ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6345
ตอบกลับ: 7
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

“ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 2 โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์

[คัดลอกลิงก์]
“ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 2
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 341 เมื่อต้นปีที่แล้ว ผมได้เคยเรียนให้ทราบถึงความเป็นมาและอานุภาพของ “ปฐวีธาตุ” มรดกขลังที่น่าอัศจรรย์ในพุทธคุณของหลวงปู่คำพัน ผู้เป็น “เพชรบนยอดมงกุฏ” แห่งเมืองนครพนม

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 21:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลายท่านขวนขวายหาจนน่าเห็นใจในความศรัทธา บ้างบุกบั่นฟันฝ่าไปขอกับหลวงปู่ถึงนครพนม ครั้นท่านว่าที่ท่านไม่มี แต่ไปมีอยู่ที่ศิษย์เอกคือ ท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย เมืองอุบลฯ ก็โลดแล่นไปพบจนถึงที่ แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเพราะหมด

หมดกระทั่งเม็ดสุดท้ายในย่าม

องค์สุดท้ายนั้นเป็นของเฉพาะที่หลวงปู่คำพันมอบให้ท่านพระอาจารย์เวทย์กับมือ ท่านจึงเก็บรักษาดังแก้วตาดวงใจ ไม่มีของขลังอื่นใดนอกจากปฐวีธาตุในย่าม คิดดู...แต่แล้วก็มาถูกควักดวงใจไปอีก “ให้” ด้วยความเมตตาที่ไม่มีประมาณของท่านแท้ ๆ

ต้นเหตุคือผมหรือเปล่าหนอ?

ก็เพราะมีคนหูดีตาถึงออกเสาะหากันมาก ท่านพระอาจารย์และคณะจึงหารือร่วมกัน และเห็นพ้องไปในทางเดียวไม่มีทางแยก คือ ติดตามล่าหาปฐวีธาตุกันอีกสักครั้ง
ข่าวการอาพาธที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีของหลวงปู่คำพัน เป็นดังพลังมหาศาลที่ผลักดันให้คณะค้นหาปฐวีธาตุ เร่งมือกระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้แน่นอน จึงจำเป็นยิ่งที่ต้องรีบทำกิจอันควรให้เสร็จเสียโดยไว ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกิน

ทว่าการหาปฐวีธาตุไม่ใช่ของง่ายสะดวกดายดังที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วว่ายากเพียงใด น้ำในแม่น้ำโขงทั้งเชี่ยว ทั้งเย็น จึงเป็นอุปสรรคต่อการควานกรวดโดยรวมขึ้นมาแล้วต้องแยกแยะขุ่น-ใสออกจากกัน ก่อนจะถึงขั้นตอนคัดก้อนใสที่ไม่บิ่น, ไม่แตก, ไม่ร้าว อีกที

ท่ามกลางกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกแต่เบื้องบนคือแดดที่แผดเผา คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กลั่นกรองทีมงานให้งวดคน ท่านพระอาจารย์เวทย์จึงจำต้องใช้ปัจจัยหรืออีกนัยก็คือ “เงิน” ดี ๆ นี่แหละ เข้าไปเชิญชวนคนขยันมาร่วมกันขุดค้นของที่หายากที่สุดในแผ่นดิน

คณะล่าปฐวีธาตุทำงานกันอย่างแข็งขัน-ใส่ใจ ครั้นลุถึงกลางปี 40 ก็หาปฐวีธาตุได้เป็นจำนวน 1,000 ก้อนพอดิบพอดี ฟังดูเหมือนว่าจะเยอะ แต่ถ้าให้นับกรวดต่าง ๆ ที่ควานขึ้นมาเพื่อเฟ้นหาแล้ว ปรากฏว่าใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป...เปรียบมวยกันละก็

