการ กระทำความดี เสาะแสวงหาทรัพย์ภายใน คือ การทำบุญ เจริญสมาธิ รักษาศีล จึงเป็นการแสวงหาทรัพย์ที่ถูกต้องที่สุด เพราะเป็นทรัพย์ที่สามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ ไม่มีใครสามารถแย่งชิงนำไปได้

(ขอบคุณข้อมูลจาก horolive.com)
(ขอบคุณภาพจากarthunveth.tarad,xfile.mwake.net)

ที่มา: http://www.clipmass.com/story/92902

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้