ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3073
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

การเจริญสติแก้ปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้า

[คัดลอกลิงก์]
การเจริญสติแก้ปัญหาสุขภาพจิตและโรคซึมเศร้า







ปัญหาสุขภาพจิต เป็นปัญหาสำคัญของคนในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้ว คนเป็นโรคเครียด โรคซึมเศร้า กันมาก ตัวเลขขององค์การอนามัยโลก พบว่า มีคนเป็น โรคซึมเศร้า 350 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือว่ามาก จนองค์การอนามัยโลกได้ให้คำขวัญในวันสุขภาพจิตโลก 10 ต.ค. 12 ว่า “โรคซึมเศร้า คือภาวะวิกฤตของโลก” และได้รณรงค์ให้ทั่วโลกได้เห็นความสำคัญของ ปัญหาสุขภาพจิต ของคนในประเทศของตน


ปัญหาสุขภาพจิต มักจะเกิดขึ้นจากการขาดรายได้จากการว่างงาน การหย่าร้างในชีวิตสมรส การเจ็บป่วยเรื้อรังด้วยโรคต่างๆ การสูญเสียคู่ครองที่อยู่กันมานานๆ และปัญหาทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในครอบครัวหรือที่ทำงาน ปัญหาเหล่านี้ทำให้เราเครียดมากในชีวิตประจำวัน แต่เราสามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้


ดังนั้น จึงมีองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ทำงานในการสร้างเสริมสุขภาพจิตให้คนในสังคม เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขตามสมควร องค์กรเหล่านี้มีตั้งแต่โรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพจิต สำนักปฏิบัติธรรม มูลนิธิต่างๆที่ให้คำปรึกษา องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ขอกล่าวถึงงานขององค์กรเอกชนแห่งหนึ่งที่มีผลงานน่าสนใจ คือ Mindsight Institute สถาบันแห่งนี้อาจจะเรียกเป็นภาษาไทยว่า..


  “องค์กรดูใจตนเอง” คือ สอนให้เราดูใจตนเอง โดยใช้การ เจริญสติ เป็นเครื่องมือ ดำเนินการโดย ดร.แดเนียล ซีเกล (Daniel Siegel) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ท่านเป็นจิตแพทย์ที่เห็นความสำคัญในเรื่องการพัฒนาจิต พัฒนาสมอง งานขององค์กรนี้คือ สอนประชาชนทั่วไป บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ปกครอง นักการศึกษา ผู้บริหารองค์กร ในการดูใจตนเองโดยการ เจริญสติ ซึ่ง ดร.ซีเกลคิดค้นขึ้นโดยนำเอาวิธีการทางจิตวิทยา และการ เจริญสติ มาผสมผสานกัน


วิธีการดูใจตนเอง ทำให้เห็นอารมณ์และความคิดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเอง ซึ่งจะทำให้เราเห็นธรรมชาติของจิต การทำงานของจิต เมื่อเรามองเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เช่น เห็นความโกรธที่เกิดขึ้นในใจเรา เพียงแต่เห็นเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ความโกรธก็จะค่อยๆดับไปเอง หมายความว่าเราจะต้องฝึกสติให้มีกำลัง เราจึงจะกำหนดรู้ได้ทัน เวลาเกิดอารมณ์ขึ้น เราก็สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ มีความฉลาดทางอารมณ์ สถาบันแห่งนี้จะสอนวิธีฝึกสติให้มีกำลัง เพื่อจะใช้ดูใจของตนเอง เมื่อเราเห็นอารมณ์และความคิดที่เกิดขึ้นในใจของเรา และเราเห็นมันดับไป อารมณ์ก็ไม่สามารถครอบงำจิตของเราได้ จิตของเราก็จะบริสุทธิ์จากกิเลสนั่นเอง

ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า “เห็นการเกิดดับของรูปนาม” เราต้องเห็นบ่อยๆจนชำนาญ เวลาเราเห็น อารมณ์นั่นก็จะดับลง เวลาเราโกรธแล้วเห็นมัน มันก็จะหายไปในขณะนั้น แปลว่าเราไม่ยึดถืออารมณ์ไว้ เราปล่อยวางอารมณ์โกรธได้ เราปล่อยวางได้เพราะเราเห็นว่า มันไม่ใช่ของเรา มันเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นในจิตเท่านั้น นั่นคือ เราปล่อยวางตัวตนของเราได้ เราแยกตนเองออกจากอารมณ์โกรธได้ เราปล่อยความยึดมั่นถือมั่นได้นั่นเอง