ปลาซิวกัดกับปลาบึกนั่นแล

หากว่าการหากรวดในลำน้ำโขงเป็นงานยากดุจกำฝุ่นโต้ลม แล้วทำไมจึงไม่เสาะหาเอาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ เล่า เรื่องนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเกี่ยวพันไปถึงผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกซึ่งเรามองไม่เห็นด้วยตา ได้ปรารภกับหลวงปู่เอาไว้

คราวหนึ่งที่หลวงปู่กำลังนั่งภาวนา ปรากฏมานพหนุ่มขึ้นในท่ามกลางสมาธิ ชายผู้นั้นกล่าวเชิญชวนหลวงปู่คำพันให้ไปยังดินแดนซึ่งตนอาศัยอยู่ด้วยความเคารพยิ่ง หลวงปู่ก็หาขัดไม่ กำหนดจิตตามผู้นิมนต์นั้นไปด้วยอาการอันสงบ ปรากฏว่าบุรุษนั้นพาท่านมาเหนือลำน้ำสายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งท่านคุ้นตาเป็นที่สุด จิตของท่านบอกกับตัวเองว่านี้คือแม่น้ำโขง ก่อนที่ท่านจะดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำ

เมื่อถึงจุดหนึ่งในแม่น้ำ หลวงปู่ได้พบวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกรวด แต่เปล่งแสงเรืองรองออกเป็นประกายพรึกดังเพชรลูก ระยิบระยับเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วท้องน้ำ ชายลึกลับได้เรียนให้หลวงปู่ฟังว่า ของนี้มีพลังอยู่ในตัว แต่ขอให้หลวงปู่เก็บเอาไปเพื่ออธิษฐานจิตอีกครั้ง แล้วสิ่งนี้จะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง

และกราบเรียนหลวงปู่เสียด้วยว่า มนุษย์คนใดก็ตามที่มีศีลธรรมได้ถือครองกรรมสิทธิ์ในของมงคลนี้ไว้โดยชอบแล้ว พวกเขาจะขึ้นจากดินแดนข้างล่างมาคุ้มครองทุกคนที่มีวัตถุนี้อยู่กับตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ

เรียกว่า 1 ต่อ 1 เลยทีเดียว

ครั้นหลวงปู่คำพันออกจากสมาธิ ท่านก็มาลำดับเรื่องราวที่ได้พบเห็น แล้วในวันที่ว่างจากภาระท่านก็เดินทางไปดูสถานที่ที่จิตท่านมาหยุดชม “วัตถุประหลาด” น่าอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยที่ท่านเสาะหาทำเลนั้นจนพบ อีกทั้งทิวทัศน์รอบ ๆ ยังเหมือนกับที่ท่านได้เห็นในนิมิตทุกประการ

ผิดกันตรงไม่มี “วัตถุประหลาด” นั้นแม้เงา

ก็อาจเป็นไปไดที่ “สิ่งนั้น” จะอยู่ต่ำใต้กระแสน้ำลึกลงไปจนสามัญชนไม่อาจล้วงควักกันให้เพลินมือ หลวงปู่จึงขยายพื้นที่ในการสืบค้นต่อไป แล้วท่านก็ได้พบแหล่งของ “กรวดมหัศจรรย์” นั้นจริง ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากจุดหมายในคราวแรก รุ่นหนึ่งนั้นจึงถือได้ว่าท่านดำเนินการเองโดยตลอดตั้งแต่เก็บจนถึงเสก

น่าแปลกที่ไม่มีใครสามารถย่ำรอยเดิมของท่านได้อีก ไม่ว่าจะขุดคุ้ยสักเท่าไร ณ ที่แห่งนั้นก็ไม่มีกรวดที่ต้องตามตำราให้เก็บอีกเลย “เขา” มาเอาคืนไปหรือเรือดูดทรายมันมาเอาไปก็ไม่รู้

แต่ที่แน่ ๆ คณะของท่านพระอาจารย์เวทย์แทบจะพลิกท้องน้ำขึ้นหาสิ่งดังกล่าว ความอุตสาหะเช่นนี้แม้ผมก็ไม่อาจทำได้ จึงยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวนอนคอยแม่นกเอาเหยื่อมาป้อนใส่ ท่านผู้อยู่ใต้ลำน้ำโขงนั้นอยากจะมาคุ้มครองคนหลังไม่สั้นเช่นผมไหมนี่ ?

