ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 16570
ตอบกลับ: 24
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

>> หลวงปู่ชื่นไม่มี อุ <<

[คัดลอกลิงก์]
หลวงปู่ชื่นไม่มี อุ

           หลวงปู่ชื่นเคยสอนผมว่า "เรื่องบางเรื่องมันเป็นกรรมของเขาเราควรปล่อยวางและยอมรับมัน สัตว์โลกยอมเป็นไปตามกรรม เราอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่ง เดี๋ยวจะติดรากแห ไปกับเขา"

           ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนศิษย์ ในทางตรงกันข้าม ครูก็ไม่สามารถปฎิบัติตามคำสอนที่ตน สอนผู้อื่นได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างใกล้ตัวกับ ยอดครู บรมจารย์ อย่าง.....หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ......
               
           หลวงปู่ชื่นท่านสั่งสอนผม เรื่องการบำเพ็ญบารมีสิบทัศน์ในข้อที่สิบได้กล่าวถึง..

" อุเบกขาบารมี "

              บารมี หมายถึง การกระทำที่ประเสริฐ การกระทำที่ประกอบด้วยกุศลเจตนาคุณงามความดีที่ควรกระทำ คุณงามความดีที่ได้บำเพ็ญมา คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่ เป็นธรรมส่วนหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งช่วย เหลือเกื้อกูลให้ผู้ปฏิบัติได้ถึงซึ่งโพธิญาณ


             อุเบกขาบารมี หมายถึง การวางเฉย มีใจเป็นกลาง การปล่อยวางในสิ่งที่ผิดพลาด ในสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ วางเฉยในความทุกข์ของตน และสัตว์ที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากมีปัญญาเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมของตน ไม่มีใครได้รับความยากลำบากโดยไม่มีเหตุปัจจัย ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมที่เคยทำมาทั้งสิ้น


ตลอดเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ชื่น มา ยอมรับความจริงว่า "อุเบกขาบารมี" ของหลวงปู่ชื่นท่านหย่อนยานมาก หลายต่อหลายครั้ง ที่หลวงปู่ชื่นท่านตั้งใจหลงลืมในการบำเพ็ญบารมีข้อนี้ท่านมักจะสงเคราะห์สัตว์โลกเสมอไม่เลือก   ภพ ชาติ ภาษา และวรรณะ ถ้าจะมาเล่า ณ.ที่นี่ คงไม่หมด จึงขอยกตัวอย่างเป็นบางเรื่อง เช่น...กรณีเรื่อง   


"เด็กหญิงป่วยเป็นโรคประหลาด"


                    เรื่องนี้เกิดที่ที่วัดเจดีย์งาม แม่เด็กได้พาลูกสาวของตัวเองมาพบหลวงปู่ชื่น ด้วยทราบข่าวมาว่ามีพระเก่งมากๆ มาช่วยงานที่วัดเจดีย์งาม เมื่อพบหลวงปู่ชื่น จึงได้เล่าความทุกข์ใจเรื่องบุตรของตนว่า. ไม่ทราบว่าลูกเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ป่วยโน้นเป็นนี่อาการทุลักทุเล แต่พอนำไปพบแพทย์ให้แพทย์ วินิจฉัยโรค  แต่ก็หาสาเหตุไม่พบ และที่แปลกคือ.. ตกกลางคืนลูกสาวจะมีบุคลิกภาพเป็นอีกคนหนึ่งเหมือนผู้ใหญ่ มีกริยา ระราน หยาบ กระด้าง และ ก้าวร้าน ส่งเสียงกรี๊ดร้องโหยหวล น่ากลัวมาก

                   เข้าโรงพยาบาลหลายต่อหลายครั้ง จนโรงพยาบาลต้องนำแพทย์หลายๆสาขาวิชาการสี่ห้าคนมานั่งล้อมวงวินิจฉัยโรคกันเลยทีเดียว แต่ก็หาบทสรุปของสาเหตุของผู้ป่วยไม่พบ เป็นที่หนักใจของแพทย์ และความทุกข์ทนของแม่ เหลือที่จะประมาณ ห้วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานแม้นเพียงเศษเสี้ยวของวินาทีมันเป็นเวลาที่ช่างนานแสนนาน ทุกข์อันใดของแม่เล่า จะเท่าความทุกข์แห่งความอาลัย ห่วงหาอาทรบุตร  เล่าเรื่องราวต่างๆให้หลวงปู่ฟัง บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทีใจเป็นคนแต่งเติม น้ำตาทีไหลริน ผ่านสีหน้าแห่งความทุกข์บนอารมณ์แห่งความสิ้นหวัง