  ภาษาธรรมะเรียกว่า “ปล่อยวางความยึดมั่นในขันธ์ 5” นี่คือกลไกในการฝึก เจริญสติ เพื่อให้เราสามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ ความคิด การที่เราจะทำได้ระดับนี้ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นเวลานานพอสมควร จนเกิดความชำนาญในการกำหนดรู้ มีความตื่นตัว สติมีกำลัง สามารถกำหนดรู้ได้ทัน อันนี้ก็เป็นหลักการปฏิบัติในศาสนาพุทธนั่นเอง ซึ่ง ดร.ซีเกลได้นำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกอบรมให้กับบุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด้านการศึกษา และประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการพัฒนาสมอง ทำให้มีความฉลาดทางอารมณ์ ทำให้มีจิตใจที่ดีงาม ไม่ถูกครอบงำโดยกิเลสตัณหา มีความเมตตากรุณา โอบอ้อมอารี

ดร.แดเนียล ซีเกล จบการศึกษาแพทย์ศาสตร์ จากโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นก็เรียนต่อปริญญาเอกในด้านจิตเวชศาสตร์ และทำงานที่สถาบันวิจัยสุขภาพจิตของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ( UCLA) ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์ โรงเรียนแพทย์ของUCLA เป็นผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรม สมองและการพัฒนา(Center for Culture, Brain and Development) และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์การวิจัยการ เจริญสติ ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (Center for Mindful Awareness Research Center)

ต่อมาท่านได้ตั้งสถาบัน Mindsight ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ทำงานฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้กับประชาชนทุกภาคส่วนในสังคม ท่านเป็นนักการศึกษาและนักวิจัยดีเด่นของสมาคมจิตแพทย์อเมริกา ได้รับรางวัลทางวิชาการมากมาย มีงานวิจัยและเขียนหนังสือทางจิตวิทยาและการพัฒนาจิตจำนวนมาก เช่น Mindsight, Developing Mind, Mindful Brain, Mindful Therapist, Parenting from the inside out, The Whole-Brain child, The Healing Power of Emotion เป็นต้น งานด้านพัฒนาจิตของท่านมีความโดดเด่น สามารถอธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ท่านจึงได้รับเชิญไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก


ปัจจุบัน นักจิตวิทยา จิตแพทย์ หันมาใช้วิธีการ เจริญสติ ในการพัฒนาจิตให้มีความฉลาดทางอารมณ์กันมาก มีการเรียนการสอนในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยต่างๆ แพร่หลายทั่วไป ดังที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงแล้วในบทความที่ผ่านๆมา
ท่านผู้อ่านสามารถเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับ ดร.แดเนียล ซีเกล ได้ที่ www.drdanseigel.com/about/biography และเข้าไปฟังคำบรรยายได้ใน youtube.com มีให้ฟังมากมาย เช่น เรื่อง Dan Seigel: What is Mindsight? เรื่องMindfulness and Neural integrationเรื่องTEDx Blue- Dan J Seigel,MD. 10/18/09


เมื่อเริ่มศตวรรษที่ 21 ศาสนาและวิทยาศาสตร์ก็เข้ามารวมเป็นเนื้อเดียวกัน โดยอาศัยการวิจัย การทดลอง โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เราก็สามารถแสวงหาข้อเท็จจริงได้ เมื่อโลกเริ่มเข้าสู่วิกฤต ศาสนาก็จะเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ คนจะเริ่มแสวงหาที่พึ่ง ชาวตะวันตกเริ่มสมาทานพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ศึกษาหลักธรรมและนำมาแก้ปัญหาวิกฤตของโลกแท้ที่จริงแล้ววิกฤตโลกเกิดขึ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ทางที่จะแก้ไขคือต้องลดกิเลสลง ในทางการแพทย์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าลดความโลภ โกรธ หลงลงได้ สุขภาพจิตก็จะดี โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่เกิดขึ้น ดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ใน โรคสูตร อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต ว่า


“ภิกษุทั้งหลาย โรคสองอย่างนี้ โรคสองอย่างอะไรบ้าง คือ 1) โรคทางกาย 2) โรคทางใจ สัตว์ผู้อ้างว่า ตนเองไม่มีโรคทางกายมาตลอดระยะเวลา 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี 5 ปี 10 ปีบ้าง 20 ปีบ้าง 30 ปีบ้าง 40 ปีบ้าง 50 ปีบ้าง แม้ยิ่งกว่า 100 ปี ยังพอมีอยู่ แต่สัตว์ผู้จะอ้างว่า ตนเองไม่มีโรคทางใจตลอดระยะเวลาแม้ครู่เดียว หาได้ยาก ยกเว้น ท่านผู้หมดกิเลสแล้ว”


ที่มา : กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
จิตตานุปัสนามหาสติปัฎฐาน สาธุ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้