|
แล้วท่านก็พักวิเวกอยู่ในเขตอำเภอผือนั้น ตามถ้ำม่วง ถ้ำจันฑคาด ถ้ำหีบแถวนั้นพอสมควรแล้ว ก็เดินทางต่อไปทางอำเภอท่าบ่อ และบ้านศรีเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีเชียงใหม่
ท่านได้จำพรรษาที่วัดพระดอย บ้านศรีเชียงใหม่ (ชื่อทุกวันนี้ไม่ทราบ) ในพรรษานั้นท่านป่วยเป็นไข้ เป็นไข้หนัก และพระเณรก็เป็นไข้กันหลายองค์ แต่ท่านพระอาจารย์เล่าว่า มักจะได้กำลังใจเมื่อเวลาป่วยไข้
เพราะสมัยแต่ก่อนไม่ค่อยมีหมอ มีหมอก็หมอชาวบ้าน อาศํยยาต้มและยาฝน ซึ่งบางทีก็ไม่ค่อยจะหายง่าย และมีเณรองค์หนึ่งซึ่งจำพรรษาด้วยกัน เณรองค์นั้นก็ป่วยและหายก่อน
เวลาพอเดินได้เณรนั้นก็เดินไปถามท่านพระอาจารย์ว่า ครูบาเป็นอย่างไร ยังไข้อยู่หรือ ท่านตอบเณรว่า ยังไข้อยู่ แล้วท่านพระอาจารย์ถามเณรว่า เณรล่ะ หายหรือยัง เณรนั้นตอบว่า หายพอเดินได้ เณรเลยพูดต่อไปว่า โอ่ย ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ให้ผมเป็นอีกซักทีก็ได้ครูบา ท่านพระอาจารย์ก็หัวเราะ เณรนั้นออกจะไม่ค่อยเต็มบาทเท่าไร
ตอนที่ไปเที่ยววิเวกด้วยกันก็มีเรื่องขบขันหลายอย่าง ที่พักจำพรรษาอยู่ด้วยกันในปีนั้นก็มี ท่านพระอาจารย์สุวัจน์ สุวโจ, ท่านพระอาจารย์วัน อุตฺตโม, ท่านพระอาจารย์สม และท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร มีหลายองค์ด้วยกัน (ปัจจุบันทุกองค์ได้มรณภาพไปหมดแล้ว)
เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านได้ทราบข่าวว่าหลวงพ่อของท่านถึงแก่กรรมที่หมู่บ้านกุดสิม อำเภอบัวขาว (อำเภอกุฉินารายณ์) จังหวัดกาฬสินธุ์ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ อันเป็นพรรษาที่ ๘ ล่วงแล้ว
ท่านจึงเดินทางกลับบ้านศรีฐานเพื่อทำบุญให้กับหลวงพ่อของท่าน แล้วพักอยู่บ้านนานพอสมควร จึงได้เดินทางออกวิเวกต่อไปทางจังหวัดนครพนม เขตอำเภอมุกดาหาร อำเภอคำชะอี
กองทัพธรรมพระป่ากรรมฐาน สานุศิษย์สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
(จากซ้ายไปขวา) หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ, หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร,
พระอาจารย์กว่า สุมโน, หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ, พระอาจารย์ชม (ไม่ทราบฉายา)
หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ, หลวงปู่อ่อนศรี สุเมโธ, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
|
|