ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 24077
ตอบกลับ: 73
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อ.โง้วกิมโคย(เซียนแปะโรงสี)

[คัดลอกลิงก์]


ประวัติหาอ่านได้ในอากู๋

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
อยากได้แบบที่อาจารย์สร้าง
สวยๆคร้าบ
สวยงามครับ...
วอนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมาย..
ขอบคุณที่หาของดีที่หาชมยากมาให้รู้จักครับ  คุณป้อม เขาใหญ่  ....


วาน คุณป้อม เขาใหญ่ อธิบายหน่อยครับ
sritoy ตอบกลับเมื่อ 2013-10-14 17:58
สวยงามครับ...
วอนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความหมาย.. ...

ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อ.โง้วกิมโคย(เซียนแปะโรงสี)



อ.โง้วกิมโคยหรือที่เรียกกันว่า อาแปะโรงสี ท่านเป็นฆราวาสที่มีวิชาดีบ้างก็ว่าท่านเป็นร่างของเทพสามตาแม้แต่คุณหมอสมสุข คงอุไร(ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค) ก็ยังนับถือท่านว่าเป็นยอดคนท่านหนึ่ง ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรแค่ชื่อก็บ่งบอกสรรพคุณได้เป็นอย่างดี ลูกศิษย์อาจารย์เป็นเถ้าแก่กันหมดแล้วครับ เช่น เจ้าสัวซีพีอาจารย์โง้วกิมโคยท่านดูฮวงจุ้ยให้จนท่านเป็นเศรษฐีส่วนในคอเจ้าสัวท่านก็พกเหรียญอาแปะไว้หนึ่งเหรียญครับ เวลาที่เจ้าสัวท่านซื้อที่ดินเพราะคนรวยมักจะซื้อที่เก็บเสมอ และท่บางที่ก็ล้วนแล้วแต่มีอาถรรพ์เสมอ เจ้าสัวท่านเวลาที่ได้ที่ที่ใดท่านก็จะนิมนต์หลวงปู่โต๊ะและหลวงพ่อทองอยู่ไปสวดคาถาไล่อาถรรพ์และอาแปะท่านก็จะทำยันต์แก้ฮวงจุ้ยแก้อาถรรพ์ติดไว้เสมอ ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรนี้เดี๋ยวนี้ชาวบ้านแทบไม่ได้เห็นกัน จะเห็นก็ติดอยู่กับโรงแรมระดับห้าดาวบ้างร้านค้ากิจการใหญ่ๆโตๆบ้าง


สามารถแก้ฮวงจุ้ย กันสิ่งไม่ดีทุกชนิด กันไฟ หรือพกพาก็ได้พบแต่คำว่า เฮงๆ

ส่วนคาถาสามารถใช้คาถาโสฬสมหามงคลได้ครับ


ประสบการณ์ของท่านขนาดรูปถ่ายท่านที่ยังไม่ได้ปลุกเสกให้คนที่ถกผีเข้าดูผียังร้องจนออกเลยครับ



ผ้ายันต์นี้เป็นวิชาเอกและสร้างชื่อให้กับท่าน สังเกตุวัตถุมงคลของท่านทุกอย่างต้องมียันต์นี้ประทับด้านหลังเสมอครับ ผ้ายันต์ของท่านยุคแรกๆที่เห็นเป็นสีเหลืองจะเป็นจีวรของหลวงปู่โต๊ะหรือไม่ก็ของหลวงพ่อทองอยู่ครับ ส่วนยุคหลังผ้ายันต์ของท่านเป็นที่ต้องการของศิษย์มากจีวรจึงไม่พอต่อความต้องการ ยุคหลังจึงมีการนำผ้าดิบสีขาวมาให้ท่านทำครับ

ประวัติ นาย กิมเคย แซ่โง้ว เกิดที่ประเทศจีน ตำบลเท้งไฮ้ ได้เข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่เด็ก อายุประมาณ 10 ปี