พูดถึงผู้อยู่ต่างภพต่างภูมิในลำน้ำโขงนั้นจะเป็นใครกัน ผมก็ไม่อาจบ่งชัดลงไปได้ ทราบเพียงหลวงปู่คำพันปรารภถึงท่านผู้เป็นเจ้าของกรวดว่า

“นาค เป็นผู้ที่มีสามธาตุ จึงมีฤทธิ์มาก สามารถคุ้มครองผู้บูชาปฐวีธาตุนี้ได้” !!
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 22:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในกลางปี 40 ที่ท่านอาจารย์เวทย์ได้ปฐวีธาตุชนิดถูกแบบจำนวน 1,000 องค์ มาแล้วนั้น ก็ปรากฏว่าไม่อาจนำขึ้นถวายให้หลวงปู่คำพันแผ่เมตตาให้ได้ เพราะหลวงปู่มีอาการอาพาธเป็นอันมากด้วยวัยที่ชราภาพถึง 82 ปี ความเมตตาที่ทำให้ท่านต้องไปในงานนิมนต์แทบทุกงานทั้งไกล-ใกล้ ต้องรับแขกซึ่งหลั่งไหลมาจากทุกทิศานุทิศ ณ วัดธาตุมหาชัยทุกวัน ๆ

สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบั่นทอนสุขภาพของท่านให้ทรุดโทรมลง ความกตัญญูต้องมาเป็นที่หนึ่ง ท่านอาจารย์เวทย์จึงต้องระงับการเสกเอาไว้ เฝ้าดูแลพระอุปัชฌาย์จนมีอาการดีขึ้น กระทั่งมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม จึงได้ขอโอกาสนำปฐวีธาตุเข้าถวาย ซึ่งหลวงปู่ก็รับไว้ด้วยความยินดีในของที่ถูกต้องตามตำราทุกประการ

ปฐวีธาตุชุดนี้นับแต่วันที่ท่านรับไว้เสกจนถึงวันที่ท่านคืนให้ เบ็ดเสร็จได้ 4 เดือน

เลยไตรมาสเสียอีก

การเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางขลัง ปฐวีธาตุจัดได้ว่าเป็นมงคลวัตถุที่น่าทึ่งทั้งในความเป็นมา และพลังงานอันไร้ขอบเขตในตัวเองซึ่งยากจะหาสิ่งใดมาทัดเทียม นับแต่ท่านเจ้าคุณนรฯ แห่งวัดเทพศิรินทรฯ ได้ประกาศในคุณานุภาพของปฐวีธาตุ ล่วงมาจนถึงหลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ของนั้นแม้น่าไขว่คว้าแสวงหา แต่ก็ไม่น่าจะคว้าพอ ๆ กัน

ใครเล่าจะยืนยันได้ว่า กรวดนี้ ก้อนนั้น มีพุทธคุณอยู่จริง ใครเล่าที่ครอบครองของแท้อยู่ในมือแล้วจะปล่อยให้หลุดหาย

ดังนั้นเรื่องของปฐวีธาตุที่ว่า “กันนิวเคลียร์และกันไฟได้” ดังคำท่านเจ้าคุณนรฯ กำชับ จึงเป็นเพียงฝันของผู้ศรัทธา

แต่วันนี้เรามีคนทำความปรารถนาให้เป็นจริง ปฐวีธาตุ 500 องค์ ใน 1,000 องค์ถูกแบ่งออกนำถวายท่านผู้ทรงคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง อีก 500 องค์ ท่านอาจารย์เวทย์ยังคงเก็บรักษาไว้ ครั้นแบ่งปันในหมู่ศิษย์ที่เป็นกำลังสำคัญให้ท่านแล้ว ก็ยังมีเหลืออยู่ราว 400 องค์เศษ

