“ผีก็คือส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตเรา...นอกจากจะไม่ควรกลัวมันแล้ว... ควรจะสงสารมันด้วย...ทำบุญทำทานทุกครั้งอย่าลืมนึกถึงสัมภเวสี. ..อนุโมทนาส่วนบุญไปให้เขาบ้างรู้จักหรือไม่รู้จักจะมีอยู่หรือไม่มี อยู่แถวนั้นก็ช่างเถอะ...เผื่อว่าครับเผื่อว่า...วันหนึ่งเป็นเราบ้าง... ผลบุญจะได้ทำให้เราเจอแต่คนดีๆที่เผื่อแผ่ส่วนบุญมาให้เราบ้างไง”
ผมย้อนไปอ่านเรื่องที่เพื่อนผมเขียนไว้ สมัยที่เขาบวชเป็นพระ ที่วัดถ้ำขวัญเมือง อ.สวี จ.ชุมพร เกี่ยวกับเรื่องผี ผีแล้ว ก็อยากจะเล่าอะไรที่ไม่แน่ใจว่า ควรจะเล่าหรือเปล่า เพราะหากคนไม่เชื่อก็จะหาว่าเราไร้สาระ แต่คิดมาคิดไป จะว่าเรายังไงก็ช่าง ผมบอกแล้วไงว่า ..เห็นมา..เล่าไป.... เลยขอเล่าให้ฟังดีกว่า..... บ้านหลังที่ครอบครัวผมอยู่ปัจจุบันนี้ ผมซื้อมาจากกรมบังคับคดีครับ ซึ่งเจ้าของโครงการฯเขาสร้างห้องแถวชั้นเดียว ขายราคาถูกๆ ทำให้หลายๆคน มาซื้อเพื่อใช้สำหรับอยู่อาศัยกัน แต่เนื่องจากผู้ซื้อหรือเจ้าของบ้านส่วนใหญ่ ไม่ค่อยทำอาชีพอะไรที่เป็นหลักแหล่ง อาจชอบเล่นการพนัน หรืออาจไม่มีเงินเดือนประจำ เลยทำให้เจ้าของบ้านเหล่านั้นโดนธนาคารยึดบ้านไปและนำมาขายทอดตลาดอีกทีหนึ่ง ผมจึงได้ซื้อไว้ 2 ห้อง และให้ช่างมาซ่อมแซม โดยเจาะผนังทะลุถึงกัน-เป็นหลังเดียวกัน ห้องที่ผมซื้อเพิ่มนั้น ลุงแก่ๆเจ้าของเดิมที่เขาอยู่ เขารับดูหมอบ้าง ทำแม่ซื้อเด็กบ้าง(คงจะคล้ายๆกับทำขวัญเด็กเพิ่งคลอด-เดาเอาครับ ไม่เคยเห็น) ต่อกระดูกบ้าง ฯลฯ ซึ่งทราบมาว่าท่านเคยบวชเป็นพระ เป็นถึงเจ้าอาวาส แต่ก็สึกออกมาใช้ชีวิตฆราวาส ก็เลยรับทำสิ่งเหล่านี้ อายุก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตก็ประมาณ 90 กว่าปี ผมซื้อมาแรกๆในห้องนอนของท่าน มีน้ำตาเทียนหยดอยู่เต็มห้องเลยครับ ดูแล้วขลังๆเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร ผมก็ใช้เกรียงเหล็กแซะน้ำตาเทียนที่หยดติดพื้นออกและซื้อเสื่อน้ำมันมาปูทับจนเต็มห้อง กะว่าจะใช้เป็นห้องนอนของลูกชายพร้อมๆกับเก็บเสื้อผ้าไปด้วย ตอนนั้นลูกชายของผม 2 คนหัวปี(อ่านไม่ผิดครับ หมายถึงฝาแฝด) เพิ่งจะเข้าเรียนระดับ ปวช. และคงคิดกันตามประสาวัยรุ่นว่าอยากมีของอะไรไว้ติดตัวบ้าง ก็เลยไปขอ รัก-ยม จากพ่อผมมาเลี้ยง-โดยพ่อผมได้ให้คาถาไว้ด้วย (พ่อเล่าให้ฟังว่ารัก-ยม คู่นี้ พ่อได้จากพระธุดงค์ที่มาปักกลดข้างทางรถไฟแถวๆหนองน้ำกิน หรือการประปา อ.