ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
~ หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ ~
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
~ หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ ~
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
11
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-30 21:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปี พ.ศ. ๒๕๗๑ จำพรรษาที่ วัดบ้านยาง ตำบลโคกสี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๗๒ จำพรรษาที่ วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ปี พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๗๕ จำพรรษาที่ วัดป่าหนองกุ บ้านหนองคู ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ - ๒๔๘๐ จำพรรษาที่ วัดป่าช้าดงขวาง ตำบลหัวทะเล บ้านโนนฝรั่ง จังหวัดนครราชสีมา
ปี พ.ศ. ๒๔๘๑ จำพรรษาที่ วัดป่าอภัยวัน บ้านทุ่ม ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๘๒ - ๒๔๘๖ จำพรรษาที่ วัดถ้ำกวาง บ้านหินร่อง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ - ๒๔๙๓ จำพรรษาที่ วัดป่าชัยวัน ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ จำพรรษาที่ วัดป่าอรัญญวาสี บ้านเหล่านาดี ตำบลบ้านหว้า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จำพรรษาที่ วัดป่าชัยวัน ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ - ๒๔๙๗ จำพรรษาที่ วัดป่าคิรีวัน คำหวายยาง ภูพานคำ ตำบลบ้านกง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น
ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๘ จำพรรษาที่ วัดถ้ำผาปู่ เขานิมิตร ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จำพรรษาที่ วัดป่าหนองแซง ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๒๕ จำพรรษาที่ วัดถ้ำผาปู่ เขานิมิตร ตำบลนาอ้อ อำเภอเมือง จังหวัดเลย
ปี พ.ศ. จำพรรษาที่ โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา คลองตัน หัวหมาก กรุงเทพฯ
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูญาณทัสสี พระครูชั้นโท ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
ที่มา
http://www.dharma-gateway.com/mo ... -kumdee_hist_05.htm
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
12
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-30 21:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ท่านมักจะอบรมลูกศิษย์ของท่านเสมอว่า
“เรามีตาเท่ากับว่าไม่มีตา มีหูเท่ากับว่าไม่มีหู มีท้องก็ฉันอยู่ได้ไปวันๆเท่านั้น ไม่ต้องแสดงความโลภและตะกละ”
ให้พากันสำเหนียกไว้เรื่องของความโลภ ความโกรธ ความหลง จะต้องมีด้วยกันทุกคน ถ้าพูดถึงความโลภ เมื่อมันมีเจตนาบันดาลเกิดขึ้นมาแล้ว มันจะมืด ไม่รู้จักบาปบุญ ไม่กลัวคุกกลัวตะราง อันนี้เรียกว่าฤทธิ์ของมัน ท่านคงให้ระวังดีๆ ในเรื่องของสามประการนี้ทานสอนว่า อย่าไปปรุงแต่งตามมัน ให้มีสติรู้เท่าทันมัน เมื่อเราปฏิบัติได้อย่างนี้แล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง เหล่านี้ก็จะเสื่อมอำนาจไป ตัวอย่างเช่น เมื่อเราประสงค์สิ่งใด เราจะต้องพิจารณาเหตุเสียก่อน เมื่อพิจารณาดูแล้วว่ามันไม่ผิดศีลธรรม เราก็สามารถเอาได้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วว่ามันผิดศีลผิดธรรม เราก็ละเสียไม่เอา นี่แสดงว่าเราไม่ปรุงแต่งตามมัน ในความอยากได้หรือความโลภ และเราก็มีสติรู้เท่ามัน คือมีการพิจารณาในเหตุในผลเสียก่อน ถ้าเราประพฤติได้ในลักษณะนี้ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนดี กระทำแต่ในสิ่งที่ดี มีแต่บุญกุศล ถ้าพูดสั้นๆก็หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีผลเท่านั้น คือ ถ้าเราทำเหตุดีก็จะได้รับผลดี แต่ถ้าเราทำเหตุชั่ว เราก็จะได้รับผลชั่ว
“แต่การที่จะทำเหตุที่ดีนั้น มนุษย์เราทำกันยากนักยากหนา ที่ว่าทำยากเพราะอะไร? คือมนุษย์บางเหล่าไม่รู้จักเหตุและผล จึงไม่รู้จักเลือกเฟ้นทำเหตุที่ดีกัน และอีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเรานี้ไม่ค่อยชอบกระทำเหตุที่ดีกัน แต่ผลดีของมันนั้นชอบกันทุกคน”