ตรงนี้แหละที่จะเป็นของเรา

เมื่อผมคุยกับท่านอาจารย์ถึงปฐวีธาตุ 400 องค์ ว่าจะทำอย่างไร ท่านได้กล่าวว่าในวันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 นี้ ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ มีเมตตานำกองผ้าป่าซึ่งท่านเป็นองค์ประธาน ไปทอดถวาย ณ วัดบ้านวังแคน ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งพระสงฆ์ที่นั่นจะเป็นผู้รับจตุปัจจัยกับกองผ้าป่า และ 1 ในคณะสงฆ์นั้นก็มีท่านอาจารย์เวทย์รวมอยู่ด้วย เพราะวัดบ้านวังแคนเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน

ที่สำคัญเหนืออื่นใดปัจจัยทั้งหมดที่ได้จากการนี้ ท่านจะมอบให้กับการศึกษาอำเภอพิบูลมังสาหาร เพื่อเข้ามูลนิธิพัฒนาเด็กเรียนดี ซึ่งมีความประพฤติดีแต่มีฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่ไม่อาจส่งเสียให้เรียนต่อได้ทั้งที่มีปัญญาถึงพร้อม ก็ต้องลาออกอย่างน่าเสียดายในอนาคตซึ่งควรจะไปได้ไกลว่าที่เป็นอยู่

ท่านอาจารย์เวทย์จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือโอบอุ้มเด็กเหล่านั้น ให้มีการศึกษาต่อไปเท่าที่สติปัญญาเขาจะเอื้ออำนวย เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องการปัจจัยไปเพื่อให้เด็ก ไม่ใช่เพื่อให้ท่าน และด้วยน้ำใจอันงาม ท่านจึงคิดตอบแทนผู้ร่วมทำบุญโดยจะมอบปฐวีธาตุให้กับทุกท่านที่บริจาคปัจจัย

ผมตาเหลือก

ก็ท่านจะให้ทุกคนที่ทำบุญ หมื่นนึงก็ให้ พันถึงร้อยก็ให้ แล้วถ้าเขาทำสิบ-ยี่สิบท่านก็ให้ ผมถามหน่อยว่าท่านจะเอาที่ไหนมาแจกหนักหนา ถ้าผมทำ หมื่นบาทได้รับ 1 องค์ ไปนั่งคุยกับใครก็ไม่รู้ถืออยู่ 1 องค์ ผมถามว่าบริจาคไปเท่าไร เขาตอบ 50 บาท

ผมจะรู้สึกอย่างไร ?

มันมีข้อเหลื่อมล้ำอย่างนี้เอง ที่สำคัญถ้าให้บูชาองค์ละร้อย ปฐวีธาตุมี 400 องค์ จะได้ปัจจัย 40,000 บาท ตั้งกองทุนด้วยเงินสี่หมื่นอย่างไรได้ นักเรียนคนหนึ่งมีค่าเทอม, ค่ารถ, ค่าอาหาร, ค่าหนังสือ, ค่าอุปกรณ์การศึกษา เช่น ดินสอ, ไม้บรรทัด ฯลฯ และอีกมากมายที่คนเคยเรียนหนังสือมาก่อนจะทราบได้ดี

เพียงนักเรียนมีสัก 50 คน เงิน 40,000 จะฉุดลากไปได้แค่ไหนกัน ?