                  เมื่อหลวงปู่ชื่นท่านรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วท่านก็ไม่เห็นพูดอะไร จะช่วยได้หรือไม่ได้ก็ไม่บอก?? จะบอกกล่าวที่มาแห่งโรคสักนิด หรือ ตอบให้รับรู้บ้างสักหน่อยก็ไม่มี!!!!  หมอทั้งโรงพยาบาลยังเอาไม่อยู่ แล้ว หลวงปู่ชื่น จะไหวไหม หนอ??

"นิ่งสงบ เป็น ทองไม่รู้ร้อน"

                 ผมนึกว่าหลวงปู่ท่านคงจะบำเพ็ญ อุเบกขาบารมี แต่แล้วผมก็คาดการณ์ผิดแบบหลายครั้งที่เคยพบเห็นมา หลวงปู่ชื่นท่าน ให้ผมนำสายสิญจน์มาให้ท่านแล้วหลวงปู่ก็ทำเป็นสายมงคลสวมให้เด็กและสั่งห้ามถอดออก และให้แม่เด็กกลับบ้านพาลูกไปพักผ่อน พรุ่งนี้ ค่อยมาหาหลวงปู่อีก

                สายๆ ของวันต่อมาแม่เด็กได้ นำบุตรสาวของตน เข้าพบหลวงปู่ชื่นอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ดูสดใสต่างจากวันวานอย่างเห็นได้ชัด ได้รายงานผลว่าเมื่อคืนลูกสาวได้นอนหลับสบายและไม่มีอาการผิดปกติให้เห็น ในใจคงคิดว่าลูกสาวคงจะมีแนวโน้มว่า อาการน่าจะดีขึ้น แต่วิบากแห่งกรรม และ เรื่องราวมันยังไม่จบแค่นั้น หลวงปู่ชื่นได้พูดกับแม่เด็กว่า..

                      "ลูกโยมยังไม่หายขาดนะ! หลวงปู่จะ รับอีนางน้อย ไปรักษาตัวที่วัด 7 วัน มีอะไรติดขัดไหม???"

  
                คนสิ้นหวัง หมดหนทาง ไร้ที่พึ่ง เปรียบเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ แม้นฟางลอยมายังคว้าไว้เพื่อพยุงร่างกาย แม่เด็กจึงไม่ลังเลทีจะตัดสินใจ เพราะเห็นอานุภาพแห่ง สายสิญจน์ ของหลวงปู่ชื่น ผมคิดในใจคงต้องมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน ..........

                 วันเดินทางกลับแม่และเด็กได้เดินทางมาพร้อมกับหลวงปู่ชื่น เมื่อกลับมาถึงวัด หลวงปู่ท่านให้ผมค้างคืนที่วัดและบอกผมว่า..   
     
                      " พรุ่งนี้ไปหาของให้หน่อย จะนำมารักษา อีนางน้อยมัน เห็นพวกมันแล้ว กูเวทนา "   

      หายากหรือเปล่าหลวงปู่??? ผมถามท่าน

                     " ไม่ยาก.. ด๊อก มีลาวาหินไหลจากเขาพนมรุ้ง กับน้ำสระ 7 สระ เอาสระที่นำไม่เคยแห้ง เด้อ! วันเดียวเอาให้จบ"

                 ผมจะด้วยบุญเก่าที่เคยร่ามสร้างกันมา หรือ บุพกรรมกำลังจะสิ้นสุด วันนั้นผมก็ สามารถ หาองค์ประกอบในการรักษาจนครบ แม่และเด็กได้มานอนรักษาอยู่ที่วัด 7 วัน จนอาการดีขึ้น หลวงปู่ชื่นท่านจึงอนุญาติให้กลับบ้านได้ ตลอดเวลาหลังจากที่อีกนางน้อย กลับไปแล้วหลวงปู่ท่านจะให้ผมโทรถามอาการ ของอีนางน้อยอยู่เสมอ ด้วยความเป็นห่วง

                  นั้นเป็นอีกครั้งจากหลายๆครั้ง ที่ผมเห็นความหย่อนยาน ของการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี ของหลวงปู่ชื่น...