เมื่อเติบโตพอที่จะประกอบอาชีพได้ ก็ได้รับจ้างทั่วไปรวมทั้งค้าข้าวเปลือก กิจการค้าข้าวเปลือกดีขึ้น จึงได้ร่วมหุ้นทำกิจการโรงสีข้าวที่ปากคลองบางโพธิ์ล่าง ปัจจุบันเป็นตำบลบางเดื่อ จังหวัดปทุมธานี และเมื่ออายุประมาณ 22 ปี ได้สมรสกับนาง นวลศรี เอี่ยมเข่ง มีบุตรด้วยกัน 10 คนคือ

1. นายเซียมจึง สมบูรณ์ธีระ
2. เสียชีวิตตอนเด็ก
3. นายธนิศ ทองศิริ
4. เสียชีวิตตอนเด็ก
5. นางยุพา แซ่แต้
6. นายรัตน์ ทองศิริ
7. นางยุพิน ภิญโญชีพ
8. เสียชีวิตตอนเด็ก
9. เสียชีวิตตอนเด็ก
10. นางยุวดี ทองคำปั้น

พร้อมทั้งได้ย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตนเอง ที่ปากคลองเชียงรากเยื้องๆ กับวัดศาลเจ้า
โรงสีตั้งอยู่บนตำบลบางกะดี ในนามของ “โรงสีไฟทองศิริ” และได้โอนสัญชาติไทย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น “นายนที ทองศิริ”
กิจการโรงสีดีขึ้น และมั่นคงขึ้นมาก เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เรียกขนานนามท่านว่า “เถ้าแก่กิมเคย” หรือ “แปะกิมเคย” แม้ว่าท่านจะเป็นคนจีนดั้งเดิมแต่ท่านก็ชอบทานหมากพลู เช่นชาวไทยทั่วไป
ในยุคนั้นหน้าวัดศาลเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระแสน้ำเชี่ยว และเป็นวังวนมีศาลเจ้าไม้เล็กๆอยู่(ตามประวัติศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า) ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อปู่” ชาวจีนเรียกว่า “ปึงเถ่ากงม่า” เมื่อท่านมีเวลาจะมาบูรณะ และคลุกคลีอยู่ที่ศาลเจ้าเป็นประจำ เนื่องจากท่านเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ชอบทักทาย และชี้แนะให้ทุกคนประกอบแต่ความดี เป็นที่เคารพและศรัทธาของผู้คนทั่วไป
ในช่วงนั้นการคมนาคมยังไม่สะดวก ส่วนใหญ่การเดินทางจะเป็นทางน้ำ การบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างไม่หยุดหย่อน และได้ใช้การพายเรือไปช่วยเหลือผู้คนตามสถานที่ต่างๆ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาช่วยท่านให้สามารถบูรณะศาลเจ้าพ่อศาลเจ้าไม้เล็กๆ ริมน้ำมาเป็นศาลเจ้าที่เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ได้



นอกจากการบูรณะศาลเจ้าแล้ว ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าเป็นวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 1 ถึงวันขึ้น 8 ค่ำเดือน1 รวม 4 วัน 4 คืน ซึ่งทางชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า “เจียง่วย ชิวโหงว ถึง เจียง่วย ชิวโป้ย” และถือเป็นประเพณีตลอดมา ในการจัดงานประจำปี บางปีจะมีลมฝนมืดครึ้มคาดคะเนกันว่าจะมีพายุใหญ่ ท่านก็จะจุดธูปเพื่อปัดเป่าลมฝนไป ซึ่งฝนก็จะไม่ตก ท้องฟ้าแจ่มใส ผู้คนที่พบเห็นแจ้งว่าท่านอยู่ระหว่าง “เข้าทรง”
โดยเชื่อว่าท่านมีองค์ประทับอยู่ และยังเชื่อกันอีกว่าองค์ที่ประทับอยู่นั้นเป็นเจ้าพ่อปู่ของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้านั่นเอง เมื่อผู้คนที่มีความเชื่อมั่นและศรัทธา ขยายวง กล่าวออกไปในหมู่พ่อค้าทุกๆวงการค้า ทำให้ท่านมีศิษย์มากขึ้นและต่างเรียกท่านว่า “หวยลั้งเซียน”
เมื่อการคมนาคมสะดวกขึ้น ผู้ที่ศรัทธาท่านจากแหล่งต่างๆ มาพบท่านและให้ท่านช่วยเหลือ ชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ที่ตั้งบริษัท บ้าน ห้างร้าน และดูทำเลที่ตั้งฮวงซุ๊ยของบรรพบุรุษ ท่านก็ไปให้คำแนะนำ และชี้แนะทุกรายไป แม้กระทั่งไปยังต่างประเทศ ท่านก็ยังขึ้นเครื่องบินไปตามคำร้องขอซึ่งต้องจัดเตรียม หมากพลูไปด้วย ท่านช่วยเหลือบรรดาศิษย์ทุกๆ ท่าน โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ผู้ที่ท่านชี้แนะมักประสพความสำเร็จในธุรกิจ กิจการรุ่งเรื่องเป็นที่รู้จักในวงการค้าทั่วไป พร้อมทั้งบอกเล่าต่อๆกันไป