สวีในปัจจุบัน โดยพ่อผมซ่อมนาฬิกาปลุกให้ท่าน ท่านจึงได้นำไม้มาแกะรัก-ยม และปลุกเสกให้ เมื่อประมาณ 50 กว่า ปีมาแล้ว) ก็เหมือนกับเด็กเห่อของเล่นแหละครับ ได้มาแรกๆ ก็เรียกกินข้าวกินน้ำทุกมื้อไม่ได้ขาด อยู่ไปนานๆเข้าคงจะละเลยหรือลืมก็ไม่ทราบ เพราะ แม้แต่จะเรียก รัก-ยม กินข้าวก็ยังลืมบ้าง ไม่ได้เรียกเหมือนที่รับปากกับพ่อผมไว้บ้าง เลยทำให้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในบ้านที่ผมอยู่จนได้ ลองนึกถึงห้องแถวชั้นเดียวและมีห้องนอน 1 ห้องดูนะครับ ส่วนใหญ่เขาจะสร้างห้องนอนไว้ระหว่างกลางบ้านและมีทางเดินกว้างประมาณ 1 เมตรเพื่อใช้เดินเข้าหลังบ้าน บ้านที่ผมอยู่ก็เช่นเดียวกัน แต่ผมได้เจาะผนังช่วงหน้าบ้านระหว่างห้องให้ทะลุถึงกัน จึงทำให้มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สามารถทะลุถึงกันได้ ด้านที่ผมนอนนั้นพื้นปูกระเบื้องเสร็จแล้ว ส่วนด้านที่จัดให้ลูกชายนอนนั้นยังไม่ได้ปูกระเบื้อง ผมจึงปูเสื่อน้ำมันไว้เต็มพื้นที่ทั้งบ้านแทน แล้วคืนที่เริ่มเรื่องแปลกๆก็เริ่มขึ้น ประมาณ 2ทุ่มกว่าๆเกือบ 3 ทุ่ม ลูกชาย(แฝดน้อง)กำลังจะนอน ในห้องที่ผมปูเสื่อน้ำมันให้นั่นแหละ เขาได้ยินเสียงเหมือนมีเด็กมาหัวเราะคิกคักอยู่ตรงหน้าห้อง ก็เลยลุกขึ้นมาดู.... ในห้องที่ลูกชายผมนอนนั้น กลางห้องนอนจะมีหน้าต่างบานเกล็ดอยู่ 1 คู่ ลูกชายผมได้ยินเสียงซอยเท้าถี่ๆบนเสื่อน้ำมันหน้าห้องและเห็นอะไรแว่บๆริมหน้าต่าง ก็เลยรีบเปิดประตูและวิ่งตามออกไปทันที เงาแว่บๆหายไปตรงมุมห้องนอน วิ่งผ่านช่องผนังที่ผมเจาะไว้ และวิ่งเลี้ยวผ่านมาทางมุมห้องที่ผมนอนอยู่ และแว่บ หายไปทางหน้าห้องน้ำ ซึ่งลูกชายผม เขาบอกว่า เขาวิ่งตามไปติดๆแต่ก็ตามไม่ทัน เป็นอยู่อย่างนี้ปะมาณ 2-3 วันติดๆกัน สองคนพี่น้อง ก็เลยนัดแนะกันว่า คืนนี้ตอนเข้านอนจะไม่ปิดประตู จะลองวิ่งไล่ดูซิว่าจะเป็นอย่างไร แต่จนแล้วจนรอด2พี่น้อง ก็ไม่เคยเห็นตัวจะจะหรือวิ่งไล่ทันซักที คงได้ยินแต่เสียงเด็กหัวเราะคิกคัก เสียงซอยเท้าถี่ๆและเห็นอะไรแว่บๆด้วยหางตาเท่านั้น ซึ่งคืนไหนที่ลูกชายวิ่งไล่มาหน้าห้องนอน ภรรยาผมที่นอนอยู่ที่ห้องติดกัน ก็จะลุกขึ้นมาสมทบและเปิดไฟช่วยกันหาดู แต่ก็ไม่เคยเจออะไรเลย หรือคิดว่าเป็นแมว? บ้านที่ผมอยู่นั้น อย่าว่าแต่ แมวเลย หนูก็แทบจะเข้าในบ้านไม่ได้อยู่แล้ว และบ้านเราก็ไม่นิยมเลี้ยงหมาหรือแมวไว้ในบ้านด้วย.....กลัวขนมันน่ะครับ เพราะลูกๆเคยเป็นโรคภูมิแพ้ครับ. แรกๆบอกตามตรงว่าเราก็ปอดๆเหมือนกัน เพราะเป็นอะไรที่มองไม่เห็น และผมเองก็ไม่เคยสัมผัสได้เลย เพียงแต่ลูกชายทั้ง 2 ยืนยันว่า เคยโดนหยอกมาตลอด เช่น เวลานอนคนเดียวในห้องจะได้ยินเสียงกล่องพลาสติคที่ใส่เสื้อผ้าแบบมีลูกล้อเลื่อน เคลื่อนถอยหน้าถอยหลังเสียงดังครืดคราดๆ แต่พอลุกขึ้นเปิดไฟดูก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรให้เห็น ทั้งๆที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องเพราะนอนล็อคประตูอย่างแน่นหนา อย่างนี้เป็นต้น บอกตรงๆว่าเวลาผมไปทำงานต่างจังหวัดแล้วภรรยาโทร.