               ถ้ายังไม่เชื่อผมว่า "อุเบกขาบารมี" ของหลวงปู่ชื่นหย่อนยานจริง ก็อยากจะขอประจาน ตอกย้ำอีกสักเรื่อง เอาให้ชัดเจนกันไปเลยอย่างกรณีตอนจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น ชัยมหานาถ ตามดำริ และ ความประสงค์ของหลวงปู่ชื่น ท่านได้จารแผ่นยันต์ต่างๆ มากมาย ด้วยตัวของท่านเอง  มียันต์หัวใจพระคาถาบทหนึ่ง เป็นหัวใจพระพรหม ตามที่หลวงปู่เคยสอนผม จำได้ว่ามี 4 คำ คือ..เม กะ มุ อุ

เม - เมตตา                                 กะ - กรุณา

มุ - มุทิตา รู้สึกยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี       อุ - อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ยินดียินร้าย

คือพรหมวิหารสี่นั่นเอง

                 แต่พระยันต์แผ่นนั้นหลวงปู่ชื่นท่านลงเพียง 3 คำ คือ เม กะ มุ ที่ขาดหายไป คือ "อุ" ผมนึกว่าหลวงปู่ท่านหลงลืมจึงกราบเรียนถามท่าน หลวงปู่ครับ ตามที่หลวงปู่สอนผม หลวงปู่เขียน อักขระหัวใจพระพรหม ตกหล่นไปตัวหนึ่งหรือเปล่าครับ ?? หลวงปู่ จ้องมองหน้าผมเหมือนพยายามจะสื่อสานอะไร บางอย่างให้ผมรับรู้ ก่อนที่จะตบหน้าอกตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาว่า..

" หลวงปู่ ไม่มี อุ "

                 คำพูดของหลวงปู่ชื่น ณ. วินาทีนั้น มันทำให้ผมหวลระลึก นึกเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆมากมาย อย่างชัดเจน ถึงความไม่มี "อุ" ของหลวงปู่ชื่น ผมมองสบตากับหลวงปู่ชื่น  น้ำตาแห่งความปิติสุขไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว คงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก มันมีคำตอบลึกๆ แล้วอยู่ในใจ มาถึงวันนี้ทำให้ผมไม่ค่อยมั่นใจนักว่าหัวใจพรหม ตกลงแล้วมี 3 หรือ4 คำ กันแน่ หลวงปู่ชื่น นะ หลวงปู่ ทำให้ผมสับสน


ปล.ทราบต่อมาว่าที่เด็กมีอาการป่วยแบบประหลาดพิศดารนั้นเนื่องจากวิญญาณแม่เก่าในอดีตชาติ ตามมาจะเอาลูกคืน หลวงปู่ชื่นท่านทำพิธี ตัด ให้

สาธุครับ หลวงปู่เป็นพระที่มีความเมตตามากมายยิ่ง
อาจารย์ได้แบบอย่างมาจากหลวงปู่จริงๆด้วย ^^
สาธุ ขอบคุณครับ
ซึ้งมากครับ ขอเป็นศิษย์หลวงปู่ชื่น  ขอหลวงปู่เป็นพระพรหมของศิษย์ ชนิดที่เรียกว่า เมตตาไม่มีประมาณ สาธุ กราบๆๆ   
เข้ามารับฟังเรื่องราวดีๆครับ
_/\_ ภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์หลวงปู่ ครับ

สาธุ ขอบคุณครับ
voon ตอบกลับเมื่อ 2013-4-12 18:52
อาจารย์ได้แบบอย่างมาจากหลวงปู่จริงๆด้วย ^^ ...

แต่ตอนกินข้าว อาจารย์ คง วางเฉย มองดูวุ่นอย่างเดียวไม่ได้แน่ (รับรองได้ว่า มื้อนั้นอาจารย์อดข้าวชัวร์)
สา...ธุ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้