ผู้ที่เคารพศรัทธาเรียกท่านว่า “อาแปะ” พร้อมทั้งขนานนามท่านว่า “เซียนแปะ” จนกระทั่งทุกวันนี้
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2518 ท่านได้ก่อสร้องตึกศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้าใหม่ โดยปรับปรุงจากเรือนไม้เป็นอาคาร 8 เหลี่ยม ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่ศรัทธาท่านและศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ทุกๆวงการรวมทั้งบุตรหลานในครอบครัวของท่าน โดยใช้เงินในการก่อสร้างกว่า 7 แสนบาท ก่อสร้างเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ.2519 พร้อมทั้งทำพิธีเปิดในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2519 “เซียนแปะ” เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายผ่ายผอมลง หลังโค้งงอ แต่ก็ยังคงช่วยเหลือชี้แนะบรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไปโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เช่นที่เคยปฏิบัติมาตลอด อย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนเป็นที่เคารพรักของบรรดาศิษย์ทุกคน จนกระทั่งอายุ 85 ปี เมื่อปลายปี พ.ศ.2525 ท่านเริ่มมีอาการอ่อนเพลียจนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไทย จนถึงเวลา 05.30 น.ของเช้าวันที่ 16 มกราคม 2526 ท่านก็ได้จบชีวิตลง จากครอบครัว และบรรดาศิษย์ทุกคนไปด้วยความสงบ นับเป็นการสูญเสียที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หลังจากเสร็จพิธีงานศพท่าน บรรดาศิษย์ และครอบครัว ได้ทำการก่อสร้างศาลาเอนกประสงค์ไว้ที่หลังศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า โดยใช้ชื่อว่า “ศาลานที ทองศิริ” พร้อมทั้งตั้งรูปปั้นจำลองขนาดเท่าตัวจริง เพื่อไว้ให้เป็นที่สักการะ และเป็นที่พึ่งทางจิตใจแก่บรรดาศิษย์และผู้คนทั่วไป



ทุกวันนี้ “เจียง่วย ชิวโหงว ถึง เจียง่วย ชิวโป๊ย” เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปของศิษย์และชาวบ้านชาววัดศาลเจ้าใกล้เคียงที่ยังคงระลึกถึงท่าน จะพร้อมใจกันมา นมัสการท่านพร้อมทั้งมาร่วมงานประจำปี ซึ่งมีการแสดงงิ้ว ของศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า “เซียนแปะ” เป็นผู้กำหนดวันไว้ ตราบจนทุกวันนี้

การบูชาอาแปะ จุดธูป 5 ดอก ไหว้ด้วย กระเพาะปลาหรือหูฉลามครับ (ห้ามบน)
สาธุครับ อยากได้ไว้บูชาซักผืน
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-11-28 16:06
สาธุครับ อยากได้ไว้บูชาซักผืน

ดูไม่เป็น อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ


ปล. ของที่มีดีอยู่แล้ว
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-11-28 19:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รามเทพ ตอบกลับเมื่อ 2014-11-28 11:34
ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อ.โง้วกิมโคย(เซียนแปะโรงสี)

ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้