ไปเล่าให้ฟัง ก็เครียดๆและเป็นกังวลเหมือนกัน เพราะกลัวว่าจะมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับลูกๆ ซึ่งเราเองแต่เดิมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอย่างนี้ซักเท่าไหร่ครับ จนมาโดนกันเองนี่แหละถึงได้ เริ่มคิดตามที่เพื่อนมันเล่า ว่า..อืม...มันน่าจะจริงของเขานะ และคิดว่าน่าจะเป็นพลังงานในรูปแบบหนึ่ง ที่คนสามัญอย่างเราๆไม่สามารถที่จะสัมผัสได้ง่ายๆเท่านั้นเอง แต่ลูกชายผม-แฝดน้องมักจะพบเห็นอะไรที่แปลกๆอยู่บ่อยๆและสารภาพกับผมตรงๆว่าเขาก็รู้สึกกลัวๆเหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้เห็นเฉพาะรัก-ยมที่ผมเล่านะซิครับ แต่เห็นคนที่ตายไปแล้วบ้าง หรือบางทีขับรถมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืน มองเห็นมีคนเดินกันเป็นกลุ่มๆ เป็นสิบสิบคน จุดคบไฟเดินพูดคุยกันริมทาง แต่พอลูกชายขับมอเตอร์ไซด์ใกล้เข้าไป ก็หายไปต่อหน้าต่อตา ฯลฯ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขากลัวได้อย่างไร และรัก-ยมเองก็เคยช่วยให้เขารอดชีวิตจากการถุกทำร้ายมาแล้ว..... ไม่ขอเล่าล่ะนะเดี๋ยวจะยาวไป แต่ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกันมันทำให้เขารู้จักแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผีต่างๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไปทำงานที่กรุงเทพแล้ว ก็ยังใส่บาตร อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและผีไม่มีญาติ แทบจะทุกๆเช้าเลยครับ หลังจากนั้นไม่นานนักพ่อผมก็มาเยี่ยมครอบครัวผมที่บ้าน ภรรยาผมจึงขอให้พ่อรับ รัก-ยม คู่นั้นกลับไปด้วย เพราะกลัวว่าลูกชายผมจะเอาไม่อยู่ หรืออาจจะละเลยจนเกิดอะไรแปลกๆขึ้นมาอีกก็เป็นได้ เพราะเท่าที่ผ่านมา พี่-น้อง เพื่อนฝูงที่มานอนที่บ้านผม บางคนก็บอกว่าเจออะไรแปลกๆ บางคนก็ไม่เจออะไร หรืออาจจะมีบางคนก็ไม่กล้าบอกว่าเจออะไร แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่กล้ามานอนที่บ้านผมอีกเลย สำหรับครอบครัวผมแล้ว รู้สึกเฉยๆครับ อาจจะมีบางแว่บที่นึกขึ้นมาบ้าง แต่ก็คิดแบบที่เพื่อนผมบอกไว้ข้างต้นนั่นแหละครับ ปัจจุบัน..เราก็อยู่กันที่บ้านหลังนี้ครับ เพียงแต่ผมไต้ตั้งหิ้งพระ และวางตู้พระอีก 2 ตู้แล้ว....แค่นั้นเอง แหะ แหะ...
|