ผมกราบเรียนท่านไปอย่างนี้ ท่านก็นิ่งเงียบ ผมทราบในใจท่านดีว่า ท่านไม่ประสงค์จะให้เช่าหากท่านอยากจะตอบแทนใครก็ได้ที่มีเมตตาต่อเด็กยากจน ท่านมีน้ำใจของท่านอย่างนี้แต่ไหนแต่ไร

ทว่า โปรดเข้าใจสักหน่อยเถิด ปฐวีธาตุเป็นของหาง่ายกระนั้นหรือ ก่อนจะได้มาท่านทุ่มเททั้งค่าแรง ค่ารถ ฯลฯ และแม้แต่องค์เสกคือหลวงปู่คำพัน กว่าท่านจะยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้ กว่าท่านจะเข้าถึงข้อบังคับในตำราที่ระบุไว้ ท่านเพียรสักแค่ไหนเล่า ?

ผมคิดถึงตรงนี้ก็ตัดสินใจที่จะบอกว่า ผมขอความกรุณาให้ท่านร่วมเป็นกรรมการทอดผ้าป่าสามัคคี กองละ 1,000 บาท โดยจะใช้ทุนส่วนตัวของท่านเอง หรือบอกบุญหมู่เพื่อนก็ไม่ว่ากัน แต่ทุก ๆกอง เราจะมอบปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการให้ 1 องค์

ณ เวลานี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ปฐวีธาตุจะถือกำเนิดขึ้นในโลกโดยน้ำมือของหลวงปู่คำพัน พระมหาเถระที่แข็งกล้าในวิปัสสนาญาณแห่งลุ่มน้ำโขง เพราะความชราภาพของหลวงปู่ประการหนึ่ง และเพราะค่าใช้จ่ายบวกกับความลำบากเหลือแสนเพื่อการเสาะหาประการหนึ่ง

หากจะดุด่าเฆี่ยนตีผมทางใจ โปรดทบทวนสักนิดเถิดครับว่า ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์คือท่านได้ร่วมทำบุญกับหลวงปู่คำพันและท่านพระอาจารย์เวทย์ โดยมอบความรู้ให้แก่เด็กด้อยโอกาส ซ้ำท่านยังได้ “ของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” ดังคำกล่าวของหลวงปู่ไปบูชา

ไม่คุ้มหรือครับ

ผมเชื่อว่าท่านที่เห็นความสำคัญของการให้การศึกษาต่อเด็กมีอยู่ ได้เวลาที่ท่านทั้งหลายจะขวนขวายสร้างมหากุศลกันอีกแล้วล่ะ

ผมเป็นแต่เพียงผู้บอกครับ

หมายเหตุ : บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 22:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปฐวีธาตุ ที่สุดแห่งขลัง ของหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ
โดย...รณธรรม ธาราพันธุ์


ตลอดชีวิตของคน “ทำ” พระเป็น ย่อมรู้แน่แก่ใจว่าเครื่องมงคลชิ้นใดที่ตนได้ “บรรจุคุณ” ไว้อย่างเต็มที่ที่สุด หรือทราบชัดว่า ของสิ่งใดที่ทรงไว้ซึ่ง “อานุภาพ” อย่างถึงที่สุด แล้วมักเก็บงำของนั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ใคร่ตกถึงมือใครง่ายๆ ดังเช่นของสิ่งอื่นทั่วไป เช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ยากที่ใครจะได้ตะกรุดธาตุหก, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ยากที่ใครจะได้พระพรหมผง และสำหรับหลวงปู่คำพัน


ใครจะเอาปฐวีธาตุก็ยากนัก คงเป็นเพราะท่านเหล่านั้นเกรงว่าผู้รับจะไม่รู้ถึงคุณค่าของของนั้น หรือไม่ก็กลัวผู้รับไปจะเปลี่ยนใจเป็นโจรในภายหลัง ซึ่งจะยากแก่การปราบปราม

ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับก่อนโน้นที่เคยกล่าวถึงของป้องกันนิวเคลียร์ได้ มีหลายท่าน จ.ม. ไปถามผมว่ากันอย่างไรได้ระเบิดตกลงมาตรงหน้ายังกันได้หรือ? โถ ! ถ้าถึงขนาดนั้นอย่าว่าแต่คนแขวนเลย พระก็คงจะป่นนะครับ ที่ผมบอกว่าป้องกันได้นั้น หมายถึง กัน “กัมมันตภาพรังสี” ต่างหาก เป็นที่แน่ชัดว่าประเทศไทยไม่ถูกบอมบ์ด้วยนิวเคลียร์ดังเช่นที่ญี่ปุ่นเคยดอก แต่กัมมันตภาพรังสีที่ฟุ้งกระจายไปในชั้นบรรยากาศมันจะมากับอากาศที่หายใจกับเมฆ กับฝน และแม่น้ำ ลำธารต่างๆ ฝุ่นรังสีย่อมปนเปื้อนอยู่ทั่วไป มงคลวัตถุที่ท่านผู้ทรงคุณทั้งหลายเจริญภาวนาให้ จะมีอานุภาพทำลายกัมมันตภาพรังสีเหล่านั้นให้มีสภาวะเป็นกลาง ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
ไม่ใช่ระเบิดตกลงหลังคาบ้านแล้วไม่ตายครับ

นั่นเป็นความเชื่อของผมโดยส่วนตัว ใครจะเชื่อก็ไม่ว่า ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่าเป็นของธรรมชาติอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสสอนสัตว์โลกอยู่เป็นนาน คนเชื่อก็มีคนไม่เชื่อก็มี สำมะหาอะไรกับผม

คนไม่เชื่อหยุดอ่านก่อนได้เพื่อความสบายใจ ส่วนคนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างเชิญอ่านต่อไป เพราะผมจะเข้าเรื่องสำคัญ

ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งในใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้สร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน




5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 22:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย

ปรารภนี้เป็นที่น่าสนใจ ใครที่รู้ต่างก็ออกแสวงหาพระผู้เสกปฐวีธาตุเป็น คำว่า “เป็น” ของท่านคุณนรฯ คงหมายถึงทำได้มากจนแพร่หลายไปในหมู่ชนได้ ไม่ใช่ทำเพียงแค่ก้อนสองก้อนก็จบ

หากันอยู่นาน ก็ระแคะระคายว่ามีพระทางจังหวัดนครพนมรูปหนึ่ง ท่านทำปฐวีธาตุได้ เอ ! หรือท่านจะ “รับมุข” ที่ท่านเจ้าคุณนรฯพูด ทว่า เมื่อเช็คกับผู้รู้ท่านหนึ่งท่านว่าพระเถระรูปนั้นทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 22:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จึงออกสืบเสาะจนได้ความว่าเป็น หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ

หลวงปู่คำพันทราบถึงวิธีการอธิษฐานปฐวีธาตุได้อย่างไร มันมีที่มาอย่างนี้ครับ

กลับไปหลายสิบปีก่อน ครั้งหลวงปู่คำพันยังเป็นพระหนุ่ม ๆ มีผู้เฒ่าที่ครอบครองตำราสำคัญอยู่ นัยว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ครั้นชายชราใกล้ถึงที่สุดแห่งอายุขัย ก็ได้สั่งกำชับบุตรชายว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันแต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น

สั่งความได้ไม่นานก็ลาโลกนี้ไป บุตรชายก็ทำตามสั่งทุกประการ นำตำราไปมอบให้หลวงพ่อคำพัน เมื่อท่านเปิดอ่านก็ปรากฏว่าตัวอักษรในนั้น เป็น “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น

เมื่ออ่านไปเรื่อยจึงทราบว่าหนังสือนั้นเป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร

หลวงปู่คำพันได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย

ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น

คำว่าโปร่งแสงหมายถึง แสงสามารถลอดทะลุผ่านได้ ไม่ใช่โปร่งใส ถ้าโปร่งใสจะหมายถึงมองทะลุเห็นภาพอีกด้านได้ ซึ่งคงไม่มีกรวดชนิดใดเป็นเช่นนั้นแน่ หรือถ้ามีคงหายากสุดๆ

และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด แม้ว่าทางวัดจะพยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตาม มันก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน

ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่นท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วยท่านมีข้อแม้กับปฐวีธาตุว่า ต้องอยู่ในอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น ส่วนจะใสหรือขุ่น จะใหญ่หรือเล็ก ท่านไม่เอามาเป็นประมาณ

ผมเองก็เพิ่งทราบว่า ไม่เพียงท่านเจ้าคุณนรฯ หรือหลวงปู่คำพันเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุได้ พระมหาเถระผู้ทรงคุณสูงสุดคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ก็ทำปฐวีธาตุ แต่ง่ายดายมาก ด้วยการให้ศิษย์เก็บเอากรวดที่ข้างกุฏิท่านนั่นแหละมาอธิษฐาน

หาง่ายแต่หายาก

“หา” แรกง่าย เพราะเอากรวดข้างกุฏิไม่ต้องไปไกล “หา” หลังยาก เพราะของไม่มี คนอยากได้ก็ฝันไปก่อน รวมทั้งผม

ไม่เพียงหลวงปู่ขาวเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็ทำ ทำจริงๆนะ มีคนใกล้ชิดที่เชื่อถือได้ ได้รับจากมือหลวงปู่ดูลย์มาจริงๆ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-19 22:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ก็น่าแปลกที่ท่านเหล่านั้นสามารถทราบได้ว่ากรวดธรรมดาหากกำหนดจิตให้เป็นของมีพลังงานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนเกินปุถุชนจะเข้าถึงได้ละก็ ย่อมมีอานุภาพสุดจะประมาณ

ขนาดกันนิวเคลียร์ได้ก็แล้วกัน

หลวงปู่คำพันบอกว่า ในตำราระบุไว้ว่าผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือคาถาอาคมไม่ได้เลย จึงหมดสงสัยว่าทำไมหลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ก็ทำเป็น

ปฐวีธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่น ผมไม่ทราบว่าท่านอธิษฐานจิตในการป้องกันอย่างไร แต่ของหลวงปู่คำพันท่านอธิษฐานว่า

ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต
ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป”

การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” เหนือกว่าวัตถุมงคลทั้งปวงของท่าน

ครั้งหนึ่งท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารย์สัมปันโน ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่คำพัน คิดหาปฐวีธาตุ ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการมาถวายหลวงปู่คำพันเสก จึงหาอาสาสมัครได้พระ เณร และญาติโยมจำนวนหนึ่ง ออกค้นหาปฐวีธาตุในลำน้ำโขง

การตามล่าหาของดีในคราวนั้นเป็นความยุ่งยากลำบากเหลือแสน เพราะน้ำในแม่น้ำโขง เย็นยะเยียบ เมื่อลงแช่ไปนานๆ ก็เกิดหนาวสั่นจับไข้ไม่สบายกันถ้วนหน้า อีกทั้งกรวดที่ควานขึ้นมานับร้อยๆ ก้อนในแต่ละครั้ง จะมีใสตามตำราสักก้อนก็แสนยาก

บางก้อนใสแจ๋วแต่บิ่นก็ต้องทิ้งไป เวลาทิ้งก็ต้องเอาไปทิ้งไกล ไม่อย่างนั้นเวลางมลงไปก็เจอก้อนเก่าอีก บางทีลุยป่าหญ้าเข้าไปหาในที่ที่ว่างเปล่า งมๆ อยู่เจ้าของที่ก็มาไล่เพราะเขาไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันก็มี จึงเป็นความทุกข์สาหัสของผู้ออกหาจริงๆ ทีมล่าปฐวีธาตุดำเนินการอยู่นานนับเดือน ปรากฏปฐวีธาตุชนิดถูกแบบ 100 % ได้เพียง 200 กว่าก้อนเท่านั้น

เป็นของยืนยันว่าหายากแท้ๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้