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย คำว่าตาย ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าร่างกายเราตาย หมายถึงจิตใจคนเราตาย คือตายจากมรรคผลนิพพานต่างหาก ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย คือไม่ประมาทต่อการทำดี ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา มีโอกาสจะได้ไปสวรรค์ พรหมโลก หรือมรรคผลชั้นใดชั้นหนึ่ง ตลอดถึงพระนิพพานข้างหน้าแน่นอน ช้าหรือเร็วแล้วแต่บุญบารมีหรือความพากเพียรของตนเอง
“ความไม่ประมาท คือ เป็นผู้มีสติจดจ่ออยู่ที่กายและใจ ทุกอิริยาบถทั้ง ๔ คือยืน เดิน นั่งนอน ไม่มีการเผลอสติจากอิริยาบถทั้ง ๔ จึงจัดว่าเป็นผู้ไม่ประมาท เข้าใจไหม” นี่คือเทศน์ครั้งสุดท้ายของท่านก่อนที่จะล้มป่วยลง
คำว่าฟังเทศน์หมายความว่า เอาใจฟัง อย่าให้ใจหนีจากตัว ใจผู้ใดก็ให้รักษาอยู่กับตัว อย่าให้ใจหนีจากตัว ใจผู้ใดก็ให้รักษาอยู่กับตัว ให้รู้อยู่กับภาวนาหรือให้รู้อยู่เฉพาะใจ อย่าให้ร่างกายนั่งอยู่ที่นี่แต่ใจมันคิดไปที่อื่น ก็ชื่อว่าใจไม่ฟัง คำว่าใจฟังคือใจจดจ่อ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
13
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-3-30 21:18
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สอนให้ละความชั่วประพฤติความดี ความชั่วก็ได้แก่บาปนั่นแหละ ความดีก็ได้แก่บุญกุศลนั่นแหละ แต่เกี่ยวเนื่องอยู่กับจิตใจของเรา เอาเฉพาะใจความโอวาทของพระพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ท่านก็ย่อลงมาเป็น ๓ หัวข้อด้วยกันคือ
๑. พระพุทธเจ้าสอนให้ละกายทุจริตและประพฤติกายให้สุจริตนี้เป็นข้อที่หนึ่ง
๒. ให้ละวาจาทุจริต และให้ประพฤติวาจาให้สุจริต
๓. ให้ละมโนทุจริต และให้ประพฤติใจให้สุจริต
จะพูดถึงบาป อกุศลกรรมบท หมายความว่า การทำบาปทั้งหลายก็รวมอยู่ที่กุศลกรรมบท ๑๐ ประการนั่นแหละ คำว่าบุญกุศลก็รวมอยู่ที่กุศลกรรมบท ๑๐ ประการ นั่นแหละชื่อว่ากายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ คือใจโลภ ใจโกรธ ใจหลง มี ๓ อย่างเท่านี้แหละเป็นต้นเหตุ ตกลงอกุศลกรรมบทก็หมายใจเท่านี้แหละเป็นต้นเหตุ ตกลง อกุศลกรรมบทก็หมายใจเท่านั้น หมายใจดวงเดียว คือใจก็หมายถึงอันเดียวเรียกว่า เอกังจิตตัง ที่เรียกว่าจิต หัวใจ ก็เรียกเป็นใจดวงเดียวเอกมโนเรียกว่า ใจอันเดียว ตกลงผู้ที่เบื่อความทุกข์ เบื่อความโง่ เบื่อความเป็นบาป ก็มาปฏิบัติแก้กายทุจริตให้เป็นกายสุจริต แก้วจีทุจริตให้เป็นวจีสุจริต แก้มโนทุจริตเป็นมโนสุจริต นี้เป็นวิธีปฏิบัติ ถ้าเราจะเทียบในทางโลกเหมือนกับพวกชาวไร่ ชาวนาที่มีไร่มีนา แต่ก่อนมันก็เป็นป่าเป็นดงนั่นแหละ เมื่อถือสิทธิ์แล้วจึงสร้างจึงถากถาง ทำให้เป็นไร่เป็นสวน ทำให้บริสุทธิ์ ทำนาให้เป็นนาจริงๆ ทำสวนให้เป็นสวนจริงๆ
คนทุกข์คนจนในโลกนี้ไม่ใช่ทุกข์เพราะเสือกิน ไม่ใช่ทุกข์เพราะงูร้ายกัด ไม่ใช่ทุกข์เพราะช้างฆ่า แต่ทุกข์เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลงของตน จะทุกข์เพราะสิ่งใดๆก็ตาม ตัวความโลภ ความโกรธ ความหลงนี่แหละเป็นผู้ฆ่า
ความโลภ
ความโกรธ
ความหลง
สามสิ่งนี้ร้ายกาจกว่าสิ่งอะไรทั้งหมด ร้ายกว่าผีร้าย ร้ายกว่าเสือร้าย ร้ายกว่างูร้าย ไม่มีสิ่งไหนจะร้ายกว่าตัวความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะฉะนั้นให้ระวังที่สุดเรื่องของความโลภ ความโกรธ ความหลง สามประการนี้ มันสามารถทำให้ผู้รู้แจ้งเป็นคนมืดก็ได้ ฤทธิ์ของมันน่ะ มันอยู่เหนือทุกคนในโลกที่ได้เกิดมาในโลกนี้ ยกเว้นเสียแต่พระอรหันต์
ปัจฉิมบท
ด้วยความขยัน อดทน พากเพียร และจริงใจในการปฏิบัติบูชา เพื่อมุ่งหวังในพระธรรมเป็นผลให้หลวงปู่ได้พบทางแห่งการดับทุกข์และพ้นทุกข์ และเป็นที่ทราบกันดีว่า หลวงปู่คำดี ปภาโส แห่งวัดถ้ำผาปู่ จังหวัดเลย เป็นพระสุปฏิปันโน และการปฏิบัติของหลวงปู่ที่ปรากฏในข้อความข้างต้นนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจใฝ่ธรรมทุกท่าน
ที่มา
http://www.dharma-gateway.com/mo ... -kumdee_hist_06.htm
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54671
14
#
โพสต์ 2013-12-11 18:47
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กราบนมัสการครับ
ขอบพระคุณข้อมูลครับ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...